ต้องบอกก่อนเลยว่าโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบฟังดนตรีแนว Folk song แต่ผูกพันกับดนตรีเพื่อชีวิตมาตั้งแต่เด็ก พอมาเจอคอนเสิร์ตของคาราบาวครั้งนี้ในช่วงเมดเล่ย์ ดนตรีมีการผสมผสานกับดนตรีไทยได้อย่างลงตัว จังหวะเร้าใจ รวมถึงยังมีความ Flock song จึงทำให้สนใจที่หยิบขึ้นมารีวิว มาเล่าสู่กันฟัง
นับว่าห่างหายไปนานกับวงดนตรีระดับตำนานอย่างคาราบาว ที่ได้ขึ้นกระหน่ำความมันส์อีกครั้งในปี 2554 ในมหกรรมดนตรี 30 ปี คาราบาว เป็นมหกรรมคอนเสิร์ตเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี คาราบาว โดยทัวร์จัดแสดงตามที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งปี 2554 ในที่นี้ขอยกการแสดงคอนเสิร์ตแรกของมหกรรมนั่นก็คือ คาราบาว เวโลโดรม รีเทิร์น(CARABAO VELODROME RETURNS) ที่จัดขึ้น ณ อาคารเวโลโดรม สนามกีฬาหัวหมาก เมื่อวันที่ 19 มีนาคม2554 ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่มีการการบัตร เพียงแค่ร่วมกิจกรรมจากผู้สนับสนุนเท่านั้น เกิดการเรียกร้องการขายบัตรจากแฟนเพลง จึงทำให้ต้องเปิดแสดงอีกรอบในวันที่ 20 มีนาคม 2554 คอนเสิร์ต คาราบาว เวโลโดรมรีเทิร์น (CARABAO VELODROME RETURNS CONCERTS) นับว่าเป็นคอนเสริร์ตที่ประสบความสำเร็จ เสมือนการแก้ตัวในคอนเสริร์ต ณ สถานที่เดียวกัน เนื่องจากมีเหตุอัฒจรรย์ล่มจึงทำให้แสดงไม่จบต้องยกเลิกกลางคัน
มารู้จักกับวงคาราบาวกันสักนิด วงคาราบาวก่อตั้งโดยนักเรียนไทยที่ศึกษอยู่ประเทศฟิลิปปินส์ 3 คน โดย แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล, เขียว - กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร และไข่ - สานิตย์ ลิ่มศิลา ในปี 2523 โดยใช้ชื่อ “คาราบาว” ที่เป็นภาษาพื้นเมืองฟิลิปปินส์ เป็นชื่อวงเพื่อใช้ในการประกวดดนตรี ขึ้นแสดงเวทีมหาลัย เล่นดนตรีแนวโฟล์คในเนื้อหาเพื่อชีวิต สะท้อนสภาพปัญหาและความเป็นจริงของสังคม
เมื่อกลับมาประเทศไทย แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล, และ เขียว - กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร ร่วมกันเล่นดนตรีในตอนกลางคืน ส่วนไข่ได้ลาออกจากวงไปอยู่ภาคใต้ ทั้งคู่ได้ออกอัลบั้มชุดแรก “ขี้เมา” ทำให้คาราบาวเริ่มเป็นที่รู้จักบ้างต่อมาคาราบาวได้ทำอัลบั้มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนอัลบั้มที่ 3 “วนิภพ” ซึ่งได้หมู - พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ เล่นเครื่องเคาะบทเพลงในอัลบั้มนี้มีเนื้อหาที่แปลกแยก และดนตรีที่เป็นท่วงทำนองแบบไทย ๆ ผสมกับเครื่องดนตรีตะวันตก มีจังหวะสนุกสนาน คึกคัก ชวนเต้นรำ ทำให้วงคาราบาวประสบความสำเร็จและมีแฟนเพลงจำนวนมากจนกระทั่งปัจจุบัน
สมาชิกของวงคาราบาว มีการปรับเปลี่ยนเข้า-ออกบ้าง จนลงตัวที่ 7 คน ยุคนั้นเรียกกันว่า “คาราบาวคลาสสิค” ได้แก่
1. แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล : หัวหน้าวง, ร้องนำ, กีต้าร์, แต่งคำร้องและทำนอง
2. เล็ก - ปรีชา ชนะภัย : กีต้าร์, ร้องนำ, แต่งคำร้องและทำนอง
3. รี่ - เทียรี่ เมฆวัฒนา : กีต้าร์, ร้องนำ, ร้องประสาน, แต่งทำนอง
4. เขียว - กิตติ พรหมสาขา ณ สกลนคร : กีต้าร์, เบส, ร้องนำบางส่วน, ร้องประสาน, คีย์บอร์ด, ควบคุมการผลิต, เพอคัสชั่น
5. อ๊อด - อนุพงษ์ ประถมปัทมะ : เบส, ร้องนำบางส่วน
6. เล็ก - อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี : คีย์บอร์ด, ขลุ่ย, ฟลุต, แซกโซโฟน, ประสานเสียง, ร้องนำบางส่วน
7. เป้า - อำนาจ ลูกจันทร์ : กลอง, เพอคัสชั่น
คอนเสิร์ต คาราบาว เวโลโดรม รีเทิร์น (CARABAO VELODROME RETURNS CONCERT) ในที่นี้ขอกล่าวถึงช่วงเมดเล่ย์ของคอนเสิร์ต ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่าเป็นจุดที่ทำให้สนใจในคอนเสิร์ตนี้ ซึ่งช่วงนี้ใช้เวลาประมาณเกือบ30 นาที มันส์ยาว ๆ 17 เพลงกันเลยทีเดียว
ในมุมมองของผู้เขียน ต้องบอกเลยว่าสนุกมาก ๆ ด้วยทำนองดนตรีที่ฟังและใช้ภาษาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย เป็นเพลงที่ฟังเท่าไหร่ก้ไม่รู้สึกเบื่อ อาจจะดูเหมือนเกินไป แต่สามารถพูดได้ว่าดนตรีช่วยเยียวยาความรู้สึกได้จริง ๆ ในคอนเสิร์ตคาราบาว เวโลโดรม รีเทิร์น ช่วงเมดเล่ย์นี้ ด้วยการผสมผสานของดนตรีไทยและดนตรีสากล โดยเฉพาะช่วงการเปิดตัวเข้าเมดเล่ย์ การโดดของเสียงดนตรีไทยและสากล ทั้งซอ ขลุ่ย อังกะลุง แซกโซโฟน การปรับเสียงคีย์บอร์ดที่ทำให้เหมือนดนตรีไทย เรามองว่าการที่นำดนตรีไทยมาผสมกับดนตรีสากล นอกจากจะใส่เอกลักษณ์ความเป็นชาติไทยเข้าไปแล้ว ยังสามารถพัฒนาสู่สากลโลกให้รู้จักกับประเทศไทยได้มากขึ้น ดนตรีไทยไม่จำเป็นต้องเชยและโบราณเสมอไป มันมีเสน่ห์ของมันหากรู้จักปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้หันมาสนใจดนตรีไทยได้มากขึ้น
สุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่าคนเราต้องก้าวต่อไปข้างหน้า แต่อย่าลืมความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นตัวของตัวเองรู้จักปรับตัวอย่าให้เค้าดูถูกความเป็นไทยของเรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in