“เห็นโลกในเม็ดทราย
เห็นสวรรค์ในดอกไม้ป่า
โอบอุ้มความกว้างไกลไร้ขอบเขตไว้ในฝ่ามือ
และความเป็นนิรันดร์ไว้ในหนึ่งชั่วโมง วิลเลียม เบลค”
ฉัน หนู กระผม ข้าพเจ้า เรา พวกเรา ข้า ตัว สิ่งนี้ การไม่รับรู้ถึงรูปลักษณ์ของตัวเองจะกล้าแทนตนว่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างไร สิ่งเดียวที่รับรู้คือไออุ่นและพื้นผิวเย็นเยียบที่กระทบใต้ผิวฐานรอง โมงยามนี้ ไม่รู้กระทั่งใต้ฐานนี้ควรเรียกอะไรดี รูปทรงเช่นไร แต่สามารถเห็นสิ่งแวดล้อมโดยรอบชัดเจน สะท้อนแม้นัยน์ม่านอับแสงตรงหน้า นิ้วมือทั้งห้าฉวยยกรอบตัวก่อนชิดแนบกับผิวเนียน กลืนกินกระมัง กลืนกินสิ่งที่บรรจุอยู่ด้านในลงสู่ก้นโหว่ที่มองลงไปไม่เห็น นอกเสียจากจะยอมกระโจนเข้าไปในซอกอับแคบเคือง เคยลองทำหลายหนแล้วซี ไม่เห็นจะได้อย่างหวัง ล้มเลิก ล้มเลิก เลิกฝัน เลิกค้นหา เลิกคิด คิด มีความคิดด้วยงั้นฤา
“พี่เอาแก้วฉันไปกินน้ำงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม”
“นั่นมันของฉันนะ แก้วนี้เอาไว้ใส่ของร้อน!”
แสบ
ตอบไม่ได้แล้วว่าการมีอยู่นั้นมีคุณค่าอย่างไร ก่อนฐานรองเบื้องล่างจะถูกทอดทิ้งลงบนแผ่นสีเรียบแข็งขืน เคียงกันกับใบสีชา เช่นนั้น จึงกระตือรือร้นใฝ่ฝันจะเห็นโครงสร้างของตัวเองบ้าง
“นี่ๆ เธอมีชื่อหรือเปล่า?”
“ร้อนจัง ข้างในคืออะไรงั้นเหรอ?” คลื่นเสียงบางเบาค่อย ๆ แว่วถาม แต่ยังมิทันโต้ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวลงเสียก่อน
“ช็อกโกแลตร้อน ฉันจะดื่มช็อกโกแลตร้อน” เสียงแหลมสูงหวีดท้วง “ห้ามใช้แก้วบนโต๊ะฉันอีก ถ้ายังหยิบไปกินอยู่ละก็เห็นดีแน่”
“นั่นไงๆ ได้ยินไหม” แม้จะฝืนเคือง แต่ก็พยายามจะเข้าหาสีชาสะท้อนกายด้านข้าง
“งั้นพี่เอาใบนี้” ปลายแหลมจิ้มลงบนผิวสีชา จนอดตกใจไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่ารูปทรงตรงหน้าไม่ได้บุบสลายจึงกระอึกความร้อนเหลวภายในไว้เช่นเดิม
“ไม่ได้! ใบนี้เอาไว้ใส่ของ ส่วนใบนี้เอาไว้แช่พู่กัน” เสียงแหลมร้องตวาดอีกคราว “หัดซื้อใช้เองซะบ้างสิ”
“เลือนรางเหลือเกิน” เป็นการเกริ่นแสนเซื่องซึมเกินจะพรรณนา แต่ก็พอจะรู้ตัวว่าทำไมการเปลี่ยนผันระหว่างช่องว่างของเราถึงแตกต่างกันถึงเพียงนั้น เพียงเพราะหน้าที่ไม่ทัดเทียมและรูปลักษณ์บิ่นน้อย ๆ เหนือขอบวงรอบด้านบนตรงข้ามของฝ่ายริเริ่ม
“สวยแล้วล่ะ”
“เห็นหรอกหรือ”
“ใหญ่ หนา ขุ่น ไม่เคยว่างเปล่าเลยสิท่า”
“แล้วแต่วัน”
“เคยว่างเปล่าด้วยหรือ เห็นมีแท่งยาวๆ นั่นใส่ทุกวัน”
“อืม ไม่เคยสัมผัสของเหลวแบบนั้นเลย” เงียบ “รอยนี้ เคยถูกสะเทือนหล่น” ตอบอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นว่าความผิดปรกติทำให้บทสนทนาขาดตอน แต่ก็พยายามอย่างหนักที่จะเป็นสิ่งที่จะดีพอให้หน้าที่ที่เคยได้ยินใครต่อใครพร่ำบอกกันเรื่อยมาว่าการจะเป็นแก้วที่ดีคือแก้วที่ใช้บรรจุของเหลว แห้งและเปียกเมื่อยามจำเป็น และต้องถูกล้างชำระคราบขลุย เมื่อรองรับสิ่งเหล่านั้นในปริมาณมากผ่านก้นเว้าลึกกลวงมาชั่วขณะถ้วน จบวัน หน้าที่เพียงแต่ละวันควรเป็นลำดับขั้นอย่างนั้น
“ไม่จริง ร้อนและเย็นมาตลอดชีวิตจะมีความสุขเท่าไม่เคยรู้ถึงหน้าที่เหล่านี้ได้อย่างไร” ลอยอีกแล้ว ลอยหวดสูง โหวงเคว้งเหนืออากาศ แนบชิดความเปียกอุ่น ก่อนจะกลับมาพำนักบนฐานเรียบคงเดิม
“แถมยังอยู่แต่กับที่ ไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายเลยสิท่า”
“เพราะไม่สมประกอบจึงไม่ถูกใช้งานอย่างไรล่ะ”
“เมื่อก่อนก็เคยเป็นนะ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนสถานะแล้วล่ะ” เสียงนั้นแว่วลง ละเอียดละออในท่วงทำนอง แต่ก็กำชับถ้อยคำเอาไว้จนหมดสิ้นในคราวเดียว “อีกประเดี๋ยวก็จะกระจัดกระจาย รับได้หรือ ทนร้อนทนเปียกแบบนั้นไปก่อนเถอะ”
“แม้จะมีตัวตนแต่ก็ไม่มีค่างั้นหรือ”
“ฉันคิด ฉันจึงดำรงอยู่” เสียงแว่วเหนือบรรดาเนื้อใสพร่ำออกเสียง ราวต้องการจะสบตอบปัญหาที่ไม่ได้ยินตรงหน้า ถึงอย่างนั้น เหล่าสีใส สีชา สีกรมเทา สีนวล สีครีม สีน้ำเงิน ที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะของเธอก็มีหน้าที่จำแนกไปตามสัดส่วนและองค์ประกอบที่ตัวเองถูกสร้างมาเป็นอย่างดี เธอไม่เคยทอดทิ้งให้ใบไหนว่างเปล่า และหวงแหนมันเหลือเกินถึงแม้จะไม่ได้ใช้ก็ตาม แต่ไม่เคยพูดออกมาให้ได้ยินสักคำ
“เฮ้อ... เรอเน เดการ์ต คิดอะไรแบบนี้ได้ยังไงนะ” น้ำเสียงนั้นบิดเหินเล็กน้อย ทว่า สำหรับแก้วช็อกโกแลตร้อนในมือที่ค่อย ๆ ระเหยเกลียวอุ่นขึ้นท่ามกลางห้องหับส่วนตัวกลับนุ่มนวลเกินจะบรรยาย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in