เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fic Touken Ranbupiroriraro
[TRB] Fictober2017 | Day 1 - Clothes
  • Fic - Touken Ranbu

    Pairing - Higekiri x Hizamaru

    Rate - PG

    _____________________________________

       เเสงจ้าของพระอาทิตย์ยามสายส่องลงมากระทบกับพื้นด้านนอกเเละชานเรือน เมฆบางส่วนขยับเคลื่อนไปตามทิศทางของลมที่พัดผ่าน  ท้องฟ้าสีครามสดใส                                                             สมบัติของเกนจิคนน้องยืนมองขึ้นไปด้านบนด้วยสีหน้ามุ่งมั่นอยู่ที่ประตูเข้าออกเรือน ส่วนสมบัติเกนจิคนพี่หลับเป็นตายอยู่ในห้องอย่างสบายใจเฉิบ   

               วันนี้เเล่ะ

               ข้าจะไม่ยอมพลาดโอกาสในวันที่อากาศเเจ่มใสอย่างนี้เป็นอันขาด !

                ฮิสะมารุคิดพลางกำหูหิ้วตะกร้าผ้าในมือเเน่น ก่อนจะเดินถือไปยังสถานที่ที่อารุจิจัดเตรียมไว้สำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะปล่อยให้พี่ชายตนเองที่เพิ่งกลับจากเดินทางสำรวจหาทรัพยกรนอนกอดตุ๊กตาสิงโต(ที่ตนเย็บเอง)อยู่ในเรือนต่อไป


       ระยะนี้เหมือนสิ่งที่อารุจิเรียกว่าข่าวพยากรณ์อากาศจะรายงานผลว่า ในช่วง1-2วันนี้จะพายุจะเข้าหรืออย่างไรสักอย่าง ตัวของเขาเองก็ไม่ใคร่เข้าใจนัก รู้เเต่ว่านั่นเป็นผลให้ฝนเทลงมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ยเเทบทุกวัน จนไม่สามารถทำงานจิปาถะในฮงมารุได้สะดวกมากนัก

    หนึ่งในงานจิปาถะที่ประสบปัญหาเลยก็คือการซักเสื้อผ้านี่เเล่ะ

               ที่ฮงมารุเเห่งนี้ หากไม่นับเรื่องอาหารการกินที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเเล้ว ก็ไม่ได้มอบหมายให้ใครคนใดคนหนึ่งรับหน้าที่นี้โดยลำพัง เเต่ให้เเต่ละบ้านรับผิดชอบในส่วนของตัวเองไป  โดยให้ไปตกลงกันเองหรือดูความเหมาะสมกันเอาเองว่าจะจัดการผ้าผ่อนของตัวเองกันตอนไหน

    โชคดีที่วันนี้นอกจากจะอากาศดีกว่าวันอื่นๆเเล้ว ราวสำหรับตากผ้ายังพอมีเหลืออยู่บ้าง  เสื้อผ้าของเขากับอานิจะไม่เยอะเท่าไหร่หากเทียบกับเสื้อผ้าของพวกอะวาตากุจิที่มีจำนวนคนมาก หรือเสื้อผ้าของบ้านอื่นๆที่ต้องใช้พื้นที่ในการตากเยอะ  หากเเต่ก็ถือว่าเยอะกว่าทุกที เพราะช่วงนี้เเทบจะซักผ้าไม่ได้เลย

       ฮิสะมารุสะบัดเสื้อคอเต่าสีดำเนื้อผ้าค่อนข้างหนาตัวสุดท้ายในตะกร้าผ้าของพี่ชายตัวเองที่เพิ่งซักเสร็จก่อนจะใส่ไม้เเขวนเสื้อเเล้วตากไว้บนมุมหนึ่งของราวที่ตัวเองไปจับจองที่ว่าง  จากนั้นก็นำอุปกรณ์ทำความสะอาดไปเก็บเเล้วยกตะกร้าผ้าเดินกลับเรือนไป

       พอเดินถึงตัวเรือน ฮิสะมารุก็นำตะกร้าผ้าไปเก็บไว้ที่มุมหนึ่งในห้องที่อยู่ใกล้กับตู้เก็บเสื้อผ้า  

    เขาหันไปมองคนที่กำลังหลับอยู่  

    ฮิเกะคิริที่ดูท่าทางอ่อนเพลีย(ในสายตาของฮิสะมารุ)กำลังหลับสนิทด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย  ด้านน้องชายพอเห็นเเบบนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้  เขาคิดในใจว่าให้นอนพักอีกสักหน่อยเเล้วกัน ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กๆในห้อง  โดยที่ไม่ทันได้รู้สึกตัวว่าตนเองจะเผลองีบหลับในเวลาไม่กี่อึดใจต่อมา


    มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงนี่เเล่ะ


    ฮิสะมารุสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ได้ยินเสียง  เขาหันซ้ายทีขวาทีความตกใจ


    อานิจะไม่อยู่ในห้องเเล้ว เเละหายไปไหนเขาเองก็ไม่รู้ จะมีก็เเต่ผ้าห่มที่มีใครสักคนเอามาคลุมไหล่ให้ กับตุุ๊กตาสิงโตตัวที่อานิจะเคยกอดวางอยู่บนโต๊ะ

    ยังไม่ทันจะตั้งสติเรียบเรียงอะไร เสียงฝนที่ตกลงมาค่อนข้างหนักก็ดังขึ้นซะก่อน จากที่ตอนเเรกยังได้ยินเเค่เสียงฟ้าร้องคำราม

         ฮิสะมารุหน้าซีด 

         เเย่เเล้ว เราตากผ้าเอาไว้นี่  


       พอนึกขึ้นได้เขาก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นไปที่ราวสำหรับตากผ้า เเต่เพราะที่นั่นอยู่ไกลจากเรือนที่พักของเขาไปหน่อย กว่าจะวิ่งไปถึงผ้าที่ตากทิ้งไว้ก็เปียกโชกไปพอสมควรเเล้ว  เเถมเพราะรีบร้อนวิ่งมา เขาจึงลืมหยิบตะกร้าสำหรับใส่ผ้ามาด้วย

    สถานการณ์ตรงราวตากค่อนข้างวุ่นวาย พวกอะวาตากุจิวิ่งสวนกันไปมา ด้านคะเซ็นเองก็หอบผ้าผ่อนพะรุงพะรัง อีกฝั่งหนึ่งมิทสึทาดะที่ดูเหมือนเพิ่งวิ่งหน้าตั้งมาจากในครัวตรงเข้ามาเก็บผ้าคลุมสีฟ้าผืนค่อนข้างใหญ่กับชุดคลุมไหล่สีขาวที่มองปราดเดียวก็รู้ตัวเจ้าของเเล้วว่าเป็นใคร

    ฮิสะมารุเอื้อมมือไปหยิบไม้เเขวนเสื้อที่อยู่ตรงราวมาพาดที่เเขน เเต่ในจังหวะที่กำลังหยิบเสื้อคลุมไหล่สำหรับอกรบของตนเองนั้น มือปริศนาที่เขาไม่ทันได้ใส่ใจสังเกตุให้ดี ก็โผล่เข้ามาในสายตาก่อน


       “เอ้า นี่”  เจ้าของมือปริศนาบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ทุกข์ร้อน

       “อาๆ  ขอบใจน----  เหวออ ! อานิจะ!?”  

    ตอนที่เอื้อมมือไปรับผ้าจากในมืออีกฝ่าย เขาเพิ่งได้สังเกตุว่าคนที่ยื่นไม้เเขนเสื้อให้ตนเองนั้นเป็นใคร

       เเย่จริงๆ ทำไมเราถึงได้ไม่รู้ว่านี่คืออานิจะนะ  

       ฮิสะมารุเริ่มกล่าวโทษตัวเองในใจ


    ด้านฝ่ายฮิเกะคิริก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

    เขามองสีหน้าน้องชายด้วยความสนอกสนใจ เเล้วยิ้มออกมาบางๆ

    เเละทั้งคู่ก็คงจะหยุดยืนอยู่ตรงนั้นอีกนาน ถ้าไม่มีเสียงตะโกนของคะเซ็นจากตัวเรือนที่ถูกใช้เป็นที่กำบังฝนชั่วคราวเเละอยู่ใกล้ที่นั่นที่สุดดังขึึ้นมา

      “นี่ ! พวกเจ้าสองคนน่ะ จะจ้องหน้ากันเเบบนั้นอีกนานไหม !”


    เป็นอันว่าในท้ายที่สุดทั้งเขาเเละอานิจะก็วิ่งมาหลบฝนที่ชายคาเรือนกับคนอื่นที่วิ่งไปเก็บผ้าที่ราวเมื่อสักครู่นี้


    เสียงบ่นระงมว่าเปียกหมดเลย กับเมื่อไหร่ฝนจะหยุดนะดังระงมคลอกับเสียงฝนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลง


         อานิจะบอกเขาว่าช่วงบ่ายๆออกมานั่งเล่นกับพวกคนอื่นๆในฮงมารุ  ตอนเเรกทุกๆคนคุยกันอย่างสนุกสนานดีหรอก เเต่เเล้วจู่ๆพอฟ้าผ่าดังเปรี้ยงเเล้วฝนตกลงมาเท่านั้นเเล่ะ คนที่นั่งเล่นด้วยกันอยู่บางคนก็วิ่งออกจากห้องไป  ด้วยความสงสัยเเล้วก็คิดว่าต้องมีอะไรน่าสนุกเเน่ๆเลยตามเขาไปด้วย 

    ผลสุดท้ายก็เลยเป็นเเบบที่เขาเจอไปนั่นเเล่ะ


       “เเย่เลยเเฮะเเบบนี้” คะเซ็นบ่น “เล่นตกลงมาเเบบนี้ทุกวันข้าเองก็ลำบากเหมือนกันนะ” เจ้าตัวพูดพลางมองฝนที่ตกอยู่นอกชานเรือนด้วยสีหน้าลำบากใจ


       “ทำไมล่ะ?”  ฮิเกะคิริหันไปถามด้วยความสงสัย (ที่ไม่รู้ว่าจงใจเเกล้งหรือไม่รู้จริงๆ)


       “ก็จะไม่มีเสื้อผ้าใส่เอาน่ะสิ” คะเซ็นหันมาตอบพร้อมทำหน้ายู่เล็กน้อย  ท่าทางตอนพูดเหมือนกับผู้ปกครองไม่มีผิด


    ในตอนที่ฮิเกะคิริเเสดงสีหน้าประหลาดใจประมาณว่า งั้นเหรอเนี่ย พร้อมกับทำตาเป็นประกายไปด้วย ฝ่ายน้องชายก็พูดเสริม  

                “ก็อย่างที่ว่าน่ะเเล่ะ อานิจะ” ฮิสะมารุพูด

    ด้านพี่ชายที่ได้ฟังก็หันไปมองน้องชายตัวเองที่กำลังทำสีหน้าลำบากใจ เขาเอียงคอลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาเเล้วพูดขึ้นว่า



                 “เเต่ตอนกลางคืนเจ้าก็ไม่ได้ใส่อะไรอยู่เเล้วไม่ใช่เหรอ น้องชาย?”



     ได้ยินเท่านั้นเเล่ะคะเซ็นที่อยู่วงสนทนาด้วยหน้าเเดงก่ำเเล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวเถอะ พูดอะไรของเจ้าเนี่ย” 

    ชั่วจังหวะนั้นนอกจากเสียงฝนเเล้วก็ไม่มีเสียงอะไรเเทรกขึ้นมาอีก เพราะคนอื่นๆที่กำลังคุยกันอยู่นั้นจู่ๆก็พร้อมใจกับเงียบเสียงลง เเละหันมามองพวกเขาอย่างพร้อมเพรียงพร้อมด้วยสีหน้าล้อเลียน

    ส่วนฝ่ายฮิสะมารุ(ที่โดนทิ้งระเบิดลูกใหญ่)ทันทีที่ฟังพี่ชายตัวเองพูดจบก็หน้าขึ้นสีเสียยิ่งกว่าคะเซ็นไม่รู้กี่เท่า เขาได้เเต่อ้าป้ากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก เเค่จะเรียกชื่ออานิจะเหมือนทุกทียังทำไม่ได้เลย
    ยิ่งได้เห็นสีหน้าล้อเลียนของคนที่หลบฝนอยู่ในชายคาด้วยกันกับสายตาของอานิจะเเล้ว เขายิ่งรู้สึกอายจนอยากจะเเทรกเเผ่นดินหนี หัวสมองว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก อยากจะเอามือปิดหน้าให้รู้เเล้วรู้รอด เเต่ก็ทำไม่ได้เพราะหอบผ้าที่ซักไว้อยู่ในมือ  


    __________________________________

    TALK :
    เพิ่งลองใช้ minimore ครั้งเเรกค่ะ  ยังงงๆอยู่หลายอย่างเลย 555
    เป็นฟิคฮิเกะฮิสะเรื่องเเรกที่เราลองเเต่งด้วยค่ะ  
    เหมือนเขียนระบายเรื่องฝนชอบตกตอนจะซักผ้าทุกทีมากกว่าเเต่งฟิคยังไงไม่รู้เเฮะ
    สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ
    ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจริงๆค่ะ







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in