📗 REVIEW: #คดีหน้ากากปีศาจกับไซโคพาธฆาตกรผู้เขียน : มายุสุเกะ คุไร
#PrismPublishing
เล่มเดียวจบ
.
*รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*
.
การฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด ศึกตัดสินที่มีชีวิตเป็นเดิมพันระหว่างทนายความโรคจิตและ
“หัวขโมยสมอง” เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากคดีลักพาตัว-ฆาตกรรมเมื่อ 26 ปีก่อน สู่ความวุ่นวายในปัจจุบัน...
นิยายแนวจิตวิทยาระทึกขวัญที่พูดถึงความผันผวนระหว่าง ‘ความดีและความชั่ว’ ภายในจิตใจมนุษย์ ดีชั่วโดยกมลสันดานหรือการกระตุ้นทางวิทยาศาสตร์กันแน่ อันที่จริงระหว่างอ่านค่อนข้างนึกไปถึงมังงะ
BRUTAL คำสารภาพของตำรวจฆาตกร ไม่ก็
American Psycho ตัวเอกออกแนวเนี้ยบๆ ภาพลักษณ์ฉากหน้าดูดีแต่เนื้อในเน่าเหม็นและสามารถฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ความจริงอ่านได้ สนุก พล็อตแบบนี้ถือว่าน่าสนใจและเป็นพล็อตที่ดีเลยแหละ เพียงแต่ในภาพรวมมันเหมือน caprese salad ที่ไม่ได้ราด balsamic vinegar เหมือนส้มตำที่ไม่ได้ใส่น้ำปลาร้าอะไรทำนองนั้น มันดูขาดๆ ไปนิดหน่อย มีความเว่อร์นิดๆ ปมแฟนตาซีเกินคาด และทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด ตัวเอกสามารถฆ่าคนได้ง่ายๆ เหมือนเดินๆ อยู่ เอาล่ะ ฉันอยากฆ่าไอ้คนตีลูกคนนี้ แล้วมันก็เดินไปฆ่าเลย หรือซีนที่พูดกับเพื่อนที่เป็นฆาตกรเหมือนกันก็เหมือนนั่งคุยกันพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ พูดในห้องพยาบาลแบบไม่กลัวใครเข้ามาทั้งสิ้น ปีนี้นายฆ่าคนไปเท่าไหร่แล้วล่ะ อ้อ มากหน่อยนะ น่าจะสักสิบกว่าคนได้ คือ?? 5555
อันที่จริงไม่ค่อยอินพาร์ทของตัวเอกเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกไปว่าพฤติกรรมดูเว่อร์ๆ มีความอนิเมะมาก และเจ้าตัวเป็นทนายแต่วันๆ ไม่ทำการทำงานเลย ส่วนตัวที่รู้สึกสนุกดันไปเป็นฝั่งตำรวจซะงั้น อ่านแล้วรู้สึกอยากเอาใจช่วย และรู้สึกว่าปูปมมาได้ค่อนข้างโอเค
เนื้อหาจบในแบบที่คนชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไปเลย ส่วนตัวค่อนข้างชอบ โดยเฉพาะการฆ่าครั้งสุดท้ายนั่นกับย้อนนึกไปถึงเรื่องสมัยเด็กของกันและกัน ในภาพรวมมันให้ความรู้สึกเหมือน บ้านวิกลคนประหลาด คือมันยังสามารถหยิบไปเขียนต่อในเล่มถัดไปได้ ซึ่งตรงนี้สามารถพูดถึงสภาวะจิตใจของตัวเอกที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตได้แบบเต็มๆ และไม่แน่ตำรวจก็อาจจะสามารถสืบสาวไปถึงละครหลักจริงๆ ก็ได้
สุดท้ายแม้มันจะขาดอะไรไปนิด ไม่กลมกล่อมและมีรสโดดไปในทางที่แปลกๆ อยู่บ้าง แต่หนังสือถือว่าทำได้ดีในประเด็นที่ว่าฆาตกรคนนี้แท้จริงคือสัตว์ประหลาดหรือยังคงเป็นมนุษย์อยู่ สุดท้ายแล้วเขาได้หัวใจกลับมาจริงๆ หรือเปล่า และมันดีแล้วใช่มั้ยที่คนแบบนี้ได้สัมผัสถึงจิตใจของคนอื่นในแบบตัวเองบ้าง แบบนี้เท่ากับว่าเขาได้สัมผัสถึงความหมายที่แท้จริงของชีวิตแล้วใช่หรือเปล่า
.
contact me
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in