"ไม่รับสมุดบันทึกเมื่อปี 1982 ไปด้วยหรือคะ"
เด็กสาวผมเปียคู่ถามขณะนำม้วนฟิล์มที่ยังไม่ได้ล้างใส่ลงซองกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ เนื้อกระดาษของมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล เมื่อใส่ลงไปเรียบร้อย เธอพับปากซองแล้วนำสก็อตเทปมาแปะทับอีกทีเพื่อปิดปากถุงไม่ให้วัตถุข้างในร่วงหล่น ดวงตากลมโตสีดำฉายแววออดอ้อน
"ไม่เป็นไรล่ะครับ เอาเท่านี้ก็พอ" ผมรีบชิงปฏิเสธก่อนจะพ่ายแพ้แววตาคู่นั้น เปิดกระเป๋าเงินแล้วหยิบธนบัตรส่งให้ เธอยอมแพ้แต่โดยดี มือเล็กเอื้อมมารับเงินจากผมแล้วเก็บใส่ในลิ้นชัก
"อาทิตย์หน้ามีของลงใหม่นะคะ คุณปู่บอกว่าคราวนี้ได้จดหมายกับอัลบั้มภาพมาเต็มไปหมดเลย ถ้าว่างก็แวะมาดูได้นะคะ ขอบคุณที่อุดหนุนค่ะ" เธอพูดทิ้งท้ายแล้วส่งยิ้มให้ ผมพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากร้าน
เหนือประตูไม้สีเขียวซีดอันเป็นทางเข้าออกมีแผ่นป้ายเก่าคร่ำคร่าสลักอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ว่า
เม็มโมรี ชอป ในคราวแรกผมคิดว่าเป็นเพียงชื่อของร้านแห่งนี้เท่านั้น ทว่าผมคาดผิดไป ชื่อของร้านกลับหมายถึงสินค้าที่ร้านแห่งนี้ขายต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นสมุดบันทึกประจำวัน อัลบั้มรูป ภาพถ่าย จดหมาย โปสการ์ด เรียงความถ่ายทอดแนวคิดที่ถูกเขียนทิ้งไว้ เนื้อเพลงที่นักแต่งเพลงไม่ได้นำไปใช้จริง หรือแม้กระทั่งม้วนฟิล์มใช้แล้ว ทุกอย่างล้วนมีขายในร้านนี้ทั้งหมด ใช่แล้ว ร้านในตึกแถวสูงสี่ชั้นแห่งนี้ขาย
ความทรงจำอาจเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือนึกสนุกของผมเอง ด้วยความที่ไม่เคยพบอะไรเช่นนี้มาก่อนจึงตัดสินใจลองอุดหนุนดูสักครั้ง ผมซื้อแผ่นซีดีแผ่นหนึ่งจากร้านความทรงจำแห่งนี้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ถึงแม้ตัวแผ่นจะมีรอยขูดขีดเล็กน้อยแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในสภาพดี มีรอยหมึกปากกาน้ำเงินจาง ๆ เขียนไว้ว่า
สุดท้าย ส่วนวันที่ไม่ได้ลงไว้
การซื้อในครั้งนั้นค่อนข้างเสี่ยงดวงทีเดียว เพราะเด็กสาวพนักงานขายเองก็ไม่ทราบว่าภายในซีดีนี้บรรจุไฟล์แบบใดเอาไว้ เธอไม่ได้ทดลองเปิดดูก่อน ผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าคอมพิวเตอร์จะยังสามารถอ่านแผ่นได้อยู่หรือเปล่า บางทีผมอาจเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์เพื่อพบว่าแผ่นซีดีนี้เป็นแผ่นเสียก็เป็นได้ ดังนั้นผมจึงไม่คาดหวังมากมายนัก
และเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรเอาไว้ ทำให้ผมรู้สึกแบบที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้หลังจากสำรวจภายในแผ่นซีดีเสร็จ มันประหลาดใจ ประทับใจ อื้ออึง ผสมปนเปกันไปหมด
เมื่อใส่แผ่นเข้าไปในเครื่องซีพียูและเปิดหน้าต่างไฟล์ของมันขึ้นมา มีไฟล์เพลงจำนวนเก้าเพลงอยู่ในนั้น รวมถึงไฟล์บันทึกเสียงอยู่อีกหนึ่งไฟล์ แต่ละไฟล์ใส่หมายเลขเอาไว้ตั้งแต่ 01 จนถึง 10 โดยไฟล์บันทึกเสียงนั้นเป็นหมายเลขสุดท้าย ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นที่ไฟล์หมายเลขแรก หลังจากกดดับเบิ้ลคลิก โปรแกรมเล่นไฟล์เสียงก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ รอสักพักเสียงโซโลกีตาร์จึงดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงร้องของผู้้ชายผ่านลำโพงหูฟังที่ผมกำลังสวมอยู่ มันคือเพลง
วันเดอร์วอล ของวงโอเอซิส
ผมเคาะนิ้วมือกับโต๊ะและร้องคลอร่วมไปด้วยในท่อนสร้อย เมื่อเพลงเล่นจบ ผมจึงเปิดไฟล์เพลงถัดไป ไล่ไปเรื่อย ๆ ตามหมายเลข ทุกเพลงเป็นเพลงรักค่อนข้างเก่า ไม่ว่าจะเป็น
แอส ลอง แอส ยู เลิฟ มี ของวงแบล็คสตรีต บอยส์ หรือ
(เอวรี่ธิง ไอ ดู) ไอ ดู อิต ฟอร์ ยู ของไบรอัน อดัมส์
ผมฟังทุกเพลงอย่างไม่รีบร้อนจนกระทั่งเพลงหมายเลข 09 เล่นจบ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ผมเคลื่อนมือที่กุมเม้าส์หนูสีดำขนาดเหมาะมือไว้แล้วเลื่อนเคอร์เซอร์ไปยังไฟล์สุดท้าย กดเปิดมันในที่สุด
เสียงรบกวนแทรกเบา ๆ ตามแบบการบันทึกเสียงทั่วไปแว่วออกมา ราวสิบวินาทีจึงมีเสียงพูด เป็นเสียงแหบทุ้มของผู้ชาย ติดจะสั่นเล็กน้อย
ไง โรส—
ผมเอง แปลกใจใช่ไหมที่คราวนี้ผมอัดเสียงตัวเองมาด้วย เสียงนั้นหัวเราะ เงียบไปสักพักจึงพูดต่อ
ที่จริงมันก็นานอยู่นะ หกปีได้ไหม ตั้งแต่ที่ผมไรท์แผ่นซีดีเพลงแผ่นแรกให้คุณ เพลงของคาร์เพ็นเตอร์สฺ ผมจำได้ เพลงโคลส ทู ยู สมัยที่เรายังเรียนอยู่ คุณขึ้นไปร้องเพลงนี้บนเวทีงานนิทรรศการของคณะแล้วผมผ่านมาเห็นพอดี คุณร้องเพราะมาก มากเสียจนผมกลับไปฟังเพลงนี้ไม่หยุดตลอดสองเดือน กว่าจะรวบรวมความกล้าไรท์แผ่นซีดีเพลงฝากเพื่อนมาให้คุณพร้อมข้อความแนบ ตลกดีนะ แต่ก็คุ้มค่า เพราะหลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันมาตลอด
เสียงหยุดหายไปอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนแอบฟังบทสนทนาของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ลังเลว่าควรหยุดหรือไม่ แต่ก็ไม่สามารถเลิกฟังกลางคันได้ ตัวเลขบนหน้าจอแสดงให้รู้ว่าเหลืออีกหนึ่งนาที สิบหกวินาที ไฟล์บันทึกเสียงจะจบลง
ช่วงเวลาหกปีที่ผ่านมา ผมพยายามจัดเพลย์ลิสต์เพลงแล้วไรท์ลงซีดีให้คุณฟัง ถ้าคุณยังจำได้และเก็บไว้อยู่ มีเยอะมากเลยนะ เพลย์ลิสต์สำหรับฟังตอนทำความสะอาดกับตอนขับรถ เพลย์ลิสต์สำหรับฤดูร้อน เพลย์ลิสต์ก่อนนอน เพลย์ลิสต์วันหยุด เพลย์ลิสต์วันคริสต์มาสก็ด้วย ตอนนั้นคุณเล่าว่าคุณฟังเสียจนเก็บไปฝันว่าคุณเป็นเอลฟ์คอยช่วยซานตาคลอสเตรียมของขวัญเลยนี่ จำได้ไหม
ผมอมยิ้ม ผู้ชายในไฟล์บันทึกเสียงคงเป็นคนอบอุ่นไม่น้อย
—แต่ผมว่าจะหยุดแล้วล่ะ จะไม่เลือกเพลงมาทำเพลย์ลิสต์ไรท์ลงแผ่นอีกแล้ว ดังนั้นซีดีแผ่นนี้จะเป็นแผ่นสุดท้าย เสียงนั้นเงียบไปอีก และคราวนี้หายไปเป็นเวลากว่าสิบวินาที จากนั้นจึงดังขึ้นใหม่ในที่สุดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชัดเจน เสียงนั้นก้องในหูผม
ผมอยากให้คุณมาอยู่กับผม ฟังเพลงด้วยกันกับผม แต่งงานกับผมนะ0.3
0.2
0.1
0.0
ไฟล์บันทึกเสียงจบลง
ผมถอดหูฟังออก ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร
รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงที่ชื่อโรสคือใคร หน้าตาแบบใด อยู่ที่ไหน แล้วชายที่อัดเสียงตัวเองลงไปในแผ่นซีดีสมหวังกับเธอหรือเปล่า เขาสองคนได้แต่งงานกันไหม ทั้ง ๆ ที่แผ่นซีดีแผ่นนี้ควรเป็นของสำคัญของคนทั้งคู่ ทว่าไม่รู้เลยว่าสุดท้ายวัตถุแผ่นกลมนี้มาลงเอยที่ร้านความทรงจำได้อย่างไร โรสได้รับแผ่นซีดีนี้หรือเปล่า เธอตอบตกลงแต่งงานกับเขาและซีดีนี้เกิดตกหล่นระหว่างการเคลื่อนย้ายของใช้มาอยู่ด้วยกัน หรือที่จริงแล้วมันไม่เคยส่งถึงมือโรสแบบเดียวกันกับซีดีแผ่นแรกที่มีเพลงของคาร์เพนเตอร์สฺ เกิดความผิดพลาดระหว่างทาง ซีดีหลุดหาย และโรสไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องการเธอเป็นคู่ชีวิตของเขาตลอดมา หรือหากคิดในแง่ดี ซีดีแผ่นนี้อาจเป็นเพียงแผ่นทดลองเท่านั้น ชายผู้เป็นเจ้าของมันอาจต้องการเปลี่ยนแปลงคำพูดในไฟล์บันทึกเสียง หรือเพิ่มเพลงเข้าไปอีกสักสองสามเพลง เลยทำแผ่นใหม่เพื่อมอบให้โรส จะเป็นแบบไหน ผมไม่รู้เลย
ผมกดปุ่มเปิดช่องใส่ซีดี นำแผ่นออกแล้วเก็บใส่ซอง เปิดลิ้นชักแล้ววางแผ่นซีดีแผ่นนั้นไว้มุมลึกสุดของลิ้นชัก จากนั้นก็ไม่เคยหยิบมันขึ้นมาอีก
หลังจากนั้นสัปดาห์หนึ่ง ผมกลับไปยังเม็มโมรีชอปอีกครั้งและซื้อสมุดจดบันทึกกลับมา ภายในนั้นไม่ได้รวบรวมความเรียงชีวิตประจำวันของใคร แต่เป็นสมุดบันทึกเกี่ยวกับบทกวีทั้งหลายที่คัดลอกมาอีกทีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นซอนเน็ตแบบอังกฤษของเชคสเปียร์ ซ็อนเน็ตแบบอิตาลีของไวแอต บทกลอนสรรเสริญธรรมชาติในยุคโรแมนติก หรือแม้กระทั่งร้อยกรองเสียดสีทางการเมืองในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม นอกจากคัดลอกเนื้อความด้วยลายมือสวยงามปราณีตโดยปากกาหมึกซึมแล้ว เจ้าของบันทึกยังแทรกข้อความส่วนตัวไว้ท้ายบทกวีแต่ละบทอีกด้วย อาทิ
เขาคิดว่าเขาเป็นใครกันหรือ ถึงกล้าเขียนบทกลอนเช่นนี้ถึงหญิงสาว? หรือ
การบรรยายของเขาทำให้ฉันอยากซื้อตั๋วไปพักร้อนในป่าเสียเดี๋ยวนี้ใช้เวลาประมาณสามวันผมจึงอ่านจบ บทกวีบางบทผมไม่สามารถแปลออก ทว่าแค่อ่านข้อความอันจัดจ้านของเธอก็ให้ความเพลิดเพลินแก่ผมไม่น้อย
สำหรับคราวนี้ เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมอุดหนุนร้านความทรงจำ ผมมองซองม้วนฟิล์มในมือขณะเดินไปร้านอัดรูปที่อยู่ไม่ไกล ไม่รู้ทำไมผมยังตัดสินใจรับเอาชิ้นส่วนความทรงจำของคนอื่นมาอีก เจ้าของความทรงจำชิ้นนั้น ๆ ต้องการเผยแพร่มันหรือเปล่า อาจใช่ อาจมีคนที่ต้องการส่งต่อเศษเสี้ยวของความคิด เหตุการณ์ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นให้คนอื่นได้มีส่วนร่วมรับรู้ แต่ก็อาจไม่ อาจมีบางคนที่ไม่ต้องการแบบนั้น ความทรงจำที่อยู่ในร้านเป็นสิ่งที่สูญหายจากเจ้าตัวโดยไม่ตั้งใจ เขาหวงแหนและต้องการมันคืน ผลงานของนักเขียนหลาย ๆ คนเองก็ถูกนำมาตีพิมพ์ตอนที่พวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว นักเขียนเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไรเมื่อสิ่งที่ตัวเองถ่ายทอดออกมาได้ถูกกระจายส่งต่อเป็นประจักษ์แก่สายตาคนทั้งโลก ดีใจที่ผลงานของตนมีผู้รับรู้ หรือไม่พอใจเพราะต้องการเขียนออกมาเพื่อตนเพียงคนเดียว
คนล้างฟิล์มในร้านอัดรูปอันเป็นจุดหมายที่ผมกำลังเดินทางไปล่ะ จะรู้สึกอย่างไรที่ตัวเองได้เห็นภาพถ่ายทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ก่อนเจ้าของภาพ เจ้าของม้วนฟิล์มม้วนนี้ก็เช่นกัน จะรู้สึกเหมือนถูกผมช่วงชิงความทรงจำไปหรือเปล่า จะกำลังตามหาสิ่งที่อยู่ในมือผมอยู่ไหม ผมเองก็ไม่ทราบคำตอบ
จุดประสงค์ของเม็มโมรีชอปคืออะไร แล้วการมีอยู่ของร้านเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ ผมไม่รู้เลย
ผมหยุดหน้าร้านอัดรูปเล็ก ๆ ริมถนน จากนั้นจึงเปิดประตูร้านแล้วเดินเข้าไป—"ล้างฟิล์มหนึ่งม้วนครับ"
Cover from
wikiart : Clarinet, Bottle of bass, Newspaper, Ace of clubs — By Pablo Picasso
แล้วก็ขอบคุณมากๆค่ะ ดีใจมากเลยที่ชอบ
จะพยายามเขียนบ่อยๆนะคะ :-D