ซึ่งเรามีประสบการณ์ทั้งสองแบบเลยเพราะว่าเราไม่ผ่านแบบสัมภาษณ์วิดีโอถึงสองครั้ง
ครั้งที่ 1
ครั้งแรกเราว่าเราก็มั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเองเหมือนกันนะแต่ก็ตก5555555 เพราะว่าบางทีนายจ้างแต่ละคนเขาก็มีเกณฑ์การกำหนดที่แตกต่างกัน เช่นแบบบางคนอยากได้ผู้ชาย ทำให้เราอาจจะตกได้หรือว่าบางทีการตอบคำถามของเราพวกเรื่องอาชีพแพลนอนาคต พยายามแบบเมคให้มันเข้ากับสิ่งที่เราเรียนมา
แล้วก็สิ่งที่สำคัญเลยก็คือว่าอย่าแบบวิดีโอคอลข้างนอกเด็ดขาด
ครั้งที่ 2
ครั้งที่สองเราวิดีโอคอลข้างนอกเพราะว่าเราติดธุระ เราก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะอินเตอร์เน็ตเราหรืออินเตอร์เน็ตเขา ทำให้เราแบบสื่อสารแบบไม่รู้เรื่องแทบไม่ได้คุยเลยแล้วเขาก็ตัดสายไปเลยแล้ว ซึ่งก็เป็นครั้งที่สองที่เราตกสัมภาษณ์
พยายามทำตัวว่างๆ แบบสัก 2-3 ชั่วโมงเลยเพราะตอนเราสัม นายจ้างโคตรเลท เลทแบบ 1.30 ชั่วโมงเลย แต่สัมจริงๆ ไม่นานนะ
ส่วนตัวเราตกสัมสองครั้ง!!!!!!
เราคิดว่าไม่น่าจะมีใครเหมือนเราแล้ว เราแบบผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกครั้งนึง เราก็เลยแบบเลือกงานที่เป็นอัดวิดีโอ คืออัดตามที่เค้ากำหนดไว้แบบพี่เอเจนซี่เค้าจะกำหนดคำถามให้
ที่อยากย้ำว่าคือว่าแบบเวลาทุกคนดูคลิปรีวิว ทุกคนดูผ่านง่ายไปหมดเลยใช่ไหมความเป็นจริงแล้วเราอยากบอกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น55555555
ขั้นตอนต่อไป
การรอ Job offer จากนายจ้างแล้วก็จากus sponsor ก็อาจจะรอนานนิดนึง อย่างเราก็รอประมาณแบบเกือบเดือนเลยมั้ง
(*us sponsor คือ เอเจนซี่ที่เมกาที่จะคอยดูแลเรานะ)
และเมื่อได้แล้วที่เราคิดว่าสำคัญสุดๆคือ การกรอก DS160 เพื่อจองคิวสัมวีซ่า
ทุกคนพยามกรอกให้ละเอียดที่สุดนะะะ พวกแพลนหลังกลับเพราะว่าเวลาเราไปสัมภาษณ์ เค้าจะอ่านจากตรงนี้เป็นหลักแบบถ้าเราเขียนไปสั้นอาจจะโดนถามเยอะได้ อย่างเราเราเขียนไปละเอียดประมาณนึงแล้วเขียนว่า เออเราเกรดเท่านี้เราเรียนที่นี่แล้วก็หลังกลับมาจะทำอะไร ตอบไปตามความจริงนะ หรือถ้าจะเมคก็เอาให้มันมีข้อมูลแน่นๆ มายืนยัน
ขั้นตอนสุดท้ายละ คือ การสัมภาษณ์
ไม่แนะนำให้เอากระเป๋าไปเพราะว่ามันไม่สามารถเอากระเป๋าเข้าไปได้!!! เอาเข้าได้แค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ว่าถ้าจำเป็นต้องเอาไป มันก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าที่เค้ารับฝากของอยู่แถวนั้นเหมือนกัน
พอขั้นตอนแรกคือ การเดินไปต่อแถวเช็คอินว่าเออเนี่ยเราคิวกี่โมง
(ซึ่งตรงนี้เรามีปัญหาอีกแล้วเว้ยก็คือเรากรอกเลขพาสปอร์ตผิดในใบจองคิววีซ่านะแต่ว่าตรงนี้ก็ไม่เป็นปัญหา พอเรากรอกใน DS 160 ถูก)
หลังจากนั้นก็เป็นการตรวจร่างกายแล้วก็ตรวจแบบพวกอาวุธ ฝากมือถือ (เราจะได้สายรัดข้อมือมาไว้ แลกเอาคืนตอนกลับ)
พอตรวจเสร็จก็จะได้เข้าไป ก็จะเป็นที่นั่งหรอกไม่มีแอร์ แต่คือเราก็ไม่มีอะไรทำ55555 ทุกคนก็จะได้นส wilberforce มาให้เราอ่านอ่านฆ่าเวลาได้
พอถึงเวลาปุ๊บ เค้าก็จะเรียกคิวได้คิวแล้วก็จะเข้าไปข้างใน
ข้างในก็คือจะเป็นห้องแอร์ทุกคนไม่ต้องห่วง ห้องข้างในนี้คือ รันค่อนข้างเร็วมาก มันจะมีทั้งหมดสามเคาน์เตอร์ที่เราจะต้องเข้าไป
เคาน์เตอร์แรก มันจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับสแกนนิ้วตรงนี้จะเป็นคนไทย เค้าก็จะถามว่าเราชื่ออะไร เราอยู่ปีไหนเราไปทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เริ่มงานเมื่อไหร่ เจ้นไหน
*อันนี้อันนี้อยากเตือน รูปถ่ายที่เอาไป ตัวจริงกับในรูป มันต้องเหมือนกันคือ เค้าจะดูรูปว่าเหมือนตัวจริงไหม ถ้ามันไม่เหมือนกับทุกคนต้องไปถ่ายรูปใหม่ ซึ่งข้างในนั้นน่ะก็คือมันจะมีตู้ถ่ายรูปอยู่ก็คือต้องเตรียมเงิน 150 บาทไปด้วย แต่แบบเราเตรียมให้เรียบร้อยเลยดีกว่า ใครที่ใส่คอนแทคตอนไปถ่ายรูปคือ อย่าใส่แบบมีลายนะ
นอกจากนี้เขาก็จะถามนะว่ารูปถ่ายกี่เดือนมันไม่สามารถเกินหกเดือนได้ ทุกคนต้องตอบว่าไม่เกินหกเดือนนะะ
เสร็จปุ๊บเคาน์เตอร์ที่สอง เป็นฝรั่ง คนนี้ ไม่มีไร แป๊บเดียวก็แค่สแกนนิ้วแค่นั้นเหมือนกัน
ต่อไปคือ จุดวัดใจ5555555 คือเคาน์เตอร์ที่ 3 ก็จะให้ไปที่ท่านทูต
ตอนเราจะมีสี่คนก็คือช่องไหนว่างก็เข้าไปเลย
สำหรับคำถามที่เราโดนก็คือ
เหมือนเค้าชวนเราคุยอ่ะเค้าไม่ได้แบบจริงจัง เค้าคงใจดีด้วยมั้ง เค้าก็ถามว่าเรียนที่ไหน แพลนกลับคืออะไรเลยแค่นี้แล้วเค้าก็ชวนคุยกับอาชีพที่เราอยากทำประมาณก็ถามว่าอ่านเล่มขาวยัง จบแค่นี้เลย
เรามองว่าที่สำคัญคือ DS 160 ที่ต้องกรอกให้ดีแล้วก็อันนี้แบบความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะทุกคนก็คือมหาลัยจากการสังเกตและคำบอกเล่า ถ้าเป็นมหาลัยที่มีงานบอลกัน เหมือนคำถามจะไม่เยอะเท่ามหาลัยอื่น ย้ำว่าเราคิดเองน้า ไม่ใช่ว่ามหาลัยอื่นจะไม่ผ่าน มหาลัยอื่นก็ผ่านเยอะมากๆๆๆๆ ตอนเราไปคือ ผ่านแบบ 90% เลย
ใดๆ มีคนตกเพราะเรื่องสำเนียงด้วย ถ้าตำแหน่งที่ทุกคนไปต้อง interact กับคน พยายามอย่าใช้สำเนียงไทยนะ
อย่าลืมยิ้มเยอะๆ รีแอคเยอะๆ ส่วนตัวเราจัดเต็มมาก ฟีลเม้ากับเพื่อน ทั้ง yes, really, wow มาหมดดด5555555
การแต่งตัว พยายามแต่งตัวเรียบร้อยน้า ใครสายฝอ เบาได้เบา5555555
แล้วก็อย่างนึงคือเรื่องของโซเชียลมีเดียทุกคนพยายามออกจากกลุ่มที่มันเป็นย้ายประเทศและทุกคนพยายามอย่าทิ้ง digital footprint ที่มันจะทำให้เราแบบดูว่าจะโดดได้ว่าเค้าก็จะตรวจสอบตรงนี้เหมือนกันนะ (ว่ากันว่า) ประมาณนี้แหละที่เราอยากให้ทุกคนรู้เพื่อเอาไปตัดสินใจ
ย้ำอีกครั้งว่าประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ จ้า ใครมีคำถามก็เม้นๆ ได้ ถ้าเห็นจะแวะมาตอบนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in