เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
<span>sweetsingularity
02. <h1> pollock, jackson </h1>

  • "....every good artist paints what he is."

    - Jackson Pollock (1912-1956)



    เหมือนผมเจาะจงจะใจอ่อนกับคนที่ใจร้ายกับผมมากที่สุด


    เพื่อน (ที่นับจำนวนอยู่ได้น้อยกว่าเซ็ทแก้วช็อตครึ่งโหลที่ผมลังเลไม่กล้าซื้อมาสักที) มักบอกว่าผมเก่งในการตัดสินใจโง่ๆ เรื่องความรัก

    ก้าวพลาด รีบเร่ง แผลสดที่กำลังหายถูกสาดน้ำกรดเข้าไปซ้ำๆ กับคนที่ใช้คำพูดเป็นเพียงลมปาก เบาบางและไร้ค่า หากเกาะกุมและกัดกินหัวใจเร็วกว่าพิษยาไหนๆ


    และในกรอบเดียวกับคนโง่คนอื่นๆ (แบบที่ อัลเลน กินส์เบิร์กเขาเคยกล่าวไว้ - คนรักและคนเศร้าเหงาใจทั้งหลาย) ผมโดนกับดักเดิมตอกย้ำกับตัวไม่รู้กี่หนอย่างคนเคยไม่เข็ดหลาบ


    พอลองมองย้อนกลับไปแล้ว หัวใจผมซวนเซจะปักใจรักคนจำพวกหนึ่งที่ไม่เคยลืมเลือนรักแรกของเขาสักนิด ปล่อยให้อดีตเป็นเงาตามตัวและหมอกในใจ บ่อยครั้งอดีตปรากฎกายเป็นตัวเป็นตน กระตุกสายใยที่พันยุ่งอีรุงตุงนังดุจเถาวัลย์กาฝากในความสัมพันธ์ของผมกับเขา พลังที่มองไม่เห็นเรียกตัวและใจเขากลับไป เหลือเพียงเปลือกและอารมณ์ที่ถูกกวนใหม่ให้ขุ่นมัวไว้ให้ผมเก็บกวาด


    คนที่เขาคบมาสามปี เคยคิดจะแต่งงานด้วย คนที่จับมือและจูบเขาครั้งแรกในรถ คนที่หิ้วปีกเขากลับหอเมื่อเมาหลังปาร์ตี้ ณ ที่ฝึกงานสมัยเป็นนักศึกษา


    ศัตรูหัวใจผมคือผีไร้ตัวตน



    แน่ละ พวกเขามักบอกผมว่ารัก


    รัก เหมือนคำวิเศษและกระสุนเงินที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างในโลก

    รัก เหมือนความเห็นแก่ตัวเขาสลายหายไปกับความหวานของคำพยางค์เดียวง่ายๆ

    รัก เหมือนคำพูด การกระทำ สายตา และท่าทางเขาต่ออดีตนั้นไม่ต่างจากผม ผู้พยายามอยู่แต่กับคนตรงหน้าและหัวใจตรงนี้เท่านั้น


    แค่สบตาเขาอีกครั้ง ใจผมก็ล้าราววิ่งมาราธอนสิบกิโลมา


    ความคิดผมวนเวียน แตกดับ และผุดขึ้นใหม่ คล้ายกำลังละเลงภาพ Jackson Pollock โมเดิร์นอาร์ตในหัว


    คนตรงหน้าผมหัวเราะเสียงน่าฟังเมื่อเห็นผมหลบสายตา พยายามจ้องวงดนตรีที่เล่นอีกมุมหนึ่งของบาร์แทนการตอบคำถามเขา


    “คุณเจ”


    อาจเป็นเพราะความอุ่นของวอดก้าและความมึนจากจิน (ผสมปนเปกันไปหมดคืนนี้ เพื่อรีวิว มีหรือผมจะไม่ลอง) แต่ใจผมเหลวไร้รูปทรงเป็นพุดดิ้งในเสียงเขา



    … อา นี่มันความหลงหรือเปล่านะ

    หลงแรกพบน่ะ


    ญาติห่างๆ ของรักแรกพบ

    ผมคนหนึ่งรู้จักกับมันดีเกินพอ


    “คุณเจครับ”



    ไม่เคยตั้งสเปกตัวเองจริงจัง แค่ร่างกายและหัวใจที่โอนอ่อนไปตามคำหวานของคนง่าย ก็เท่านั้น


    (ไอ้อ่อน เพื่อนชอบว่าผม เขาพูดครับ คะ มึงก็เซไม่เป็นท่า

    … ก็อยากจะบอกว่าไม่แพ้เหมือนกัน


    คนมันก็มีจุดอ่อนไหมละ)



    ผมกระพริบตา เขายิ้มให้ ฟันสองซี่กระต่ายแง้มๆ ออกมาทักทาย


    ให้ตาย นี่มันเจ้าชายสโนว์ไวท์หรือเปล่าวะ


    “ผมพูดเล่นน่ะ”


    เมฆาตบบ่าผมเบาๆ

    ยากที่จะบอกว่าไฟฟ้าสถิตตรงบ่าผมไม่เกี่ยวกับสัมผัสเขา


    “แต่จีบจริงนะครับ”

    เขาขยิบตา


    ผมพบว่าตัวเองต้องตั้งสติ (ซึ่งก็ยากเต็มทน) ห้าวิก่อนตอบไป

    “นี่ขุดสำนวนจีบมาเล่นกับผมหรือไงคุณ”


    สีหน้าเขาดูสดชื่นขึ้น ตาเปล่งประกายอย่างประหลาด

    “พูดเก่งกว่าที่คิดนะครับ”


    คราวนี้เป็นฝ่ายผมที่หัวเราะบ้าง

    “ผมเป็นนักเขียน จะพูดช้าก็เพราะคำมันตันๆ ในหัว” กลืนน้ำลายก่อนพูดต่อ “และถ้ายังไม่มึนขนาดนี้ละก็--”


    เขายกมือขึ้นห้าม

    “งั้นผมห้ามคุณดื่มละนะคุณเจ” มือใหญ่จับแก้วผมไว้ ค่อยบังคับมือผมวางแก้วลงบนบาร์


    ความอุ่บวาบแล่นผ่านขั้วหัวใจผม


    “หืม” ผมเอียงคอ ทำตาโตใส่เขากลับ “มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผมครับคุณเมฆ”


    เขาดูดีใจที่ได้ยินผมเอ่ยชื่อเขาเป็นครั้งแรก เสยผมแล้วตอบ “อยากรู้จักคุณน่ะครับ”


    ประโยคง่ายๆ นั้นพาเราเข้าบทสนทนาเรื่องนักเขียนโปรดของผมอย่างเรย์มอนด์ แชนด์เลอร์ เขาดูฟังผมพูดชมคดีหน้าต่างสูงไม่หยุดอย่างสนใจ เมฆาออกตัวว่าเขาเป็นโปรแกรมเมอร์ หรือ developer ในภาษาคนในวงการไอที แต่หยิบหนังสือมาอ่านทุกครั้งที่ไม่ล้าจากงาน


    “ไม่มีใครเขียนเหมือนแชนด์เลอร์แล้วเนอะคุณ” เขาว่า “ผู้หญิงแรงๆ บทสนทนาเฉือดเฉือนกันไปมา ตัวโกงที่ไม่ยอมกันง่ายๆ anti-hero สีเทาและควันบุหรี่คลุ้งในเรื่อง--”



    ถ้าผมบอกว่านั่นเกือบจะเป็น foreplay talk สไตล์ผม คุณจะเชื่อไหม



    ค่อนบทสนทนาไปแล้ว ผมถึงรู้สึกตัวว่าจ้องริมฝีปากเขามาตลอด

    ทั้งรูปทรง สีแสนสด และเสียงที่เปล่งออกมา


    … ถ้าลองจูบเข้าสักทีจะอิ่มเอมแค่ไหน



    “ภาษาเขาคมเหมือนมีด” ผมกระแอมแก้เขิน “แต่ลื่นไหลพิกล ... คงยังอีกไกลกว่าผมจะถึงจุดนั้น”


    เขายิ้ม

    “ว่างๆ ส่งงานให้ผมอ่านได้นะครับ”


    พูดจริงพูดเล่นเนี่ย?


    “งานผมก็คล้ายๆ คุณนี่ละ ถอดรื้อโค้ด ประกอบ และสร้างสรรค์ขึ้นใหม่”


    ผมส่ายหน้ารัวๆ “โอย” มองเหล้าในขวด ที่ไม่พร่องลงในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา “ไม่กล้ารบกวนคุณเมฆหรอกครับ ฟังดูต้อง on call เหมือนหมอที่โรงบาลเลย”

    เขามองผมอย่างเอ็นดู “ไม่ขนาดนั้นคุณ -- เราสลับเวรกัน อาทิตย์ต่ออาทิตย์ ไว้เทศกาลเซลส์เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

    เท่าที่เขาบอกผม (และผมพอจะจับใจความได้) เขาทำงานดูแลเว็บไซท์ของบริษัทขายของออนไลน์ e commerce แห่งหนึ่ง และเป็นคนที่งานชุกคนหนึ่งด้วย


    นี่ผมคุยกับใครอยู่...

    จับทางไม่ถูกเลยจริงๆ


    เขาดูสนใจผมจริงจังออกนอกหน้า จนผมรู้สึกต้องกดเบรกในการสนทนา


    (ผมตอนนี้ยังไงละ

    จะให้ตัวเองเจ็บเหมือนครั้งก่อนๆ ได้อย่างไร)



    “ขอบคุณที่เสนอครับ” ผมพยักหน้าตอบเขา “ว่าแต่-- คุณพูดเหมือนอยากคุยกับผมต่อ”


    “อ่า—เหมือน เหมือนเราจะได้คุยกันต่อ”



    เขาล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    “ผมขอไอดีไลน์คุณได้ไหม”


    แก้มเจ้ากรรมผมคงทรยศออกสีอีกแล้ว เพราะเขาไม่ยิ้มโชว์ฟันเต็มปากอย่างนั้นฟรีแน่


    “อยากคุยอะไรก็ส่งมาครับ”


    ผมรับมือถือเขามาอย่างงงๆ

    สาวกไอโฟนอย่างผมคงเงอะงะต่อหน้าแอนดรอยของเขาน่าดู

    (เป็นลางสังหรณ์ของผมลึกๆ ว่าแอนดรอยมักเกลียดผม)


    “คิดซะว่าผมเป็นคนนึงที่อยากฟังคุณเสมอก็แล้วกัน”



    มือถือผมสั่นตอนเที่ยงคืนครึ่ง ก่อนจะล้มตัวลงนอนพอดี


    m.mek. : คิดถึงคุณแล้วสิ


    -----------------------------------------


    ป.ล. ถ้าคุณลองถาม developer คนหนึ่งว่าชอบสีอะไร เขาอาจตอบมาว่าขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของหน้าเว็บ


    หวังว่าคงชอบกันนะคะ :)


    ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้


    รัก,

    ข้าวเอง.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in