เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Boy's love storyขอบฟ้าสีจาง
พยายามแค่ไหนจะได้ (ใจ) เธอ EP 02
  • เหมือนเดิม...

     

    "เลิกคลาสแล้วไปไหนรึเปล่าปัน"  ธารถามขณะที่ผมกำลังก้มเก็บของใส่กระเป๋า

    "ก็ไม่มีธุระอะไรนะธารถามทำไมเหรอ"

    "ว่าจะชวนไปกินเค้กนะ  เห็นร้านหน้านั่งอยู่ตรงหน้ามอ  ไปมั้ยล่ะ"  ธารถามพลางลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ  ผมนิจ้องตาค้างเลยครับพี่น้อง  แค่บิดขี้เกียจทำไมคนเราถึงได้ดูดีขนาดนี้  ลองเป็นผมสิ  แค่ยืนหาวเฉยๆยังเหมือนหมาเกาขี้เรื้อนเลยอะ  โฮวววววววว  แต่เอาจริงๆผมก็พูดเกินไปหน่อยหน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้ริ้ว  ขี้เหร่อะไรขนาดนั้น  แค่ไม่ชอบแต่งตัวเท่านั้นเอง  ใช่!!!  ผมรู้ตัวครับว่าแต่งตัวไม่ได้เรื่อง  แต่ผมพอใจจะแต่งแบบนี้  ไอ้เสื้อพ่อกางเกงลุงที่เพื่อนมันชอบล้อกันน่ะ  เสื้อที่ไซส์ใหญ่กว่าขนาดตัวเกือบสามไซส์  กับกางเกงตัวโคร่งขนาดที่ว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่มีทางคับเพราะสามารถขยับเข็มขัดที่เจาะไว้ซะหลายรู  ก็ใส่แบบนี้แล้วมันสบายดีออก

    "เอ้า เหม่ออีกแล้วนะ ตกลงว่าไงไปมั๊ย"

    "ปะ ไปสิ มึงสองคนไปด้วยกันนะ" ผมหันไปชวนไอ้หน้าหล่ออีกสองคนที่กำลังนั่งเล่นหูเล่นตากับสาวในห้องอยู่  แค่ผ่านไปเดือนเดียวผมก็สนิทกับพวกมันจนขึ้นมึงกูได้แล้วครับ  ยกเว้นธารเท่านั้นที่มันยังพูดเพราะกับผม ผมเลยไม่กล้าขึ้นมึงกูกับมัน

    "เอาสิ ได้ยินมาว่าสาวน่ารักๆชอบไปนั่งกัน"  แอซเอ่ยพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์กับกันต์ เฮ้ออ  ผมว่าคนหน้าตาดีส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยเจ้าชู้แน่ๆ  แต่สำหรับธารคงจะต้องเป็นส่วนน้อย  เพราะตั้งแต่เปิดเรียนเป็นเดือน ผมยังไม่เห็นธารจะสนใจผู้หญิงคนไหน  เหมือนอีกสองคนนั้นเลย  ถึงจะมีผู้หญิงเข้ามาขอเบอร์ ขอไลน์ไม่ขาดก็ตาม  ส่วนผมนะเหรอ แค่เดินผ่านยังไม่มีใครแลตามามองเลยครับ  แต่เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยสนเรื่องแบบนี้เท่าไหร่  เรื่องที่ผมสนน่ะ มีแค่เรียนยังไงให้ได้ A  การทำให้ต้นกระบองเพชรที่ปลูกไว้ออกดอก และพี่ภูสุดหล่อเท่านั้นแหละ

    ผมใช้เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาสืบหาข้อมูลทุกอย่างของพี่ภู หรือ พิภู นิติโชติวรกุล อายุ 21 ปี เรียนวิศวะ ปี 3 สูง 187 เซ็นติเมตร  น้ำหนัก  65  กิโลกรัม  ผมสีน้ำตาลคาราเมล  เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด  ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้ารถจากต่างประเทศ  เป็นลูกคนที่  2  มีพี่ชาย  1  คน  และน้องสาว 1 คน ที่สำคัญปัจจุบันอยู่ในสถานะ  โสด !!!   วะฮะๆ  ได้ยินมาแบบนั้นแล้วผมนิแทบจะตีปีกบินกันเลยทีเดียว  แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงกิติศัพท์ความเจ้าชู้นั้น  ก็อยู่ในขั้นที่ว่า  ถ้าจะลองเอ่ยชื่อมาทายว่าพี่เค้าเคยคั่วรึเปล่า  ก็อาจจะพบว่ามีเกือบจะทุกชื่อที่พูดออกมาเลยก็ได้  งานนี้ไม่หมูซะแล้ว  แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกไอ้เนิร์ดอย่างผมน่ะ  ถ้าสนใจอะไรขึ้นมาแล้วกัดไม่ปล่อยหรอกครับ  คิคิ

    "ปันมึงนั่งเหม่อทำหน้าโรคจิตอีกแล้วนะ คิดอะไรประหลาดๆอยู่ใช่มั๊ย"

    กันต์ถามพร้อมจ้องหน้าผม เฮอะใครจะบอกกันว่ากำลังคิดแผนจับผู้ชายอยู่  โดนล้อตายเลย  อ่อ เพื่อนทั้งสามคนรู้ว่าผมชอบพี่ภูครับ  เพราะผมบอกพวกมันตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เริ่มรู้จักกัน  และแอซกับกันต์ก็บอกกลับมาว่าพวกมันน่ะ ได้ทั้งชายหญิง  เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะรังเกียจ  แต่กับธารผมไม่แน่ใจในรสนิยมมันเท่าไหร่ฮะ  มันไม่เคยบอก และผมก็ไม่อยากเซ้าซี้ถาม  แต่เราทั้งสี่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ผมคิดเอาเองว่าสนิทกัน  คึคึ  ป๊ะป๊าสอนให้คิดบวกครับ  ถึงจะเหมือนคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยก็เหอะ

    "เออนี่  ไอ้ปัน  คืนนี้พี่รหัสกุชวนไปเลี้ยงมึงจะไปมั๊ย  ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีมั้ง  เอาแต่คลุกดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องตลอด  น่าเบื่อตายเลย"  เสียงแอซเอ่ยถามผมขณะที่เราทั้งหมดกำลังเดินกลับหอหลังจากไปกินเค้กกันมา  ความจริงมันก็ไม่ใกล้หรอกนะครับจากหน้ามอไปหอเนี้ย  แต่เมื่อเช้าพอผมบอกว่าจะเดินมาเรียนพวกมันก็พร้อมใจกันจอดรถไว้ที่หอ  แล้วยอมเดินมาเป็นเพื่อนผมน่ารักใช่ม้า  เพื่อนโพ้มมมมๆ

    "ไม่ดีกว่า  มึงก็รู้กูไม่ชอบไปที่แบบนั้นทั้งมืด  ทั้งเสียงดัง  แถมยังมีกลิ่นบุหรี่อีก  รู้มั๊ยมันอาจจะส่งผลเสียให้สายตาเราเสียเพราะแสงสว่างไม่เพียงพอ   ให้หูสูญเสียการได้ยินเพราะเสียงที่ดังเกินไป  และปอดเราอาจจะเป็นอันตรายเพราะควันบุหรี่   แถมตับเราก็อาจจะแข็งเพราะเหล้าก็ได้นะ"  ผมรัวใส่มันเป็นชุดอย่างเป็นห่วง เพราะช่วงนี้สายรหัสของมันพาไปเลี้ยงได้ทุกวัน

    "กุแค่ไปผับนะไอ้ปัน  พูดซะเหมือนกุจะไปผจญแหล่งเผยแพร่โรคร้ายอะไรซักอย่างเลย  แต่ยังไงวันนี้มึงก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะกุกับไอ้กันต์ได้ข่าวเด็ดมา  มึงฟังแล้วต้องอยากไปกะพวกกุแน่ๆ"  แอซไม่พูดเปล่ายังหันไปพยักเพยิดกับกันต์  จนต่อมความอยากรู้ของผมพุ่งขึ้นมาทำให้ต้องหันไปจ้องไอ้กันต์แทน

    "กุได้ยินมาว่าวันนี้ไอ้พี่ภูของมึงก็จะไปด้วย  เห็นว่าสนิทกับลุงรหัสของกุ  มึงไม่อยากไปใกล้ชิดกับพี่มันรึไง ในผับมืดๆ คนเยอะๆ จะเบียดจะซบเค้าก็ไม่เอะใจว่ากำลังโดนลวนลามหรอกมั้ง"  แค่ได้ยินคำว่าพี่ภูไปด้วยใจผมก็อยากจะรีบไปรอพี่เค้าที่ผับตอนนี้เลย  ทั้งที่มันแค่เพิ่งจะหกโมงกว่าๆเอง

    "'งั้นตกลง  กุไปด้วย  กุว่ารีบไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่าไปรอพี่เค้าที่ผับเลยมั้ย ไปเร็วๆดีกว่า จะได้ไม่น่าเกลียด"

    "แหมมม พอบอกว่าพี่ภูไปนี่หูตั้งหางกระดิกเชียวนะ มึงไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้  ไปตอนนี้จะไปช่วยเค้าเปิดผับรึไง  พวกกุจะออกกันประมาณสามทุ่มมึงอาบน้ำแต่งตัวรอละกัน  พวกกุเสร็จแล้วจะไปเรียกที่ห้อง  อ่อ แล้วแต่งตัวดีๆนะมึง เอาแค่ใส่เสื้อผ้าให้ถูกไซส์กับตัวมึงพอดีๆนะมีมั๊ย  ถ้าไม่มีกุจะพาไปซื้อก่อน  แล้วแว่นก็ไม่ต้องเสือกใส่ไปนะมึง ในผับมันเบียด เดี๋ยวใครมาชนตกแล้วจะโดนเหยียบเปล่าๆ" 

    กันต์พูดหลังจากมองผมจากหัวจรดเท้า  ด้วยสายตาหวั่นๆ  ไอ้เสื้อผ้าแบบนั้นผมก็มีอยู่หรอก  แค่ไม่ชอบใส่เฉยๆ  ก็ใส่ทีไรมีแต่คนมอง แถมยังชอบเข้ามาวอแว ผมเลยไม่ค่อยจะหยิบมาใส่ซักเท่าไหร่แต่วันนี้จะไปอ่อยพี่ภู งั้นผมขอจัดเต็มสักวันละกันเนอะ ^^

    "แล้วธารจะไปด้วยใช่มั๊ย"  ผมถามขึ้นหลังจากเห็นเค้านิ่งไป  ตั้งแต่แอซเริ่มชวนผมไปเที่ยว

    "ไปสิ ปันไปเราก็ไป"  ธารตอบพร้อมยิ้มให้ผม  อ่าา  ถ้าธารไปด้วยผมก็อุ่นใจขึ้นมาหน่อย  เพราะถ้าไปกับไอ้สองคู่หูจอมกะล่อน  มันต้องทิ้งให้ผมกลับห้องคนเดียวแน่ๆ  ก็พวกมันน่ะวันไหนไปเที่ยวแล้วละก็  ถ้าไม่หิ้วใครมานอนด้วยก็ต้องไปหายหัวไปจนผมต้องโทรตามให้เข้าเรียนตลอดน่ะสิ

    "งั้นเอาตามนี้นะเจอกันสามทุ่ม เอารถกุไปก็แล้วกัน  คงกินไม่เยอะหรอก"  ธารกล่าวสรุปก่อนจะเดินไปไขกุญแจเข้าห้องพวกเราอีกสามคนจึงแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน

    “อืมมม  ตัวไหนดีนะ”  ผมบ่นกับตัวเองขณะเปิดตู้เสื้อผ้าดู  เท่าที่หาข้อมูลมาพี่ภูชอบสีขาว  แต่เสื้อขาวที่มีดูจะคอกว้างเกินไปหน่อยแต่พี่ภูชอบนินา  ใส่ๆไปก็ได้  ส่วนกางเกงเอาเป็นสีซีดเข้ารูปตัวนั้นละกัน  ไม่ต้องสงสัยกันนะครับว่าทำไมผมถึงมีเสื้อผ้าที่เหมือนคนปกติทั่วไปเค้าใส่กัน  คนที่บ้านซื้อให้น่ะครับ แค่ผมไม่ค่อยชอบหยิบมาใส่เท่านั้นเอง  ก็บอกแล้วไง  ว่าใส่ทีไรมีคนมาวุ่นวายด้วยตลอด  บอกกงๆ  พี่ปันไม่ปลื้ม

    “ก๊อกๆๆ”  พอเสียงเคาะประตูดังขึ้นปุ๊บ  ผมก็รีบกระโจนไปเปิดทันทีก็รออยู่แล้วนิครับ  อยากไปหาพี่ภูจะแย่ที่จริงผมแต่งตัวเสร็จตั้งแต่สองทุ่ม  แต่ก็ไม่กล้าไปเร่งพวกเพื่อนมัน  เพราะกลัวจะโดนแซะเอาอีก พอเปิดประตูไปก็เจอเทพบุตรทั้งสามยืนทำตาโต  จนผมชักจะระแวงว่าลืมรูดซิปรึเปล่า

    "เอ่อ  พวกมึงทำไมจ้องกุขนาดนั้นกุมีไรผิดปกติรึเปล่า"

    เอาจริงพวกมันคงจะไม่ชินที่เห็นผมแต่งตัวเหมือนคนปกติ  แถมยังไม่ใส่แว่น  ผมไม่ได้สายตาสั้นหรอกนะ แค่ใส่เพราะคิดว่าจะทำให้ดูฉลาดขึ้นมากกว่า  ถึงแม้ว่าผมจะฉลาดอยู่แล้วจริงๆก็เถอะ (หราาา)

    "มึงคือไอ้ปันเด็กเนิร์ดเพื่อนกุจริงๆหรอวะ  โหพอมึงแต่งตัวปกติแล้วนี่  โคตรน่ารักเลยรู้ตัวรึเปล่า"

    แอซว่าพลางก้มลงมาจ้องผมจนใกล้  คือไอ้ฝรั่งครับ มึงพูดเฉยๆก็ได้ไม่ต้องก้มมาซะใกล้ขนาดนี้  ถึงจะเพื่อนกันแต่หล่อขนาดนี้  พี่ปันก็ใจสั่นได้นะ

    "ใช่ๆ กุเห็นด้วย  พอไม่ใส่แว่นแล้วทำให้เห็นหน้ามึงชัดๆ  แมร่งน่ารักชิบหายเลยวะ  ใช่มั๊ยไอ้ธาร" แน่ะ สมกับเป็นคู่หูกันจริงๆ  กันต์ไม่พูดเปล่าต้องก้มลงมาจ้องผมอีกคน  ดีใจมันก็ดีใจนะที่เพื่อนชม  แต่ที่ผ่านมามึงมองไม่เห็นถึงความน่ารัก  ความคิ้วท์บอยของกุเลยใช่ม้ายยย ชิส์  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมเลยหันไปหาร่างสูงอีกคนที่ยังไม่เอ่ยอะไรออกมาซักคำ  อยากจะรู้เหมือนกันว่าธารจะว่ายังไง

    "กะ ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ" พูดจบธารก็หันหน้าหนี  ผมเริ่มจะเสียความมั่นใจนิดๆ  เพราะธารเป็นคนที่ผมเชื่อถือคำพูดมากกว่าสองคนนั้น  ไอ้เราก็อุตส่าห์จัดเต็มขนาดนี้ ธารยังบอกว่าเหมือนเดิม หรือจะไปเปลี่ยนเสื้อสีอื่นดีนะ

    "น่ารักเหมือนเดิม"  ธารพูดขึ้นเมื่อเห็นผมทำหน้ากังวลก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ไป  ผมรีบเดินเข้าลิฟท์ตามธารไปทันทีพร้อมให้ไปยิ้มหวานให้หนึ่งที  เพราะพูดดี  เข้าหูพี่ปันสุดๆ  ก็ธารน่ะเคยโกหกผมที่ไหน  เพราะงั้นผมจึงเชื่อทุกอย่างที่ธารพูดมากกว่าให้สองคนนั้นยังไงล่ะ 

    หึหึ  นี่สิเพื่อนรักตัวจริงของพี่ปันผู้ที่เห็นความน่ารักของผม  แม้ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าที่ดูดี  ธารก็ยังรู้ว่าผมน่ะน่ารัก วะฮะๆ



    PS.1 : ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอพี่ภูซะที รออีกนิดน้าา พี่ภูใกล้จะออกโรงแล้ววว
    PS.2 : ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวอีกที อยู่ให้กำลังใจกันก่อนน้าา   
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in