22 — ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน (บรรยาย)
'รู้...แต่ว่าห้ามใจไม่ไหว
อยากจะหนีจะเดินออกไปให้ไกล
ให้พ้นหัวใจเธอ...สมองมันก็แพ้หัวใจเสมอ
อยากจะลบความจำที่มันรักเธอ...
แต่มันกลับจำได้ขึ้นใจ'
ในหนึ่งชีวิตของมนุษย์...ย่อมผ่านพบเจอความสัมพันธ์ที่หลากหลาย และความสัมพันธ์ที่ชื่อว่า ‘เพื่อน’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
คำว่าเพื่อนสำหรับ ‘ชัดเจน’ เป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญเทียบเท่าครอบครัว เขาทั้งรัก, ห่วงใย, คิดถึง หวังให้เพื่อนได้พบเจอสิ่งดี ๆ จากใจจริง ไม่เคยคิดร้าย...หากนั่นหมายถึง ‘เพื่อนแท้’ ที่คบกันหวังให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนไปจนจบชีวิต
ส่วน ‘เพื่อนทั่วไป’ ก็คือเพื่อนธรรมดาสามัญ ไม่มีอะไรพิเศษ และคบเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เพื่อนกิน, เพื่อนเรียน, เพื่อนเที่ยว, เพื่อนทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหน้าที่เหล่านี้ ‘เพื่อนแท้’ ก็สามารถทำให้ได้หมด แต่อาจไม่ใช่ทุกเวลาเท่านั้นเองเราจึงต้องมีเพื่อนประเภทอื่นเพื่อให้ใช้ชีวิตในสังคมได้
‘ไนน์’ เป็นหนึ่งในเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คนของ ‘ชัดเจน’
อยากบอกว่าสำคัญเท่ากับเพื่อนคนอื่น ๆ แต่หากยอมรับตรง ๆ แล้วเขาคิดว่าไนน์เป็นคนที่เขาสนิทด้วยที่สุด ถึงแม้จะมีช่วงที่เราห่างกันไปตอน ม.ปลาย เพราะเรียนอยู่คนละห้อง แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ห่างหายหรือลดน้อยลงเลยสักนิด
เราพูดคุยกันทุกเรื่อง แชร์ทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เวลาเขามีเรื่องอะไรอยากเล่า ไนน์จะรู้เป็นคนแรกเสมอ ส่วนชัดเจนก็รู้เรื่องของไนน์เป็นคนแรกเช่นกัน
มันเป็นแบบนั้นมาตลอด จนกระทั่งขึ้นชั้นปีที่ 1 ในการเรียนมหาวิทยาลัย
มีบางเรื่องที่เขาไม่ชอบใจและไม่อยากฟังอีกต่อไป
นั่นคือเรื่องของรุ่นพี่คนหนึ่งที่ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะปลื้มมากเป็นพิเศษ
ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกอย่างนั้น...ทั้งที่ในตอนแรกก็ฟังด้วยความรู้สึกเรียบเฉยแท้ ๆ
แต่เมื่อความรู้สึกของไนน์ที่มีต่อรุ่นพี่คนนั้นเพิ่มมากขึ้น...ชัดเจนก็เริ่มไม่สนุกอีกต่อไป
เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนั้นออกมาอย่างไร ไม่กล้าบอกใครด้วย เพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนหวงเพื่อนไม่เข้าเรื่อง ได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจคนเดียว เวลาผ่านไป...ความรู้สึกถูกสะสมเพิ่มเข้าไปทุกวันจนแทบเก็บเอาไว้ไม่อยู่ ชัดเจนเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วตอบคำถามแบบส่ง ๆ เมื่อไนน์มาถามนั่นถามนี่หรือเล่าเรื่องของ 'ญี่ปุ่น' ให้ฟัง
เป็นแบบนั้นอยู่ช่วงหนึ่งที่เพื่อนของเขาตามติดรุ่นพี่คนนั้น
ชัดเจนเริ่มได้ยินเสียงซุบซิบนินทาลอยเข้าหู
'ญี่ปุ่น' มีแฟนแล้วแต่ก็ยังมายุ่งกับไนน์
หลอกใช้รุ่นน้องเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
แน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งเดียวที่ได้ยิน เขาพยายามฟังหูไว้หู แต่ก็เอ่ยเตือนเพื่อนเป็นนัย ๆ แม้ไอ้เพื่อนโง่มันจะไม่ค่อยสนใจก็ตาม เพราะคำซุบซิบนินทาเหล่านั้นมาจากพวกผู้หญิงที่แอบปลื้มคนในกลุ่มของชัดเจน
'แน่ใจเหรอว่าพี่เค้าไม่ได้หลอกใช้มึง'
'อะไรของมึงเนี่ย ไปฟังคำพูดคนอื่นทำไม'
'กูแค่ถามไหมล่ะ'
'มึงไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า'
ได้ยินแบบนั้นเขาก็เลิกยุ่งจริงจัง เพราะรู้สึกไม่ชอบใจที่โดนพูดใส่ด้วยประโยคชวนเสียความรู้สึก เวลาไนน์มาพูดอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องรุ่นพี่คนนี้ชัดเจนก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาหรือทำหูทวนลมไป และดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่รู้ตัวเสียด้วยว่าตัวเองผิดอะไร
'จูน' บอกเป็นช่วงลุ่มหลง พวกเราเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่เพิ่งโตเป็นหนุ่ม เมื่อตอนอยู่มัธยมฯปีสุดท้ายเราคิดว่าเราเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนแล้ว แต่ในความเป็นจริงโลกข้างนอกมันกว้างกว่านั้นมาก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยจึงกลับกลายเป็นน้องเล็กดังเดิม
สังคมรอบตัวเปลี่ยนไป ทั้งเพื่อนพี่น้องไม่ได้อยู่ในวงแคบอีกแล้ว ทุกคนมีอิสระเสรีในการใช้ชีวิต ไม่มีคุณครูจากฝ่ายปกครองมาคอยบอกให้อยู่ในกฎเกณฑ์อีกต่อไป มีเพียงแค่การรับน้องเท่านั้นที่ช่วยละลายพฤติกรรมในการอยู่ร่วมกัน อาจารย์ไม่ได้สนใจนักศึกษา ไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไชทีละคนว่าคุณจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร สังคมวงกว้างทำให้ต้องช่วยเหลือตนเอง
แล้วก็ยังเปิดโลกใหม่ ๆ ให้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เช่น การเล่นพนันอย่างจริงจัง, การยุ่งกับสิ่งเสพติดทั้งหลาย เหล้ากับบุหรี่ไม่เท่าไหร่ แต่ของผิดกฏหมายอย่างอื่นน่ะสิ, การนอนกับใครสักคนที่ตกลงกันว่าเป็นความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ ไม่สนแม้กระทั่งว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย, ความสัมพันธ์แบบการกินวนเป็นวงกลมเหมือนงูกินหาง เป็นเพื่อนเอาไปวัน ๆ
แม่งเปิดโลกจริง ๆ นั่นแหละ
ใช่ว่าไม่เคยรู้เรื่องราว เป็นคนอ่อนต่อโลกแบบนั้น...ชัดเจนรู้ แต่ยังไม่เคยเห็นหรือสัมผัสใกล้ตัวขนาดนี้เฉย ๆ
ที่พูดมาก็หมายถึง 'ไนน์' เสียส่วนใหญ่
ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งมันจะสนใจผู้ชายหน้าตาน่ารักที่เป็นรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมา
‘กูว่าพี่ปุ่นไรนั่นแม่งมีแฟนแล้ว’
‘มึงก็ไปบอกมันดิ’
‘ถุย ขนาดมึงถามนิดถามหน่อยยังโดนมันว่ามาขนาดนั้น กูไปถามจะเหลือเหรอสัด’ จูนบ่นอุบอิบ
ได้แต่ปล่อยผ่านไปอย่างนั้น...ถึงวันที่จูนไปเสือกจนได้เรื่องมาจริง ๆ คือดันไปเจอรุ่นพี่คนนั้นสวีทกับผู้ชายอีกคนที่ไนน์เองก็รู้จักและสนิทด้วย รูปแอบถ่ายทั้งชัดบ้างเบลอบ้างถูกส่งลงกรุ๊ปแชทในไลน์โดยฝีมือจูน แน่นอนว่าการกระทำนั้นกระตุ้นให้ไนน์เลือกที่จะทำอะไรบางอย่าง
ซึ่งไอ้บางอย่างที่ว่า...คือการพุ่งเข้าชมรมไปโต้ง ๆ โพล่งถามรุ่นพี่ทั้งสองว่าคบกันอยู่หรือเปล่า
ส่วนคำตอบที่ได้กลับมาไม่ต้องเดาเลย
‘ใช่’
ไนน์เสียศูนย์ ไม่ยอมมาเรียน ไม่รับโทรศัพท์เพื่อน ไม่ตอบแชทใครทั้งนั้น เดือดร้อนจนต้องยกโขยงบุกไปตามที่หอ สภาพดูไม่ได้เหมือนคนอกหักจากรักครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น ตอนแรกชัดเจนคิดว่าจะไม่สนใจอยู่แล้วเชียว แต่แม่งเป็นห่วงไง...เงาแค้นเพราะหมั่นไส้รุ่นพี่คนนั้นจึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
พยายามอยู่นานกว่าพวกเขาจะลากเพื่อนโง่มาเรียนได้ ตัวต้นเหตุไม่วายโผล่หน้ามาหาถึงคณะอีก
‘มีแฟนแล้วจะมาให้ความหวังเพื่อนผมทำไมวะ!’
‘ทำตัวแบบนี้คิดว่าน่ารักมากดิ’
‘แม่งนิสัยเสีย’
เขาไม่สนหรอกว่าคำพูดจะแรงไปหรือไม่ ในเมื่อเป็นผู้ชายเหมือนกัน คงไม่สำออยร้องไห้ต่อหน้าหรอกมั้ง แถมอีกฝ่ายแม่งเป็นคนผิดเต็ม ๆ ด้วย
‘เจน อย่าว่าพี่ปุ่นแบบนั้น’
ดูไอ้เพื่อนโง่มันยังปกป้องอยู่ได้ อยากด่าฉิบหาย แต่ได้แค่พูดไปให้พอเจ็บ ๆ คัน ๆ
‘เออ กูไม่ว่าก็ได้ ไอ้ควาย’
ชัดเจนไม่รู้ว่าสองคนนั้นเคลียร์กันอย่างไร แต่สุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นก็ไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย มีแต่ไนน์ที่ยังคงเฮิร์ทแล้วเพ้อหนักจนเขาเกือบท้อใจในการช่วยเหลือ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเอามากขนาดนี้ แรก ๆ ก็ใจแข็งด่าไปช่วยไป ผ่านไปสักพัก...กลับใจอ่อนเสียเอง จากที่เคยตัวติดกันมาก่อน ยิ่งติดหนึบมากกว่าเดิม
ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ถึงยอมปรับตัวตามไนน์ ทั้งที่ตัวมันก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน นึกอยากจะเหลวแหลกก็ทำเสียอย่างนั้น ชัดเจนแค่ลากมันมาเรียนได้ทุกวันแม่งเหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว
เรื่องอื่นเขาคงห้ามไม่ได้จริง ๆ มันจะกินเหล้า สูบบุหรี่ เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น ก็พูดอะไรไม่ได้มากอยู่ดี
ที่ชัดเจนทำได้...แค่ยอมเปลี่ยนตัวเองไปตามแบบที่มันชอบเพื่อหวังจะทดแทนส่วนที่มันขาดไป...เท่านั้นเอง
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม...ทุ่มเทอะไรมากมาย
แต่สุดท้ายก็ทำไปแล้ว
'พยายามทุ่มเทเพื่อเป็นคนที่ใช่
พยายามเท่าไหร่...แต่มันก็ไม่พอ'
"มึงจำที่กูเคยพูดได้ไหม...ว่ากูมีเรื่องจะบอก"
"แล้วถ้าวันหนึ่งกูบอกไป...ให้มึงช่วยทำเหมือนไม่เคยรู้...ไม่เคยได้ยินมาก่อน"
"จำได้ไหมไนน์....?" ชัดเจนเอ่ยถามทั้งที่เหนื่อยล้าเต็มที
"...จำได้"
"ฮึก...แล้วตอนนี้มึงรู้หรือยัง...ฮือ...มึงรู้หรือยังไนน์..."
"กูรู้แล้ว"
คำตอบที่ได้แทบไม่ต้องเดาอะไรเลย เพราะหากเพื่อนตอบว่าไม่ ชัดเจนก็รู้อยู่ดีว่าไนน์ต้องโกหกอย่างแน่นอน
"มีอะไรที่มึงอยากให้กูทำไหม...กูทำให้มึงได้หมดทุกอย่างเลยนะเจน"
ทำได้ทุกอย่าง...ยกเว้นรักกูไง
ใช่ไหม...?
"มึงเป็นเพื่อนแค่คนเดียวที่กูอยากรักษาเอาไว้มากที่สุด...รู้ตัวไหมเจน กูยอมแลกทุกอย่างเพื่อรักษามึงเอาไว้ข้างกายไม่ว่าจะสถานะไหน แต่วันหนึ่งกูก็ค้นพบว่าสถานะเพื่อนนี่แหละที่จะทำให้เราไม่ต้องแยกจากกันไปไหน"
"ฮึก..."
"มึงรู้ไหมว่าวันนั้นที่บอกคือวันไหน...มันคือวันที่กูนั่งกินเหล้ากับพ่อมึงไงเจน กูสนิทกับลุงชัยจนนั่งแดกเหล้าด้วยกันได้ คุยกันทุกเรื่อง...มึงรู้ใช่ไหมว่าพ่อมึงเป็นคนยังไง เขาเข้มงวดกับลูกชายตัวเอง...เข้มงวดกับมึงมาตลอด เรื่องเรียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก็ไม่แปลกเพราะลุงชัยเป็นตำรวจยศใหญ่โต มีลูกน้องเป็นโขยง...เขาเคยบอกว่าจะส่งมึงสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยซ้ำ ถ้ามึงไม่สอบติดม.ปลายห้องวิทย์ก่อน แล้วที่เขาให้มึงเรียนโรงเรียนชายล้วนก็เพราะอยากให้มึงมีแต่เพื่อนผู้ชาย ให้กลายเป็นผู้ชายที่อดทน เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ไม่มีอะไรทำให้มึงวอกแวกได้"
"..."
"เป็นอย่างนี้แล้วจะให้กูฉุดลูกชายเขาให้ลงเหวมาด้วยกันเหรอ?"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง?" ถึงจะดูเป็นคำถามโง่ ๆ แต่ชัดเจนไม่เข้าใจจริง ๆ
"มึงรู้ใช่ไหมว่าลุงชัยไม่ชอบพวกข้ามเพศ?"
"..."
"วินาทีที่น้าชัยพูดออกมา...กูจำจนถึงวันนี้ ยิ่งตอนนี้มึงแสดงออกต่อกูเท่าไหร่ กูยิ่งย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจ...เจน...กูขอร้อง...อย่าพยายามทำลายมิตรภาพที่กูพยายามรักษามาตลอดเลยว่ะ มึงจะรักกับผู้ชายหรือใครคนไหนก็ได้...แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่กู"
ชัดเจนสะอึก
"ทั้งหมดเพราะพ่อกูเหรอวะ?"
ไนน์รีบปฏิเสธ "เปล่าเจน...กูแค่เสียมึงไปไม่ได้..."
"กูไม่อยากเสี่ยง...มึงมีค่าเกินกว่าจะเอามาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ ความสัมพันธ์ของเรา...กูไม่อยากให้มันพัง...ไม่อยากให้ครอบครัวมึงว่าเอาได้ แล้วพาลเกลียดกูไปด้วย"
"..."
"กูอยากมีมึงเป็นเพื่อนไปตลอดชีวิตนะเว้ย" ไนน์ย้ำเสียงหนักแน่น
"เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างกันไปทั้งชีวิต...แต่ถ้ามึงอยากให้กูไป อยากเลิกเป็นเพื่อนกัน หรือไม่อยากเห็นหน้ากูแล้ว...กูทำให้มึงได้หมด เพราะสิ่งที่มึงเคยทำให้กูตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่งก็มากเกินพอ...กูพยายามไม่ร้องขอ ไม่งอแงกับมึง พยายามเว้นระยะห่างออกมาเยอะมากแล้ว...ถ้ายังไม่พอ...ถ้าอยากให้ไปไกล ๆ กูก็จะทำให้มึง"
"ตอนนี้อยากให้กูปล่อยมึงไหม?"
"..."
"โอเค" ใครอีกคนทำท่าจะผละออกจากอ้อมกอด ทำให้เขารีบกระชับกอดนั้นให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
"ควาย!" ตะโกนด่าก่อนพูดต่อ
"ถ้าอยาก...กูจะกอดแน่นแบบนี้ไหมล่ะ"
จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ชัดเจนไม่อยากปล่อยคนคนนี้ไปเลย เขาเพียรพยายามมามาก มันเป็นไปไม่ได้ถ้าจะพูดว่าไม่คาดหวังอะไร...มนุษย์ทุกคนอยู่ได้ด้วยความหวัง มันเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่มาควบคู่กับความคาดหวังเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คงไม่ผิดอะไรใช่ไหม...ถ้าตอนนี้ชัดเจนยังแอบหวังอยู่ในใจลึก ๆ แม้ปากจะเอ่ยไล่และอวยพรเพื่อนให้สมหวังกับคนที่ตัวเองชอบแล้วก็ตาม
เขายังมีสิทธิ์ใช่หรือเปล่านะ?
ในเมื่อคำพูดที่ไนน์อธิบาย...เหมือนใครอีกคนเองก็รู้สึกเหมือนที่ชัดเจนรู้สึกมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา หากใจตรงกันจริง ๆ...หากยังแคร์ความรู้สึกกันขนาดนี้ ก็ยังต้องมีหวังอยู่สิ...ใช่ไหม?
ถ้าอย่างนั้น...เราทิ้งโลกใบนี้ไว้ข้างหลังก็ได้นี่
จะมีโอกาสได้ยินคำคำนั้นจากปากคนตรงหน้าหรือเปล่า?
"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มึงคอยหยิบยื่นให้ ขอบคุณทุกความหวังดี ขอบคุณที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสมอแม้แต่ตอนที่กูล้มลงไม่เป็นท่า"
"อือ" ตอบรับในลำคอหมายจะพูดอะไรต่อไป แต่ไนน์กลับแทรกมาก่อน
"แต่มีอย่างหนึ่งที่กูอยากขอมึงเป็นครั้งสุดท้าย..."
"หือ?"
ทำไมมันใจหายแปลก ๆ
รู้สึกไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้เลย
"หลังจากนี้กูจะไม่ขออะไรจากมึงแล้ว"
อย่าบอกนะ...
"เลิกรักกู...แล้วออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที"
"มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เพราะกูตัดสินใจคบกับไอไปแล้ว"
"และถึงแม้กูจะไม่ได้เป็นแฟนกับไอ...มึงก็ข้ามมาไม่ได้หรอก"
"เลิกใช้มือทุบกำแพงเหอะ...มึงจะเจ็บตัวกับหัวใจเปล่า ๆ"
'ต่อให้รักแทบเป็นแทบตาย เจ็บช้ำทุรนทุราย
สุดท้ายเป็นฉันที่สุดเหงา เขาคือคนที่เธอรอ
เธอให้เขาหมดทั้งใจ ไม่เหลือไม่มีให้ใคร'
ความสัมพันธ์ที่ชื่อว่า 'เพื่อน' มันเป็นความสัมพันธ์ที่กลับไม่ได้ ไปก็ไม่ถึงที่สุดแล้ว...มันไม่มีปลายทาง ถึงแม้จะเดินมาไกลเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะไปไม่เคยถึงสักที
บางความสัมพันธ์ใช้เวลาสั่งสมบ่มเพาะความรู้สึกมายาวนาน ขณะเดียวกันยิ่งยาวนานเท่าไหร่กลับยิ่งเปราะบางมากเท่านั้น
บางความสัมพันธ์ช่างงดงามและมีความหมายเกินกว่ามนุษย์คนหนึ่งจะยอมละทิ้งไป เพราะหากตัดสินใจปล่อยแล้ว...จะสามารถหาได้จากที่ไหนอีก
ยิ่งเติบโต...ชัดเจนยิ่งได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องความรักและความสัมพันธ์นั้นไม่เคยง่ายดายเลย มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนที่มีความรู้สึกตรงกันอีกต่อไปแล้ว หากแต่มันมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่เกี่ยวโยงกันไปหมด...ไม่ได้เหมือนดอกไม้ผลิบาน ไม่ได้หอมหวานตลอดเวลา หากมีความขมเข้ามาปะปน เป็นความรักที่สุขปนเศร้า
ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความสัมพันธ์แบบใด การช่วยประคับประคองไปด้วยกัน...ดูจะเป็นหนทางที่ยุติธรรมที่สุด แต่มันมีอยู่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ...เส้นแบ่งของความรักที่แบ่งได้เท่า ๆ กันโดยไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้แบกรับความรู้สึกเอาไว้มากกว่าอีกฝ่าย
ความไม่เห็นแก่ตัวน่ะ...ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้หรอก
ขนาดตัวเขารู้ว่ามันอาจจะพัง...ยังดั้นด้นพยายามอยู่ได้
การกระทำแบบนี้ก็เป็นความเห็นแก่ตัวอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน
เพียงแค่เป็นความเห็นแก่ตัวที่มอดไหม้...และยอมทำลายตัวเองด้วยน้ำมือของตัวเอง
ชัดเจนรู้สึกอยากขอบคุณไนน์เหลือเกิน...ที่พยายามประคับประคองความสัมพันธ์ของเรามาได้ไกลขนาดนี้ เหมือนเพื่อนของเขากำลังก่อกำแพง...วางอิฐทีละก้อนอย่างประณีต ค่อย ๆ ฉาบปูนด้วยความใจเย็น แต่ตัวเขากลับพยายามทุบทำลาย หวังได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้น
เป็นดอกทานตะวันที่สวยที่สุด
เป็นดอกทานตะวันที่แสนสดใส
เป็นดอกทานตะวันที่มั่นคงภักดี...และไม่เคยหันมองผู้ใดเลยนอกจากดวงอาทิตย์
แม้ไม้ขีดไฟก้านนี้...มันจะเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านสีดำไปแล้วก็ตาม.
'และแม้ฉันใกล้สักแค่ไหน ก็ยังไกลหัวใจของเธอ'
/end.
(การบรรยาย ตอนที่ 22)
"ในอดีตกาลความรักได้ทำลายกำแพงเบอร์ลินให้ล่มสลาย แต่ตลอดกาลกำแพงเพื่อนไม่เคยพังทลายด้วยความรัก" — ฟังใจ, 2561
R.I.P. ไม้ขีดไฟ
#เป็นทุกอย่างแดนอู
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in