เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My story & Little tree house of learningwasineerw
Little tree garden
  •     สวัสดีค่าทุกคนยินดีต้อนรับสู่บล็อคของเรานะ 

    เราชื่อใบเฟิร์นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวรรรกรรมสำหรับเด็ก ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงฝึกงานเลยอยากพาทุกคนมารู้จักกับที่ที่เราทำงานอยู่ เพราะว่าที่นี่เป็นที่ฝึกงานและที่จัดกิจกรรมสำหรับเด็กที่ดีมากๆเลยสำหรับเรา

                                             ภาพทางเดินเข้าบริเวณคาเฟ่

       สถานที่นี้ชื่อLittle tree garden โดยทั่วไปแล้วคนส่วนมากจะรู้จักกันในฐานะคาเฟ่ที่สวยงามมากๆแห่งหนึ่งในนครปฐมคาเฟ่แห่งนี้โดดเด่นในเรื่องของความสวยงามของบรรยากาศ การจัดสถานที่ที่ร่มรื่น เขียวชอุ่ม ดูมีรสนิยมสไตล์อังกฤษ มีเครื่องดื่มอาหารและขนมโฮมเมดให้เลือกรับประทานมากมาย โดยวัตถุดิบที่ใช้ส่วนมากมาจากสวนที่เจ้าของปลูกเองด้วยวิธีธรรมชาติไม่ใส่สารเคมี     แต่นอกจากจะเป็นคาเฟ่ที่บรรยากาศดีอาหารอร่อยแล้วที่little tree garden แห่งนี้ยังจัดกิจกรรมสำหรับเด็กๆขึ้นบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นการจัดworkshop ทำงานคราฟท์ทำขนมหรืองานศิลปะต่างๆ, มีค่ายที่สร้างให้เด็กได้มาอยู่รวมกันเพื่อเรียนรู้ใกล้ชิดธรรมชาติและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น หรือมีกิจกรรมต่างๆจากหน่วยงานภายนอกที่เข้ามาจัดโดยทางเจ้าของหรือ 'ครูปิ๋ม' จะคัดกรองแล้วว่ากิจกรรมนั้นดูน่าสนใจมีแนวคิดที่ดีและเป็นประโยชน์แก่เด็กจริงๆ 

       โดยเริ่มแรกครูปิ๋มเล่าว่าเริ่มจากเป็นกิจกรรมเล็กๆที่ทำกันในครอบครัวโดยมีลูกๆของครูปิ๋มและเพื่อนๆที่เรียนโฮมสคูลด้วยกัน หรือลูกของญาติ ของเพื่อน ของคนรู้จักมาร่วมกิจกรรมด้วยจนกิจกรรมเริ่มเข้าที่เข้าทางและมีการบอกต่อๆกันจนเป็นที่รู้จักและมีคนสนใจมากขึ้น ครูปิ๋มจึงเปิดให้คนภายนอกได้มีโอกาสมาทำกิจกรรมร่วมกันโดยประชาสัมพันธ์จากการเขียนป้ายเล็กๆตั้งไว้หน้าร้านคาเฟ่ว่าจะมีกิจกรรมสำหรับเด็กจัดขึ้นประมาณวันที่เท่าไร ลูกค้าที่มารับประทานอาหารแล้วเกิดสนใจก็สามารถมาสอบถามรายละเอียดและสมัครได้ทันที หรืออีกช่องทางหนึ่งคือการประกาศรับสมัครลงเพจ'little tree house of learning' บนเฟสบุ๊คซึ่ง ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามากดติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่างๆที่little tree จัดขึ้นเกี่ยวกับเด็กๆได้ที่นี่เลยค่ะ

  • มาค้นหามหัศจรรย์ของสีในสวนดอกไม้
    บนขนม SHORTBREAD หอมหอมและบันทึกสูตรขนมด้วยสีธรรมชาติไปด้วยกันเถอะ !



    หลังจากที่ทุกคนได้รู้จักกับ Little tree garden ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกงานของเราให้ฟังกันกัน
    งานแรกของเราคือเป็นพี่สตาฟคอยดูแลเด็กๆขณะทำกิจกรรม Workshop ต่างๆ
    โดย Workshop แรกที่เราได้ทำคือ.. แถ่น แทน แท๊นน 
    Workshop มหัศจรรย์ของสีในสวนดอกไม้ บนขนม Short Bread
    ว้าวว แค่ชื่อกิจกรรมก็ฟังดูน่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหม เราตามมาดูกันเลยดีกว่าว่ากิจจกรม Workshop วันนี้ เด็กๆเขาจะทำอะไรกันบ้าง

    เริ่มจากตั้งโต๊ะลงทะเบียนเวลา 8.00 น. - 8.30 น. พ่อแม่ผู้ปกครองจะมาส่งน้องๆถึงแค่ตรงนี้ และต้องปล่อยให้น้องเข้ามาร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ส่วนพ่อแม่นั่งรอได้ที่บริเวณคาเฟ่ค่า


    เมื่อสมาชิกที่จะเข้าร่วม Workshop วันนี้มากันครบทุกคนแล้ว เด็กๆจะมาล้อมวงกันร้องเพลงและเดินเป็นวงกลมตามทำนอง เพื่อเตรียมความพร้อมเด็กๆก่อนเริ่มกิจกรรม ตามรูปแบบปรัชญาการสอนแบบวอลดอร์ฟ

    "จับมือกันเป็นวงกลม จับมือกันเป็นวงกลม
    จับมือเดินรอบดวงจันทร์ จับมือเดินรอบตะวัน
    จับมือกันให้มั่นคง แล้วเดินเป็นวงกลม"




    ต่อมาเราจะพาเด็กๆเดินจากบริเวณคาเฟ่ไปยังสวนดอกไม้ที่เจ้าของ Little tree garden แห่งนี้ปลูกไว้มากมายหลายชนิด ที่สำคัญปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี จึงมั่นใจได้ว่าดอกไม้ที่จะเก็บไปคั้นสีตกแต่งขนมนั้น จะไม่มีสารเคมีปนเปื้อน ปลอดภัยสำหรับเด็กๆแน่นอนค่ะ


    ระหว่างทางเดินครูปิ๋มจะคอยชี้ชวนให้เด็กๆสังเกตและคอยให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้แต่ละชนิดด้วย


    เดินผ่านฝูงเป็ดไข่ เด็กๆตื่นเต้นและหัวเราะชอบใจกันใหญ่เลย



    เด็กๆเริ่มลงมือเก็บดอกไม้กันแล้ว โดยจะเลือกดอกไม้ที่สีสันสดใส
    มีเคล็ดลับว่าก่อนจะตัดดอกไม้ออกมา เด็กๆจะเทสสีโดยการเด็ดกลีบดอกไม้ออกมาหนึ่งกลีบแล้วถูบริเวณอุ้งมือ ถ้ามีสีติดออกมาแสดงว่าดอกไม้นั้นสามารถให้สีได้ค่ะ เมื่อรู้วิธีดูสีจากดอกไม้กันแล้วเด็กๆก็ช่วยกันเก็บดอกไม้จนได้เต็มตะกร้าเลย^^

    หลังจากพักเหนื่อย กินน้ำ กินขนมอร่อยๆ เด็กๆจะมานั่งรวมตัวกันบริเวณหน้าห้องทำขนม แล้วลงมือคั้นสีจากดอกไม้ที่เก็บมา


    เริ่มตำดอกไม้กันแล้วน้า


    ได้สีออกมาแล้ว ว้าวว สีสวยมากเลย


    เมื่อคั้นสีจากดอกไม้เสร็จแล้ว เด็กๆก็จะมานั่งอ่านสูตร Short Bread และเริ่มลงมือทำพร้อมกัน




    เด็กๆช่วยกันทำขนม กลิ่นเนยหอมฟุ้งไปทั่วสวนเลย^^


    เมื่อนวดขนมจนขึ้นฟูแล้ว เด็กๆก็จะนำพิมพ์มากด จนออกมาเป็นขนมหน้าตาน่าทานแบบนี้


    ต่อไปเป็นขั้นตอนการนำสีจากดอกไม้มาตกแต่งขนมของเรากันแล้ว


    อบเสร็จแล้ว ขนมของเด็กๆสีสันสวยงามน่าทานมากเลย

    จบไปแล้วค่า สำหรับกิจจกรรม Workshop มหัศจรรย์ของสีในสวนดอกไม้ บนขนม Short Bread การได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสนุกสนานของเด็กๆท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเกินคาดสำหรับการฝึกงาน เราจะเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์และพลังบวกที่ได้จากการทำกิจกรรมนี้ไปเป็นกำลังใจในการทำงานและสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆให้กับน้องๆต่อไปแน่นอนค่ะ

  • โยคะจัดกาย ดอกไม้จัดใจ


    สวัสดีค่า วันนี้เรามีอีกหนึ่งกิจกรรมน่ารักๆจะมาเล่าให้ฟัง เป็นWorkshopเล็กๆที่มีผู้เข้าร่วมเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น (ไม่รวมStaff) ถึงวันนี้Workshopเราจะเล็ก แต่ความอบอุ่นมีม๊ากมากกขอบอก

    กิจกรรมแรกคือ "โยคะจัดกาย"
           โยคะจัดกายจะเป็นการสอนท่าโยคะง่ายๆให้กับเด็กๆ เพื่อยืดเหยียดร่างกาย และเพื่อให้จิตใจของเด็กๆสงบ มีสมาธิ สดชื่นแจ่มใสพร้อมที่จะทำกิจกรรมต่อไป เรียกได้ว่าเป็นการบริหารทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงไปพร้อมๆกัน :)
           ความน่ารักอย่างหนึ่งของการสอนโยคะในวันนี้คือ ท่าที่ใช้สอนจะมีชื่อท่าเป็นชื่อสัตว์ต่างๆ เช่น ท่าม้า ท่าจิ้งจก ท่าอูฐ หลังจากสอนท่าต่างๆครบแล้วจะให้น้องๆและพี่สตาฟช่วยกันแต่งนิทานโดยมีสัตว์จากชื่อของท่าที่สอนไปเป็นตัวละครในเรื่อง ระหว่างที่เล่านิทานเมื่อผู้เล่าพูดชื่อตัวละครสัตว์ตัวใดออกมาก็จะให้เด็กๆทำท่าโยคะท่านั้นพร้อมกัน

    ต่อมาคือกิจกรรม "ดอกไม้จัดใจ"

           กิจกรรมดอกไม้จัดใจนี้ คุณครูจะสอนเด็กๆจัดดอกไม้แบบ "โคริงกะ" ซึ่งเป็นการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น การจัดดอกไม้แบบโคริงกะนี้เป็นการผสมผสานระหว่างพลังของธรรมชาติและพลังแห่งจิตใจ โดยการเลือกดอกไม้ที่จะมาจัดเด็กๆต้องใช้หัวใจฟังเสียงดอกไม้ ว่าดอกไหนเรียกเรา เด็กๆจะต้องเชื่อก่อนว่าดอกไม้สามารถสื่อสารกับจิตใจของเราได้ 

           เมื่อเด็กๆได้ดอกไม้แล้ว ครูจะมีแจกันมากมายหลายแบบแตกต่างกันไป วางไว้ให้เด็กๆเลือก และเช่นเดียวกับดอกไม้ เด็กๆจะดอกมองหาแจกันที่ส่งเสียงเรียกที่จะไปอยู่เคียงคู่กับดอกไม้ของพวกเขา


           วิธีการจัดดอกไม้คือ ผู้จัดต้องเชื่อในพลังของดอกไม้ เชื่อว่าดอกไม้มีหน้าที่มอบความงามให้แก่โลกโดยมีเราเป็นเพียงผู้ช่วยนำให้ดอกไม้ได้ทำหน้าที่ของเค้าให้ดีที่สุดเท่านั้น เด็กๆจะวางดอกไม้ในแจกันโดยปล่อยให้ดอกไม้หันทิศทางได้อย่างอิสระ ไม่ไปบังคับหรือจัดแจงเปลี่ยนทิศทางของเขา เรามีหน้าที่ทำแค่เพียงวางดอกไม้ลงในแจกัน เราสามารถเพิ่มดอกอื่นๆที่ดูเข้ากันลงในแจกันได้ แต่เมื่อเลือกแล้วเราไม่สามารถเปลี่ยนใจหยิบดอกใดดอกหนึ่งออกจากแจกันมา 
            การจัดดอกไม้แบบโคริงกะนี้นอกจากจะทำให้เด็กๆรู้สึกผูกพันใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ยังช่วยฝึกให้เด็กๆมีสมาธิ มีจิตใจที่สงบนิ่ง และช่วยให้เด็กๆฝึกการตัดสินใจให้ดีอีกด้วย










  •        สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาเล่าถึงงานกิจกรรมที่เชิญชวนทุกท่านที่มีดนตรีในหัวใจ และสนใจการพัฒนาเด็กด้วยบทเพลงมารวมตัวกัน..


    "ภูเขาทักทาย"



           งานภูเขาทักทาย เป็นงานอีเวนท์เล็กๆที่จัดขึ้นใน ' Whispering land ' สวนดอกไม้ร่มรื่น บรรยากาศอบอุ่น เหมาะกับการมาดื่มด่ำธรรมชาติ พร้อมฟังเพลงเพราะๆไปกับเด็กๆ

           โดยในงานจะมีการจัดเสวนาในหัวข้อ ' เอ๊ะ เพลงเด็กหายไปไหน ' โดยเชิญครูก้า ครูหวาน ครูอุ๊ย และครูกิ๊ก มาพูดคุยถึงที่มาที่ไปและสาเหตุที่เพลงเด็กกำลังจะถูกลืมเลือนไปในปัจจุบัน 




    บรรยากาศหน้างานและการลงทะเบียน
    มีกระดานผ้าใบให้ลงชื่อด้วย น่ารักมากเลย


    ของที่ระลึกจากงานภูเขาทักทาย ที่คั่นหนังสือไม้ไอติมรูปคุณภูเขา



    มีน้ำเก๊กฮวยหวานน้อยๆ ฝีมือคุณครูมาให้เด็กๆและผู้เข้าร่วมงานดื่มกันด้วย หอมชื่นใจมากเลย

    ....ต่อไปพวกเราเข้าไปดูบรรยากาศภายในงานกันเลยดีกว่า


           และแน่นอนว่าเรามางานภูเขาทักทายกันทั้งที ก็ต้องเปิดงานด้วยการร้องเพลงในอัลบั้ม
    ภูเขาทักทาย โดยนักร้องเสียงใสทั้งหลาย 

    หลังจากฟังเพลงเพราะๆจากน้องๆไปแล้ว เราก็มีช่วงเบรคให้นักดนตรีตัวน้อยและผู้เข้าร่วมงานของเราได้กินขนมไทยอร่อยๆจากฝีมือคุณยายกัน

    ขนมเทียนไส้เค็ม และขนมสอดไส้


    ระหว่างรอเพื่อนๆทานขนม คนที่รับประทานเสร็จแล้วก็จะมานั่งใต้ร่มไม้
    ทำโมบายจากธรรมชาติกัน


    ในช่วงบ่ายจะเริ่มการเสวนาเกี่ยวกับเพลงเด็ก โดยเชิญผู้แต่งเพลงในอัลบั้มภูเขาทักทาย และคุณครูมาเล่าประสบการณ์ รวมทั้งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเพลงเด็กในอดีตจนถึงปัจจุบัน

    หลังจากจบการเสวนาก็มีนักดนตรีตัวน้อยขึ้นมาเล่นดนตรีส่งท้ายงานกันอย่างสนุกสนาน

    เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่น่ารักอบอุ่นมากๆเลย แล้วยังทำให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสได้ฟังประสบการณ์ดีๆและข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับเพลงเด็กอีกด้วย 

    แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องจบไปแล้วสำหรับกิจกรรมงาน

     ' ภูเขาทักทาย ' 








  • ค่ายจังหวะชีวิต


           ค่ายจังหวะชีวิต คือค่ายที่เด็กๆจะมารวมตัวกันเพื่อใช้ชีวิตไปตามจังหวะ ตามท่วงทำนองของธรรมชาติ เด็กๆจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และทำกิจกรรมต่างๆไปพร้อมๆกัน เกิดเป็นช่วงจังหวะ ท่วงทำนองหนึ่งเดียวกันในค่ายที่อบอุ่นแห่งนี้


           ในค่ายจังหวะชีวิต เด็กๆจะมาทำกิจกรรมร่วมกันทั้งหมดเป็นเวลา 5 วัน แต่ละค่ายจะมีจำนวนเด็กไม่เท่ากัน ค่ายที่เด็กเยอะที่สุดที่เราเคยได้ทำคือ 15 คน หรือน้อยที่สุดมีเด็กแค่ 3 คนก็เคยมี

           ในทุกๆวันหลังจากเราร้องเพลงรวมกันเป็นวงกลมเสร็จแล้ว เด็กๆจะต้องเดินจากคาเฟ่ไปที่บ้านขาว ซึ่งเป็นที่ที่พวกเราใช้ทำกิจกรรมกัน กิจกรรมในช่วงเช้าก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน มีทั้งกิจกรรมโยคะจัดกายดอกไม้จัดใจ ทำสีจากสวน เขียนโปสการ์ด หรือไปสวนเพื่อเก็บพืชผักต่างๆมาทำอาหารกลางวัน

           โดยปกติแล้วในวันแรกเราจะให้เด็กๆเก็บดอกไม้ ใบไม้ ตามข้างทางระหว่างที่เดินจากคาเฟ่ไปบ้าน เพื่อนำไปคั้นทำสีน้ำจากธรรมชาติ และระบายสีทำโปสการ์ดกัน



    น้องเวียร์เจอดอกอัญชันสีน้ำเงินสดเข้าแล้ว สีโปรดน้องเวียร์ซะด้วย^^


    ส่วนน้องโปรตอนชอบดอกไม้สีเหลือง :)





    เมื่อเด็กๆเก็บดอกไม้ ใบไม้ที่จะมาทำสีได้หลากหลายพอสมควรแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนการตำดอกไม้ใบไม้ทีละสี เติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย แล้วใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำสีออกมาระบายบนโปสการ์ด








              โปสการ์ดฝีมือเด็กๆ คุณครูจะเขียนที่อยู่ไว้ด้านหลังและส่งให้เด็กๆใน วันที่ 5 ของค่าย ดังนั้นเด็กๆจะได้รับโปสการ์ดหลังจากจบค่ายไปแล้ว หวังว่าหลังจากได้รับโปสการ์ดเด็กๆจะคิดถึงค่ายและคุณครูบ้างนะ :)

           กิจกรรมต่อมาเป็นกิจกรรมหลักที่ขาดไม่ได้เลยของค่ายเรา คือการให้เด็กๆช่วยกันทำอาหารมื้อกลางวันเพื่อรับประทานกันเองทุกวัน โดยบางครั้งเด็กๆจะต้องเข้าไปในสวนเพื่อเก็บไข่เป็ด พืชผักและดอกไม้ที่รับประทานได้มาทำอาหาร


    บางวันก็ลงทุนปีนต้นมะพร้าวกันเลย..


    เมื่อได้วัตถุดิบแล้ว ก็ถึงเวลา "ทำอาหารฝีมือหนู"

                                                                                                                            
              ' ไข่เจียวดอกไม้ '



    แทน แท๊นนน ตัวอย่างอาหารฝีมือเด็กๆ

    เหมือนมีกลิ่นหอมลอยออกมาเลย


    นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีก ตัวอย่างเช่น...

    ' ฝึกโยคะ '


                                    ' เรียนจัดดอกไม้ '


                                        ' ทำขนมไทย '




       ' เล่นปีนป่ายกับคุณลุงต้นไทร '


    ' เล่นไกวชิงช้า '


    และกิจกรรมที่เราชอบเป็นพิเศษคือ

    ' นั่งฟังเรื่องเล่าของคุณยาย '

           ครูปิ๋มจะพาเด็กๆมานั่งที่ริมท่าน้ำในตอนเช้าๆ บรรยากาศกำลังร่มรื่น แล้วเล่าความเป็นมาของแม่น้ำท่าจีน รวมถึงวิถีชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำแห่งนี้เมื่อหลายสิบปีก่อนให้เด็กๆฟัง อย่างการทำของเล่นต่างๆกันเองจากผลลำพู มีเรือขายของ เรือขอทาน หรือฤดูทำน้ำปลา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลิ่นอายของวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ของผู้คนในอดีต ซึ่งเด็กๆในปัจจุบันแทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับเรื่องราวและวิถีชีวิตเหล่านี้เลย 

           เรื่องราวที่พี่ปิ๋มมาเล่าให้เด็กๆฟังอาจทำให้พวกเขามองเห็นความงดงามของวิถีชีวิตที่เรียบง่าย   และมีความผูกพันใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น


    กิจกรรมสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับค่ายจังหวะชีวิตคือ

    ' Little Leaf Market '

           เป็นตลาดที่ขายน้ำและขนมฝีมือเด็กๆ โดยเด็กๆจะช่วยกันจัดเตรียมเองตั้งแต่ขั้นตอนการทำขนม ต้มน้ำสมุนไพร เขียนป้ายตลาด ป้ายร้าน และตั้งราคาสินค้ากันเอง 
           ส่วนเงินที่ใช้ซื้อของในตลาด little leaf แห่งนี้ เด็กๆจะแบ่งกลุ่มกันออกไปเก็บใบไม้มาแทนเงิน และกำหนดกันว่าจะให้ใบไม้ชนิดไหนแทนธนบัตรราคาเท่าไหร่

    เด็กๆเริ่มทำป้ายตลาดกันแล้ว
    ต่อมาก็แบ่งกลุ่มกันเขียนป้ายร้านค้า


    ว้าวว ขนมที่ขายมีทั้งแบบของไทยและต่างประเทศเลยย หน้าตาหน้ากินแบบนี้เด็กๆช่วยกันทำเองเลยนะ^^

                                    และแล้วก็ถึงเวลาเปิดตลาด Little Leaf



           หลังจากเปิดตลาดแล้ว หน้าที่ของเราก็เปลี่ยนจากคุณครูเป็นผู้ช่วยและเด็กเสริฟให้กับเด็กๆในทันที(ฮ่าๆๆ) คุณพ่อคุณแม่ที่มารับน้องๆ จะได้รับเงินใบไม้กันคนละ 200 บาท เพื่อนำไปเดินเลือกซื้อของ อุดหนุนคุณพ่อค้าแม่ค้าตัวน้อยได้ตามใจชอบ เป็นกิจกรรมปิดค่ายที่สนุกสนาน เป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กๆและผู้ปกครองเลยทีเดียว

           จากการได้เป็นผู้ที่คอยช่วยดูแลเด็กๆตลอดทั้งค่าย เราคิดว่าค่ายจังหวะชีวิตเป็นค่ายที่เด็กๆจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รู้จักช่วยเหลือตนเองและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมทั้งได้ฝึกทักษะต่างๆผ่านการเล่นอย่างสร้างสรรค์ นอกจากนี้กิจกรรมในค่ายยังช่วยส่งเสริมให้เด็กๆมีความผูกพันใกล้ชิดและเห็นความสำคัญของธรรมชาติรอบตัวมากขึ้นด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมทางเลือกที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่จะพาเด็กมาเรียนรู้   สิ่งต่างๆนอกบ้าน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in