เป็นครัั้งแรกที่ลองเขียนเรื่องราวหลังจากการไปเที่ยว ทริปนี้เป็นทริปที่เพื่อนชวนว่าอยากไปที่คูลๆ (คือหมายถึงมีหิมะ) ในงบประหยัด เลยลองหาดู มาเจอประเทศจีน เส้นทางคุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า คือจริงๆแล้ว คนอื่นเค้าก็ไปกันแค่นี้แหละ 3 เมือง แล้วก็ย้อนกลับคุนหมิง แต่หลังจากที่หาข้อมูลเพิ่ม ก็คือมันไปต่อ ย่าติง-เฉิงตูได้ ซึ่งพวกเราไม่อยากย้อนกลับทางเดิม มันก็เลยกลายเป็น 5 เมืองแทน ทริปนี้ก็เลยเกิดขึ้นแบบบ้าพลัง
ตอนแรกอยากทำเป็นคล้ายๆ guidebook ให้คนตามรอยเราได้ง่ายๆ เป็นขั้นๆไป แต่พอถึงที่นู่นจริงๆ บางอย่างมันค่อนข้างคลุกคลัก และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปหลายเรื่อง ไม่ค่อยเป็นไปตามที่คิดเท่าไร เลยคิดว่าการเล่าเรื่องว่าไปเจออะไรมาบ้าง น่าจะสนุกกว่า
ทริปนี้ไปมาตั้งแต่ ปี 2019 ก่อนที่จะเกิด covid-19
Day 1: 26 April 2019
ทริปนี้บินไปกลับโดย air asia เดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง รู้สึกว่าถ้าในอนาคตได้ไปอีก อยากบินเครื่องที่สบายกว่านี้ แต่ตอนนั้นได้ตั๋วมาราคาถูก พร้อมน้ำหนักกระเป๋า 20 kg อากาศที่กรุงเทพร้อนยังไง ไปถึงคุนหมิงร้อนพอๆกันเลย ตอนแรกคิดว่าจะหนาวก็ใส่เสื้อแขนขาวขายาว สรุปว่าไม่ต่างกับกรุงเทพเท่าไร แต่คิดว่าเพราะไปช่วงเดือนเมษาด้วย ถ้าเดือนอื่นๆ ยังไงต้องตรวจสภาพอากาศอีกครั้งก่อนนะ
หลังจากลงเครื่องแนะนำให้เหมารถเข้ามาสถานีรถไฟคุนหมิงหรือนั่งรถบัสเข้ามาจะดีกว่ามากนะ เพราะด้วยความงกเรานั่ง MRT มาคนละ 6 หยวน คือประมาณ 30 บาท แต่ทางวิบากมากจริงๆ เค้าไม่มีลิฟท์ กับบันไดเลื่อน หรือมีแต่เราหาไม่เจอ ก็คือเหนื่อยมากเลย ก็ต้องยกของ 20 โลขึ้นลงบันไดหลายรอบกว่าจะเจอวัวกระทิงนี้ แล้ววัวกระทิงนี่สีแดงนะ ในเน็ตเป็นสีทอง ถามใครเค้าก็งงกัน จริงๆคุนหมิง มี MRT รถเมล์ ที่ดีมากนะ มี MRT หลายสาย ละก็แพงสุดคือ 6 หยวนนี่แหละ นั่งยาวๆ ประมาณ 50 นาที
มาถึงสถานีรถไฟคุนหมิงก็ไปหาที่ฝากกระเป๋าก่อน เพราะคืนนี้จะเดินทางด้วยรถไฟต่อ ที่ฝากคือเดินไปทางซ้ายของกระทิง แต่เดินเข้าไปลึกหน่อย ค่าฝากจะใบใหญ่เล็กก็คือนับเป็นใบ ใบละ 8 หยวน จากนั้นก็ไปเที่ยวในเมือง ก่อนจะมาขึ้นรถไฟตอน 2 ทุ่ม
หลังจากฝากกระเป๋าก็มาเอาตั๋วรถไฟนอนจาก คุนหมิง-ลี่เจียง อันนี้ต้องจองมาก่อนนะ รถไฟมีทั้งแบบนั่ง 3 ชั่วโมง และแบบนอน 9 ชั่วโมง คือแนะนำว่าจองผ่านเว็บโดยตรงจะดีกว่านะ ตอนแรกจองผ่าน ctrip เพื่อจะนั่งไป 3 ชั่วโมงและราคาถูกกว่า แต่ไม่มีที่นั่งเลยต้องจองใหม่ผ่านเว็บจริง ละเหลือแต่รถไฟนอนแทน ก็ถือว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ การมาเอาตั๋วก็เข้าช่องหมายเลข 8 พร้อม passport ก็จะได้ตั๋วมา
หน้าตาตั๋วก็เป็นแบบนี้ จะบอกวันเวลา ขบวนรถไฟของเรา ก็คือดูได้จากบอร์ดเลยว่าไปทางไหน ถ้ามีคนจะช่วยลากกระเป๋าบอกพาไปส่งคือไม่ต้องไปนะ แบบเค้าจะเข้ามาอย่างรวดเร็ว ลากกระเป๋าเราเหมือนเบาดั่งปุยนุ่น ละสุดท้ายคุยอยู่ตั้งนาน เสียเวลามาก จะคิดตัง 80 หยวน ต่อคนกะการลากกระเป๋าบ้าบออออ สุดท้ายเราบอกไม่เอา เดี๋ยวไปเอง เค้าก็แบบยังบอกว่าจะไม่ทันนู่นนี่ จะไม่ทันก็เพราะคุยกะเมิงเนี่ยย สุดท้ายเราก็มาถึงรถไฟกันเอง เก่งเว่อ พอมาถึงรถไฟ
ตัวเลข 06车 คือขบวนรถหมายเลข 6 นะ
ส่วน 005 号 คือเตียงนอนหมายเลข 5
下铺 คือ เตียงนอนอยู่ข้างล่าง
上铺 คือ เตียงนอนอยู่ข้างบน
ค่าตั๋วคือ 1,532 บาท รวมพวกค่าธรรมเนียมการจองแล้วจากในเว็บ
ห้องนอนในรถไฟ เราจองแบบ soft sleeper จะเป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียง ก็คือนอนยาวๆไป 9 ชั่วโมง จะบอกว่า มีแต่อ่างล้างหน้ากับส้วมนะ ไม่มีห้องอาบน้ำ ก็คือดองไป 1 คืน
มาถึงลี่เจียงแล้วว ถึงตอนประมาณ ตี5 สถานีคนโล่งมาก พวกเราก็เดินออกไปเพื่อหารถไปโฮสเทลที่จองไว้ พอออกไปหน้าสถานี ก็เจอเหล่า taxi มากมายที่มาดักรอ เอาจริงก็คือน่ากลัวมาก เพราะทุกคนพยายามจะให้เราไปกับเค้า แต่พอเห็นกระเป๋าจำนวนมาก 4 ใบใหญ่ 1 ใบเล็ก และไม่รวมเป้สะพายหลังของแต่ละคน ที่อ้วนและแน่น ก็ล่าถอยไป เหลือแค่รถที่จะเอาน้องกระเป๋าขึ้นได้ แต่ก็มีความทุลักทุเลประมาณนึง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in