เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryBaifern Nichada
Coldplay กับการกลับมาพร้อมคอนเสิร์ตรักษ์โลกรูปแบบใหม่
  • ** บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาสังคีตนิยม Music Appreciation 2737110 **

     

    Coldplay Live from Climate Pledge Arena (2021)

     

    “Coldplay” ชื่อนี้หลายคนน่าจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง ด้วยความที่เป็นวงดนตรีที่อยู่มานานกว่า 20 ปีพร้อมเพลงฮิตติดชาร์ตมากมายอย่าง A Head Full of Dreams, Yellow, The Scientist, Everglow, Fix You, A Sky Full of Stars และเมื่อสองเดือนที่แล้วเขาก็พิ่งได้ร่วมทำเพลงกับศิลปิน K-POP ชื่อดังที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง BTS ในเพลง My Universe ที่น่าจะติดหูใครหลาย ๆ คนไปแล้ว

     

    Coldplay เป็นวงดนตรีป๊อป-ร็อคระดับโลกจากเกาะอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ Christ Marin ตำแหน่งร้องนำ คีย์บอร์ดJonny Buckland ตำแหน่งกีตาร์Guy Berryman ตำแหน่งเบส และ Will Champion ตำแหน่งมือกลอง 

    (ขอบคุณรูปภาพจาก FB : Coldplay) 

    เราเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ยินเพลงของ Coldplay มาตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตามวงดนตรีนี้อย่างจริงจังแต่เพลงของเขาก็มักจะฮิตติดชาร์ตอันดับต้น ๆ จนไปที่ไหนก็จะได้ยินเพลงของเขาเปิดอยู่เรื่อย ๆ เสมอ พอได้มาติดตามเรื่อย ๆ ก็รู้สึกทึ่งกับทั้งความคิด แนวทางการทำเพลง การแสดงสดและวิธีโปรโมทเพลงแรกในอัลบั้มล่าสุดของพวกเขาคือเพลง Higher Power ที่นำไปเปิดเล่นครั้งแรกให้คนทั้งโลกได้ฟังโดยนักบินอวกาศ Thomas Pesquet บนสถานีอวกาศนานาชาติที่อยู่นอกโลกจนกลายเป็นประเด็นร้อนอย่างรวดเร็ว ทั่วโลก

     

    (ขอบคุณรูปภาพจาก FB : Coldplay) 

    หลังเพิ่งปล่อยอัลบั้มล่าสุด Music of the Spheres อัลบั้มชุดที่ 9 ของพวกเขาออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันเป็นที่เรียบร้อย ทาง Coldplay ก็ได้จัดคอนเสิร์ตขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เป็นการกลับมาจัดคอนเสิร์ตของพวกเขาในรอบเกือบ 2 ปีหลังประกาศว่าจะไม่จัดคอนเสิร์ตจนกว่าเขาจะหาทางจัดคอนเสิร์ตแบบ sustainable และ eco-friendly ได้ 

     

    คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดที่ Climate Pledge Arena ของ Amazon ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เป็นอารีนา Zero-Carbon แห่งแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีแบบไร้การผลิตคาร์บอนอย่างสิ้นเชิง คอนเสิร์ตครั้งเลยน่าสนใจมาก ๆ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน และนอกจากนี้ยังได้มีการถ่ายทอดสดฟรีผ่านแพลตฟอร์ม Amazon Prime Video อีกด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ทำความรู้จักกับวงนี้เพิ่มขึ้นไปอีกด้วยการรับชมการแสดงสดที่มีเสน่ห์ของพวกเขา นอกจากนี้ได้มีการลงคลิปคอนเสิร์ตใช้รับชมย้อนหลังได้แบบ full concert ถึงวันที่ 11 ธันวาคมนี้อีกด้วย สามารถเข้าไปรับชมได้ที่ https://www.primevideo.com/detail/amzn1.dv.gti.13898f1a-5de7-4c9f-bad9-6a40bbb79b91 


    (ขอบคุณรูปภาพจาก FB : Coldplay)  

    ตลอดคอนเสิร์ต ชั่วโมง 36 นาทีกับ 16 บทเพลงในครั้งนี้จะเป็นการแสดงดนตรีที่มีอัตราจังหวะแบบ quadruple ทั้งหมดเนื่องด้วยเพลงของพวกเขาเป็นเพลง Rock และ เพลง POP มีทั้งเพลงช้าและเพลงเร็วสลับกันไปพร้อมกับการจัดแสงสีและลูกเล่นต่าง ๆ ให้ผู้ชมได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับคอนเสิร์ตในแต่ละช่วงแต่ละบทเพลง และเนื่องด้วยความเพลินของทั้งคอนเสิร์ตนี้ทำให้เราเลือกเพลงที่ชอบที่สุดไม่ถูกเลยจะขอพูดถึงทั้ง 16 บทเพลงเลยละกัน (ถ้าใครขี้เกียจอ่านสามารถข้ามไปย่อหน้าสุดท้ายของบทความที่เราพูดถึงความประทับใจในคอนเสิร์ตนี้ได้เลย)


    (ขอบคุณรูปภาพจาก FB : Coldplay) 

    เริ่มต้นด้วยเพลงใหม่ Higher Power ที่เป็นเพลงแนว electropop จังหวะสนุก ๆ ที่ไม่ได้ส่งต่อพลังมากนัก เป็นแค่การ upbeat เชิญชวนให้ผู้ชมเริ่มขยับตามจังหวะดนตรีไปก่อน ต่อด้วยเพลงในอัลบั้มเก่า ๆ ของพวกเขาอย่างเพลง Clocks ที่ Christ ได้ลงมาร่วมบรรเลงเปียโนไปพร้อมกับวงด้วย และในช่วงท้ายเพลง Christ ก็ได้โชว์ลีลาการบรรเลงเปียโนที่สุดจะเท่ของเขา ก่อนจะแวะมาทักทายผู้ชมและเกริ่นเข้าเพลง Fix you ที่เริ่มด้วยเสียงร้องเขาคลอไปกับเสียงเบสของ Guy ก่อนจะเข้าฮุคด้วยกีต้าร์ไฟฟ้าและเสียงร้องของผู้ชมทั้งฮอลล์คลอตามไปด้วยให้บรรยากาศที่น่าหลงใหลจนเราโดนดึงดูดราวกับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ทาง Will ก็ได้แทรกจังหวะกลองของเขาเข้ามาอย่างนิ่มนวลพร้อมช่วยร้องเสริมเข้าไปด้วยแบบ homophony การบรรเลงเปียโนของ Christ ทำให้เพลงละมุนขึ้นมาก ๆ 


    เขาได้ค่อย ๆ เร่งจังหวะขึ้นมาเพื่อเข้าเพลง Viva la Vida Will ได้เปลี่ยนจากกลองชุดธรรมดามาเล่นเครื่อง percussion อื่น ๆ อย่าง timpani พร้อมระฆังแทนเพื่อปรับเปลี่ยน tone color ในเพลงให้แปลกใหม่ขึ้นและด้วยเนื้อเสียงของมันทำให้เพลงดู soft ลง ปล่อยให้เสียงของนักร้องประสานคนอื่นไกด์ผู้ชมให้ร้องสอดประสานทำนองเข้าไปด้วยจนกลายเป็นการบรรเลงแบบ polyphony ที่ไพเราะนุ่มนวลไปเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ช้าลงเพื่อจบเพลง แต่ยันไม่ทันมีเวลาให้ผู้ชมได้ส่งเสียงปรบมือ อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงกีต้าร์โซโล่เมโลดี้ของ Johnny ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เราคุ้นเคยของเพลง Adventure เด่นขึ้นมาอย่างเร่งจังหวะขึ้น ตามด้วย Will ที่กลับมาเล่นกลองชุดแล้วเพื่อจังหวะที่สนุกขึ้น ในช่วงหลังฮุคดนตรีได้บรรเลงท่อนนี้วนไปเพื่อให้ Christ ได้มีการพูดคุยกับผู้ชมโดยได้ขอให้ทุกคนก้มตัวต่ำลงก่อนที่จะนับ 1 2   1 2 3 4 ! แล้วทุกคนโดดขึ้นมาพร้อมกันให้อัตราจังหวะของหัวใจเราเร่งขึ้นไปกับจังหวะดนตรี และยิ่งเพิ่มความสนุกในการรับชมคอนเสิร์ตนี้ขึ้นไปอีกขั้นจบเพลงด้วยการร้องไล่ทำนองเมโลดี้ต่าง ๆ ให้คนดูร้องตาม


    Christ ได้แวะมาพูดคุยอีกครั้งและขอบคุณผู้จัดที่ทำให้งานนี้เกิดพร้อมกับรักษ์โลกไปด้วยก่อนจะเข้าเพลง The Scientist ที่เริ่มด้วยคริสลงมาบรรเลงเปียโนเองก่อนพร้อมร้องท่อนแรกด้วยไดนามิคเบา ๆ ให้ผู้ชมได้ร้องตามจนดังไปทั่วทั้งฮอลล์ และตามมาด้วยกีต้าร์โปร่งเพื่อเพิ่มความเรียบง่ายให้กับเพลงนี้ให้เราฟังเพลิน ๆ ไป ก่อนที่ Johnny จะเปลี่ยนมาเล่นกีต้าร์ไฟฟ้า ในช่วงท้ายของเพลง Christ ได้ขอให้ผู้ชมร่วมร้อง chrorus กันสักท่อนก่อนจะจบเพลงลงให้ความรู้สึกที่สงบลงดั่งเนื้อเพลงที่ว่า “I’m going back to the start.” ต่อมา Christ และ Johnny ได้มาร่วมบรรเลงเร่งจังหวะข้างกันก่อน Will จะตีกลองชุดของเข้าเพื่อส่งเข้าท่อนแรกของเพลง Paradise และลดไดนามิคของกลองลงเพื่อให้เสียงร้องของ Christ เด่นขึ้นมาและกลับมาเพิ่มไดนามิคกลองอีกครั้งในช่วงฮุดของเพลงยิ่งเป็นการส่งพลังเข้าฮุคที่ทำให้เราสนุกไปกับเพลง แม้กระทั่ง Christ เองก็พูดว่า I don’t wanna stop แต่ก็ต้อง move on ไปเพลงต่อไป


    เพลงต่อมา Human Heart เพลงในอัลบั้มใหม่ของพวกเขาเริ่มด้วยเสียงประสานกอสเปลอันไพเราะนุ่มนวลจากแขกรับเชิญอย่าง We Are KING เริ่มเข้าท่อนแรกด้วยเสียงของ Christ และเสียงประสานของ We Are KING โดยที่ยังไม่มีเครื่องดนตรีอื่นมาแทรกเพื่อให้ผู้ชมได้ตั้งใจรับฟังสารที่เขาอย่างจะสื่อสารในเนื้อเพลงเพลงนี้ ในเวิร์ส ที่ร้องว่า Girls can make-believe เขาก็ได้ปล่อยให้ We Are KING ร้องไปเพื่อให้สื่อสารความหมายนี้ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นแล้วค่อยกลับมาร้องในท่อน My human heartOnly got a human heart.” และจบ outro ไปด้วยเสียงประสานของพวกเขาที่นุ่มนวลปลอบประโลมจิตใจของพวกเรา


    ก่อนจะกลับเข้ามาสู่ช่วงความมันส์ด้วยแนวร็อคที่ห่างหายไปนานในเพลง People of the Pride ที่มีรีฟกีต้าร์ปลุกเร้ามากที่สุด พร้อมกับจังหวะกลองที่ดึงอารมณ์คนดูกลับมาและชวนให้กระทืบเท้าโยกหัวตามไปทั้งเพลง และมาพักเบรคทักทายขอบคุณผู้ชมแฟนเพลงทั้งเก่าและใหม่ เขาได้กล่าวแสดงความซึ้งใจในความพยายามในการมาดูคอนเสิร์ตครั้งนี้ของผู้ชมทุกคนเพราะเขารู้ว่าการเดินทางในช่วงโรคระบาดอย่างนี้ไม่ง่ายเลย เขาเลยมอบบทเพลง Everything’s not lost เพื่อปลอบประโลมใจของพวกเราที่ต้องผ่าฟันอุปสรรคมากมายในช่วงนี้เป็นการตอบแทน นอกจากเขาจะซาบซึ้งใจในตัวผู้ชมแฟนเพลงทุกคนแล้ว Christ ยังรู้สึกซาบซึ้งใจในเพื่อนร่วมวงของเขาอย่าง Will ด้วยจนต้องพูดแทรกกลางเพลงให้ทุกคนได้ตั้งใจชมฝีมือของเขาที่ใส่จิตวิญญาณลงไปในทุกครั้งที่บรรเลงตีไม้ลงไปก่อนจะกลับมาร้องบรรเลงตามเดิม


    ทุกคนได้ย้ายไปที่เวทีด้านหน้าเพื่อที่จะได้เข้าใกล้ผู้ชมมากขึ้นและส่งพลังกำลังใจมาให้เรามากขึ้นในเพลงต่อมา Magic ด้วยการจัดแสงสีที่มีลำแสดงสาดพุ่งออกมาจากจอด้านหลังของพวกเขาราวกับพวกเขากำลังส่งพลังเวทมนตร์อะไรบางอย่างมาฮีลใจเรา และในบทเพลงต่อมาสมาชิกคนอื่นก็ได้กลับไปเวทีด้านหลังและปล่อยให้ Christ ได้ฉายเดี่ยวด้วยการเล่นกีต้าร์โปร่งและร้องเองคนเดียวในรูปแบบ acoustic ฟังสบายในเพลง Yellow ที่ทุกคนร้องตามได้ง่าย ๆ และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศนี้อย่างเต็มที่ และยังคงความชิว ฟังสบาย ๆ ด้วยการ cover เพลง Nothingman ของ Pearl Jam ที่ Christ เพิ่งแกะเมื่อก่อนขึ้นเวทีมานี้เอง เขาได้ร้องและบรรเลงกีต้าพร้อมกับ Will ที่มาบรรเลงเปียโนร่วมด้วย ก่อนจะกลับไปเวทีเดิมพร้อมดึงความสนุกกลับมาให้ผู้ชมไม่รู้สึกเบื่อไปก่อนด้วยเพลงฮิตติดชาร์ต My Universe ที่ส่งพลังไปถึงผู้ชมที่รับชมผ่านทางช่องทางออนไลน์ด้วย ในเพลงนี้เสียดายที่ทาง BTS ไม่ได้เข้ามาร่วมแสดงด้วย มาเพียงแค่ภาพและเสียงของพวกเขาเท่านั้นเลยทำให้ความมันส์ของเพลงนี้ไปไม่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ฟังเพลิน ๆ โยกตามไปได้อยู่ ถ้าเป็นไปได้เราก็คงอยากให้พวกเขาทั้งสองวงได้มาแสดงสดร่วมกันคงเป็นการแสดงที่สนุกสุด ๆ แน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะในเพลงก่อนสุดท้าย A Sky Full of Stars พวกเขาได้จัดแสงสีเสียงมาเต็ม ภาพที่ทั้งฮอลล์ทุกคนถือแท่งไฟหลากหลายกันทำให้รู้สึกราวกับว่าคอนเสิร์ตแห่งนี้เป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวจริง ๆ ที่โยกย้ายไปพร้อมกับเสียงเพลงในค่ำคืนนี้ด้วยกัน พร้อมกับ confetti ที่โปรยลงมาเหมือนยิ่งเพิ่มดวงดาวที่ล่องลอยอยู่ในจักรวาลแห่งนี้เข้าไปอีก


    ระหว่างที่ Christ แสดงเพลงนี้อยู่นั้นเขาได้เหลือบไปเห็นป้ายวันเกิดของผู้ชมคนหนึ่ง ดังนั้นก่อนที่จะจบคอนเสิร์ตนี้ไปด้วยเพลงสุดท้าย เขาได้ชวนเจ้าของวันเกิดตัวน้อย Patrick ที่เพิ่งจะอายุครบ ขวบในวันนี้ขึ้นมาทักทายผู้ชมและอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเลงเพลงสุดท้ายของพวกเขาก่อนที่จะจบคอนเสิร์ตไปด้วยเพลง Coloratura นับว่านี่เป็นคอนเสิร์ตที่มีฉากปิดท้ายที่น่าประทับใจมากที่สุดที่เราเคยได้รับชมมาเลยก็ว่าได้ มันยิ่งทำให้รักในวงนี้มากไปกว่าเดิมอีกเพราะเขาไม่ได้เพียงแค่ฉลองวันเกิดให้เด็กน้อยคนนี้ แต่เขาได้ส่งต่อความฝันของเขาในการเป็นศิลปินของเด็กน้อยคนนี้ที่มีพวกเขาเป็นไอดอลในการเติบโต เห็นได้จากที่เด็กน้อยแต่งตัวตาม Christ และร้องเพลงนี้ตามได้ทั้งเพลง ภายหลังจากคอนเสิร์ตแม่ของเขาได้เผยแพร่คลิปของเด็กน้อยคนนี้ตีกลองในเพลง Adventure ของ Coldplay ตาม Will ด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมหลังคอนเสิร์ตนี้ด้วย

      



    สรุปความประทับใจ

     

                การกลับมาชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ทำให้เราตกหลุมรัก Coldplay อีกครั้ง ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริง ๆ และถึงแม้จะเป็นการจัดคอนเสิร์ตที่ใช้พลังงานหมุนเวียนนี้ที่น่าจะเป็นอีกก้าวของวงการดนตรี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกในการรับชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ลดลงเลยแม้แต่น้อย นอกจากเพลงของเขาจะเพราะติดหูใครหลาย ๆ คนแล้ว ในแต่ละบทเพลงของเขายังช่วยปลอบประโลมใจผู้ฟังอย่างเราได้มาก ในทุกเพลงที่พวกเขาทำพวกเขาได้ใส่จิตวิญญาณของพวกเขาลงไปด้วย พร้อมแพสชั่นที่ไม่เคยหมด ส่งต่อกำลังใจดี ๆ มาสู่คนฟังได้เสมอ ความสามารถของสมาชิกในวงทุกคนที่เยอะมาก ๆ เห็นได้จากการ improvise ในหลาย ๆ บทเพลง ความสามารถในการเล่นดนตรีได้หลากหลายประเภทและเข้าใจในดนตรีเป็นอย่างดีเลยทำให้พวกเขาดัดแปลงบทเพลงไปจากเวอร์ชั่นเดิมที่เคยปล่อยมาให้เราได้รับฟัง ในทุก ๆ เพลงที่เขาเล่นเขามันเลยมีลูกเล่นใหม่ ๆ มาให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ  สุดท้ายนี้ความใส่ใจเป็นห่วงเป็นใย ความรัก ความจริงใจที่วง Coldplay มีให้ผู้ชมและแฟนเพลงทั่วโลกรวมไปถึงมีให้แก่โลกใบนี้ของเราเองด้วย มันเลยทำให้เราไม่ได้ appreciate แค่ในตัวบทเพลงและดนตรีที่พวกเขาบรรเลงมา แต่เรารู้สึก appreciate เข้าไปในตัวตนจริง ๆ ของพวกเขาเลย และสุดท้ายนี้หวังว่าเราจะได้มีโอกาสรับชมการแสดงสดของพวกเขาแบบต่อหน้าในเร็ววัน

     


    อ้างอิง

    https://www.greenqueen.com.hk/coldplay-2022-tour-sustainability/ 
    https://www.seattletimes.com/entertainment/music/review-coldplay-brings-its-global-spotlight-to-seattles-climate-pledge-arena/ 
    https://music.trueid.net/th-th/detail/jx6gXQkn7XZ9 

    หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in