เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
lemme tell yaHEARTBREAKMINSU
ขั้นตอน work and travel และคำแนะนำ ฉบับปี 4
  • สำหรับคนที่อยากไปเวิร์ค เราขออนุญาตเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราและเพื่อนรอบตัวในปี 2023 ซัมเมอร์นะคะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงนอกจากนี้ไปได้ค่ะ ถ้าผิดพลาดยังไงขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ ไม่ได้มีเจตนาทำให้ฝ่ายใดเสียหายค่ะ

    ขั้นตอนแรก ถ้ารู้ตัวว่าอยากไปเวิร์ค คือ ต้องหางานที่อยากทำค่ะ 
    ส่วนตัวเราคิดว่า เอาที่งานก่อนแล้วค่อยเลือกเอเจนซี่ เอเจนซี่จะมีหลากหลายมากๆ ให้ทุกคนเข้าไปดูในเว็บได้เลยว่าสนใจงานไหน 
    งานส่วนใหญ่ คือ (พร้อมรีวิวจากคนรอบตัว)
    - สวนสนุก : ได้เล่นเครื่องเล่นฟรีส่วนมาก เหมาะกับคนจอยๆ อยากหาเพื่อนเยอะๆ ส่วนใหญ่จะมีหอพักให้ แต่ถ้าไปหาเงินอาจจะไม่คุ้มเพราะค่อนข้างจำกัดชั่วโมง ถ้าอากาศไม่ดีก็อาจจะโดนลดชั่วโมงได้ค่ะ 
    - งานร้านอาหาร มีทั้งมีทิปและไม่มี ถ้ามีทิป เรทต่อชั่วโมงจะไม่เยอะแต่ได้ทิปก็จะเฉลี่ยๆ กันไปค่ะ งานนี้เราว่าเงินโอเคนะ
    - งานร้านฟาสฟู้ด แมค ใดๆ งานค่อนข้างหนักมาก แต่จะมีข้อดีคือ ได้พวกอาหารฟรี 
    - งานโรงแรม เป็นงานที่ไม่ค่อยได้ interact กับคนเยอะเพราะต้องทำความสะอาด

    อันนี้คือเท่าที่เราทราบนะคะ

    เกณฑ์การพิจารณางานที่อยากให้ทุกคนเช็ค คือ 
    - เรื่องการเดินทางสะดวกมั้ย มีบัสมั้ย หรือต้องจักรยาน
    - ที่พัก ราคาเท่าไหร่  ไกลจากงานมั้ย
    - งาน ลองหารีวิวจากกลุ่มเฟสต่างๆ หรือใน google review พวกนี้เบื้องต้นดูก่อนได้นะคะ 
    Ps บางงานที่ขึ้นที่พักว่า tba ก็คือต้องลุ้นเอาจริงๆ ค่ะ 

    ขั้นตอนที่ 2 เมื่อได้งานที่ชอบแล้ว ให้พิจารณาเอเจนซี่ที่ของงานนั้นประกอบกับงานที่อยากทำ >>พยายามหาเอเจนซี่ที่มีชื่อเสียงหน่อยน้า ยอมเงินสักหน่อย ดีกว่าโดนโกงทีหลังจ้า 

    สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกเอเจนซี่ สำหรับเราคือ วิธีการเลือกงานค่ะ
    ปกติแล้วแต่ละเจ้นจะมีการเลือกงานต่างกัน
    - เจ้นที่คนสมัครเยอะๆ สีแดง (เราไปกับเจ้นนี้) จะเป็นการแย่งกันกดงานในเว็บแล้วรอสัมภาษณ์ สัมเสร็จก็ต้องรอผลสัมภาษณ์ ซี่งส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ ยกเว้นว่าระบุไว้ใน description
    ***>>>> ปสก ส่วนตัวที่เจอมาและอยากเตือนมากๆ คือ เรารอผลสัมนานมากประมาณเดือนกว่า และพบว่าไม่ผ่าน ทำให้ต้องรีบหางานใหม่ คิววีซ่าก็เลยไปไกลเลย แน่นอนว่าพอคิววีซ่าไกล ค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกคือ ค่าตั๋วเครื่องบิน

    อย่างไรก็ตาม พี่ๆ บริการดีค่ะ แบบถ้าถามก็ตอบ ถ้าไม่ถามก็ไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ แต่ตอบเร็วจริงค่ะ

    - เจ้นอื่นๆ ที่เพื่อนเราสมัคร คือ การเอาเรซูเม่ไปแปะ ให้นึกถึงทินเดอร์ เราสนใจเขา เขาสนใจเราก็เป็นอันจบ ไม่มีสัมภาษณ์ใดๆ อันนี้ก็อยู่ที่แต่ละคนอีกว่าจะเจองานที่ใช่เร็วแค่ไหน

    ขั้นตอนที่ 3 สัมภาษณ์งาน (ถ้ามี) 

    การสัมภาษณ์งานจะมีหลายแบบจะมีทั้งอัดคลิปวิดีโอหรือว่าสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอล

    ซึ่งเรามีประสบการณ์ทั้งสองแบบเลยเพราะว่าเราไม่ผ่านแบบสัมภาษณ์วิดีโอถึงสองครั้ง


    ครั้งที่ 1

    ครั้งแรกเราว่าเราก็มั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเองเหมือนกันนะแต่ก็ตก5555555 เพราะว่าบางทีนายจ้างแต่ละคนเขาก็มีเกณฑ์การกำหนดที่แตกต่างกัน เช่นแบบบางคนอยากได้ผู้ชาย ทำให้เราอาจจะตกได้หรือว่าบางทีการตอบคำถามของเราพวกเรื่องอาชีพแพลนอนาคต พยายามแบบเมคให้มันเข้ากับสิ่งที่เราเรียนมา


    แล้วก็สิ่งที่สำคัญเลยก็คือว่าอย่าแบบวิดีโอคอลข้างนอกเด็ดขาด


    ครั้งที่ 2

    ครั้งที่สองเราวิดีโอคอลข้างนอกเพราะว่าเราติดธุระ เราก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะอินเตอร์เน็ตเราหรืออินเตอร์เน็ตเขา ทำให้เราแบบสื่อสารแบบไม่รู้เรื่องแทบไม่ได้คุยเลยแล้วเขาก็ตัดสายไปเลยแล้ว ซึ่งก็เป็นครั้งที่สองที่เราตกสัมภาษณ์


    พยายามทำตัวว่างๆ แบบสัก 2-3 ชั่วโมงเลยเพราะตอนเราสัม นายจ้างโคตรเลท เลทแบบ 1.30 ชั่วโมงเลย แต่สัมจริงๆ ไม่นานนะ 


    ส่วนตัวเราตกสัมสองครั้ง!!!!!! 


    เราคิดว่าไม่น่าจะมีใครเหมือนเราแล้ว เราแบบผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกครั้งนึง เราก็เลยแบบเลือกงานที่เป็นอัดวิดีโอ คืออัดตามที่เค้ากำหนดไว้แบบพี่เอเจนซี่เค้าจะกำหนดคำถามให้


    ที่อยากย้ำว่าคือว่าแบบเวลาทุกคนดูคลิปรีวิว ทุกคนดูผ่านง่ายไปหมดเลยใช่ไหมความเป็นจริงแล้วเราอยากบอกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น55555555


    ขั้นตอนต่อไป

    การรอ Job offer จากนายจ้างแล้วก็จากus sponsor ก็อาจจะรอนานนิดนึง อย่างเราก็รอประมาณแบบเกือบเดือนเลยมั้ง 

    (*us sponsor คือ เอเจนซี่ที่เมกาที่จะคอยดูแลเรานะ)


    และเมื่อได้แล้วที่เราคิดว่าสำคัญสุดๆคือ การกรอก DS160 เพื่อจองคิวสัมวีซ่า 


    ทุกคนพยามกรอกให้ละเอียดที่สุดนะะะ พวกแพลนหลังกลับเพราะว่าเวลาเราไปสัมภาษณ์ เค้าจะอ่านจากตรงนี้เป็นหลักแบบถ้าเราเขียนไปสั้นอาจจะโดนถามเยอะได้ อย่างเราเราเขียนไปละเอียดประมาณนึงแล้วเขียนว่า เออเราเกรดเท่านี้เราเรียนที่นี่แล้วก็หลังกลับมาจะทำอะไร ตอบไปตามความจริงนะ หรือถ้าจะเมคก็เอาให้มันมีข้อมูลแน่นๆ มายืนยัน


    ขั้นตอนสุดท้ายละ คือ การสัมภาษณ์


    ไม่แนะนำให้เอากระเป๋าไปเพราะว่ามันไม่สามารถเอากระเป๋าเข้าไปได้!!! เอาเข้าได้แค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ว่าถ้าจำเป็นต้องเอาไป มันก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าที่เค้ารับฝากของอยู่แถวนั้นเหมือนกัน 


    พอขั้นตอนแรกคือ การเดินไปต่อแถวเช็คอินว่าเออเนี่ยเราคิวกี่โมง

     (ซึ่งตรงนี้เรามีปัญหาอีกแล้วเว้ยก็คือเรากรอกเลขพาสปอร์ตผิดในใบจองคิววีซ่านะแต่ว่าตรงนี้ก็ไม่เป็นปัญหา พอเรากรอกใน DS 160 ถูก) 


    หลังจากนั้นก็เป็นการตรวจร่างกายแล้วก็ตรวจแบบพวกอาวุธ ฝากมือถือ (เราจะได้สายรัดข้อมือมาไว้ แลกเอาคืนตอนกลับ)


    พอตรวจเสร็จก็จะได้เข้าไป ก็จะเป็นที่นั่งหรอกไม่มีแอร์ แต่คือเราก็ไม่มีอะไรทำ55555 ทุกคนก็จะได้นส wilberforce มาให้เราอ่านอ่านฆ่าเวลาได้ 


    พอถึงเวลาปุ๊บ เค้าก็จะเรียกคิวได้คิวแล้วก็จะเข้าไปข้างใน

    ข้างในก็คือจะเป็นห้องแอร์ทุกคนไม่ต้องห่วง ห้องข้างในนี้คือ รันค่อนข้างเร็วมาก มันจะมีทั้งหมดสามเคาน์เตอร์ที่เราจะต้องเข้าไป


    เคาน์เตอร์แรก มันจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับสแกนนิ้วตรงนี้จะเป็นคนไทย เค้าก็จะถามว่าเราชื่ออะไร เราอยู่ปีไหนเราไปทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เริ่มงานเมื่อไหร่ เจ้นไหน


    *อันนี้อันนี้อยากเตือน รูปถ่ายที่เอาไป ตัวจริงกับในรูป มันต้องเหมือนกันคือ เค้าจะดูรูปว่าเหมือนตัวจริงไหม ถ้ามันไม่เหมือนกับทุกคนต้องไปถ่ายรูปใหม่ ซึ่งข้างในนั้นน่ะก็คือมันจะมีตู้ถ่ายรูปอยู่ก็คือต้องเตรียมเงิน 150 บาทไปด้วย แต่แบบเราเตรียมให้เรียบร้อยเลยดีกว่า ใครที่ใส่คอนแทคตอนไปถ่ายรูปคือ อย่าใส่แบบมีลายนะ 


    นอกจากนี้เขาก็จะถามนะว่ารูปถ่ายกี่เดือนมันไม่สามารถเกินหกเดือนได้ ทุกคนต้องตอบว่าไม่เกินหกเดือนนะะ


    เสร็จปุ๊บเคาน์เตอร์ที่สอง เป็นฝรั่ง คนนี้ ไม่มีไร แป๊บเดียวก็แค่สแกนนิ้วแค่นั้นเหมือนกัน


    ต่อไปคือ จุดวัดใจ5555555 คือเคาน์เตอร์ที่ 3 ก็จะให้ไปที่ท่านทูต 

    ตอนเราจะมีสี่คนก็คือช่องไหนว่างก็เข้าไปเลย


    สำหรับคำถามที่เราโดนก็คือ


    เหมือนเค้าชวนเราคุยอ่ะเค้าไม่ได้แบบจริงจัง เค้าคงใจดีด้วยมั้ง เค้าก็ถามว่าเรียนที่ไหน แพลนกลับคืออะไรเลยแค่นี้แล้วเค้าก็ชวนคุยกับอาชีพที่เราอยากทำประมาณก็ถามว่าอ่านเล่มขาวยัง จบแค่นี้เลย


    เรามองว่าที่สำคัญคือ DS 160 ที่ต้องกรอกให้ดีแล้วก็อันนี้แบบความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะทุกคนก็คือมหาลัยจากการสังเกตและคำบอกเล่า ถ้าเป็นมหาลัยที่มีงานบอลกัน เหมือนคำถามจะไม่เยอะเท่ามหาลัยอื่น ย้ำว่าเราคิดเองน้า ไม่ใช่ว่ามหาลัยอื่นจะไม่ผ่าน มหาลัยอื่นก็ผ่านเยอะมากๆๆๆๆ ตอนเราไปคือ ผ่านแบบ 90% เลย


    ใดๆ มีคนตกเพราะเรื่องสำเนียงด้วย ถ้าตำแหน่งที่ทุกคนไปต้อง interact กับคน พยายามอย่าใช้สำเนียงไทยนะ


    อย่าลืมยิ้มเยอะๆ รีแอคเยอะๆ ส่วนตัวเราจัดเต็มมาก ฟีลเม้ากับเพื่อน ทั้ง yes, really, wow มาหมดดด5555555


    การแต่งตัว พยายามแต่งตัวเรียบร้อยน้า ใครสายฝอ  เบาได้เบา5555555 


    แล้วก็อย่างนึงคือเรื่องของโซเชียลมีเดียทุกคนพยายามออกจากกลุ่มที่มันเป็นย้ายประเทศและทุกคนพยายามอย่าทิ้ง digital footprint ที่มันจะทำให้เราแบบดูว่าจะโดดได้ว่าเค้าก็จะตรวจสอบตรงนี้เหมือนกันนะ (ว่ากันว่า) ประมาณนี้แหละที่เราอยากให้ทุกคนรู้เพื่อเอาไปตัดสินใจ 


    ย้ำอีกครั้งว่าประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ จ้า ใครมีคำถามก็เม้นๆ ได้ ถ้าเห็นจะแวะมาตอบนะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in