ผู้แต่ง : จิรเดช โอภาสพันธวงศ์ (Jirabell)
สำนักพิมพ์ : a book
ราคาตามปก : 325 บาท
จำนวนหน้า : 264 หน้า
The Fairy Tale of Underfox หรือชื่อไทย เทพนิยายจิ้งจอกสีน้ำเงินในคำบอกเล่าของ
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เป็นหนังสือที่เล่าถึงการสัมภาษณ์ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา หรือ
คุณต๊อบ รองประธานสโมสรฟุตบอล Leicester City เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ ฤดูกาล 2015 - 2016 (ฤดูกาลก่อน) โดยคนสัมภาษณ์ก็คือ พี่เบลล์ จิรเดช หรือนามปากกา Jirabell ซึ่งเป็น บก. ของ a day นั่นเอง ผลงานที่ดัง ๆ ก่อนหน้านี้ก็เช่น Lonely Land ที่ออกกับ Salmon Books แต่รอบนี้แกก็มาออกหนังสือกับ a book เองเลย
หลายคนอาจสงสัยว่าได้แชมป์แล้วถึงกับเป็นเทพนิยายเลยหรอ? ที่เค้ายกให้เป็นเทพนิยายกันก็เพราะ Leicester City เป็นทีมที่พึ่งขึ้นมาจากลีกแชมเปี่ยนชิพ (ลีกที่ต่ำกว่าพรีเมียร์ลีก) ได้เมื่อปีก่อนหน้า ซึ่งปีนั้นก็พึ่งจะหนีตกชั้นอยู่หยก ๆ คะแนนห่างจากโซนตกชั้นประมาณ 6-7 คะแนน แถมตอนต้นปีก็ปลดโค้ชที่ช่วยให้รอดตกชั้นได้อีก แต่ท้ายฤดูกาลจากทีมรองบ่อนที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้แชมป์ ดันโชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาค่อย ๆ เก็บชัยชนะไปเรื่อย ๆ จนได้แชมป์มาครอบครองในที่สุด ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ก่อตั้งมา ด้วยทีมที่ประกอบไปด้วยนักเตะโนเนมจากลีกที่ไม่มีใครรู้จัก นักเตะที่ถูกโล๊ะทิ้งจากทีมเก่า นักเตะจอมพเนจรที่แทบไม่เคยพบเจอความสำเร็จมาก่อน แม้กระทั่งผู้จัดการทีมที่ถูกตราหน้าว่าเก่าเกินไปสำหรับงานนี้แล้ว กลับมารวมตัวกันแล้วสร้างเทพนิยายครั้งนี้ให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้
โดยเทพนิยายนี้ถูกบอกเล่าผ่านบทสัมภาษณ์ของ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของ
วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของกลุ่ม King Power ซึ่งคุณต๊อบได้รับหน้าที่บริหารสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ตั้งแต่วัย 25 ปี!!!! (อะไรจะเร็วปานนั้น) คุณต๊อบเค้าก็จะเล่าตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เค้าเข้ามา ประสบพบเจออะไรบ้าง เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เหตุการณ์สำคัญมีอะไรบ้าง จนไปถึงวันที่ประสบความสำเร็จ ทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าจากมุมมองของคุณต๊อบทั้งหมด และข้อมูลก็ค่อนข้างจะ Inside มากด้วย เราก็เลยจะได้เห็นวิสัยทัศน์การบริหารงาน ความคิดที่กว้างไกลของผู้ชายที่ไม่ธรรมดาคนนี้ซะเยอะ
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้พูดถึงผู้จัดการทีม แต่จะพูดถึงเจ้าของทีมโดยเจ้าของทีมเอง ผมว่ามันค่อนข้างจะเปิดโลกฟุตบอลของผมมากเลย ส่วนมากเราจะรู้จักกันแค่บทบาทของผู้จัดการทีม ครั้งนี้เลยได้มีโอกาสมารู้จักบทบาทหน้าที่ของเจ้าของทีมกันบ้าง เมื่อก่อนผมเข้าใจว่าเจ้าของทีมก็มีหน้าที่แค่ลงทุนให้ซื้อตัวนักเตะ กับพัฒนาสนามเฉย ๆ แล้วก็รอกอบโกยเงิน แต่ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้น หลาย ๆ อย่างเจ้าของทีมต้องเป็นหัวเรือพาทีมให้ไปสู่การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น วิสัยทัศน์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การจะพาสโมสรไปสู่ความสำเร็จก็ไม่ใช่แค่เรื่องนักเตะและชัยชนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็จะมีอีกหลายปัจจัยในหนังสือเล่มนี้อีกครับ
เรื่องราวของ Leicester City มันดูเหมือนบทหนังสูตรมากเลยนะ ทีมที่ไม่มีการพัฒนามาหลายปี ได้ฝึกฝนพัฒนาตัวเอง ทั้งสมหวังผิดหวัง เคยล้มจนไม่อยากลุก แต่มันก็ต้องสู้ต่อ เคยเหลิงจนลืมที่ที่ตัวเองมา จนท้ายที่สุดก็สามารถรวมใจสร้างสปิริตของทีม จนไปคว้าความสำเร็จมาได้ คุณต๊อบเค้าก็จะมาเล่าให้เราฟังแบบเน้นๆ ลึกถึงรายละเอียด นักเตะคนนั้น คนนี้เป็นอย่างไร ผู้จัดการทีมคนนี้มีผลกับทีมอย่างไร คู่แข่งให้อะไรกับเราบ้าง สิ่งเหล่านี้มันสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไร ใครชอบอ่านเรื่องราวแบบนี้จะต้องชอบมาก ๆ
ต้องชมงานเขียนของพี่เบลล์เลย ผมว่าพี่แกเขียนเก่งมาก จัดลำดับเนื้อความได้ไหลลื่นสุดๆ รู้ว่าต้องเอาอะไรขึ้นก่อนหลังถึงจะสามารถพาคนอ่านให้อินไปกับเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ เคว้งคว้างไปพร้อมกับความผิดหวังของคุณต๊อบ สนุกไปกับความสำเร็จของทีมและเรื่องตลกเก็บตก จนทำให้คนอ่านไม่อยากจะละสายตาจากหนังสือเล่มนี้ไป
Rating : Great!!
สำหรับใครที่หวังว่าจะได้อ่านเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับนักเตะสุดที่รักแต่ละคนแบบจัดเต็มก็อาจจะไม่เต็มอิ่มสักเท่าไหร่นะครับ เท่าที่ผมอ่านก็มี วาร์ดี้ ที่จัดเต็มอยู่คนหนึ่งแล้วก็ อดีต) ผู้จัดการทีม รานิเอรี่ อีกคนหนึ่ง
ยังไงถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ -/\-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in