เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dear My Internship DiaryTonliew Suparat
Chapter 1: ดูเหมือนว่าเราน่าจะต้องปรับตัวอีกแยะ
  • 24/05/2565 วันแรกสำหรับการฝึกงาน 


            วันนี้ยังไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงเช้าจะเป็นการพูดคุยแบ่งงานและพาทัวร์พิพิธภัณฑ์ โดยฉันกับเพื่อนอีกสองคน คือ ผักกาดและเจิน ไปถึงพิพิธภัณฑ์เวลาประมาณ 9 โมงตามที่พี่เกด ซึ่งเป็นพี่เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลเด็กฝึกงานทั้งหมดนัดหมาย


            โดยในช่วงเช้าจะเป็นการพูดคุยและแนะนำตัวพื้นฐานพร้อมทั้งบอกกฏระเบียบเรื่องของเวลาเข้างาน การแต่งกาย และทำบัตรพนักงาน ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์พวกเราทั้งสามคนจะฝึกทั้งหมด 6 วัน คือ วันอังคาร-วันอาทิตย์ ตามการเปิดและปิดของพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. และแต่งกายด้วยชุดนิสิต เสื้อของคณะหรือชุดพละกับกางเกงวอร์มของมหาวิทยาลัย เมื่อชี้แจงรายละเอียดครบถ้วนและถ่ายรูปสำหรับทำบัตรพนักงานเรียบร้อยแล้ว พี่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งชื่อ 'พี่หนูดาว' จึงได้พาทัวร์โซนต่าง ๆ ภายในพิพิธภัณฑ์และจบช่วงเช้าด้วยการแบ่งงานว่าใครได้ไปฝึกงานอยู่ที่จุดไหน โดยตำแหน่งที่ไปฝึกจะผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน


           ในช่วงบ่ายหลังรับประทานอาหารกลางวัน ฉันที่ได้ฝึกงานที่ห้องสมุด ณ อาคารสายรุ้ง จึงแยกย้ายกับเพื่อนเพื่อไปเรียนรู้งานในตำแหน่งของตน ที่ห้องสมุดจะเหมือนกับทุกโซนซึ่งจะมีการแบ่งเวลาเปิดให้เข้ารอบละ 40 นาทีและปิดโซนเพื่อทำความสะอาดตามมาตรการป้องกันโรคระบาด 20 นาที โดยที่ห้องสมุดมีพี่เจ้าหน้าที่ประจำอยู่สองคน คือ 'พี่นุ่น' และ 'พี่อ้อแอ้' รวมถึงเพื่อนจากต่างมหาวิทยาลัยที่มาฝึกงานก่อนหน้าอีก 2 คน (แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่วันที่ 25 เป็นต้นไปเพื่อน ๆ ทั้งสองคนจะต้องย้ายไปฝึกงานในแผนกอื่น)


           พี่ ๆ และ เพื่อน ๆ ทั้ง 4 คนได้ทำการอธิบายถึงกิจกรรมประจำห้องสมุดที่มีการเปลี่ยนไปทุกเดือน รวมถึงอธิบายโซนต่าง ๆ ที่แบ่งออกเป็นโซนโต๊ะทำกิจกรรม โซนหนังสือสำหรับเด็กเล็ก โซนหนังสือสำหรับเยาวชนและผู้ใหญ่ ไปจนถึงโซนนิทานภาษาอังกฤษ  สำหรับกิจกรรมในเดือนพฤษภาคมนี้เป็นกิจกรรม Alphabet puzzle หรือ จิ๊กซอว์ตัวอักษร มีทั้งก-ฮ และ A-Z เป็นกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี โดยจะมีพี่สต๊าฟจะต้องสอนน้อง ๆ ให้ระบายสีเป็นบล็อกและช่วยตัดให้ออกมาตามกลุ่มสีที่ระบายเพื่อมาเรียงกันคล้ายจิ๊กซอว์ 

     

    รูปภาพตัวอย่างกิจกรรม Alphabet Puzzle 
      

           แต่มาถึงวันแรกฉันก็พลาดเลยเนื่องจากมัวแต่ตื่นเต้นและอยากช่วยงานทุก ๆ คน จึงไปเผลอชวนน้องที่ยังอายุไม่ถึง 4 ขวบดีให้ทำกิจกรรมนี้ แต่ถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ จะบอกกับผู้ปกครองไปแล้วว่าน้องยังเล็กกว่าอายุที่กำหนดเอาไว้อาจจะไม่เหมาะก็ตาม แต่เมื่อผู้ปกครองยืนกรานว่าน้องทำได้ก็จำต้องปล่อยเลยตามเลย ฉันยอมรับว่ารู้สึกแย่ไม่น้อยจึงขอโทษขอโพยเพื่อน ๆ เสียยกใหญ่ โชคยังดีที่พวกเขาไม่โกรธอะไรไม่อย่างนั้นคงแย่น่าดู ดังนั้นฉันจึงชดเชยด้วยการช่วยงานทำความสะอาดหนังสือและอุปกรณ์ทำกิจกรรมในช่วงพักทำความสะอาด 20 นาทีแทน ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ฉันจะตื่นเต้นน้อยลงและทำงานได้ดีขึ้น


  • สัปดาห์แรกของการฝึกงาน

           ในวันธรรมดาจึงมีเด็กและผู้ปกครองมาเที่ยวและทำกิจกรรมบ้างประปราย โดยพี่ ๆ ทั้งสองคนบอกว่า วันที่คนจะเยอะจริง ๆ นั้นคือวันเสาร์และวันอาทิตย์ โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้ซึ่งมีงาน Young Creative ซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษประจำเดือนจะยิ่งเยอะเป็นพิเศษ ส่วนวันพุธและวัันพฤหัสคนจะน้อยมากเป็นพิเศษ (ฉันเดาว่าเพราะเป็นช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วที่ไม่ว่าที่ไหนก็จะดูเงียบเหงา) แต่จากการสังเกตฉันพบว่าช่วงเวลาที่คนเยอะที่สุดไม่ว่าจะเป็นวันใดก็ตาม มักจะเป็นช่วง 12.00-14.00 น. จนทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าเด็ก ๆ ทั้งหลายไม่รู้สึกหิวได้อย่างไรกัน ในขณะที่ฉันพอเวลาประมาณ 11.30 น. ก็ท้องร้องเสียแล้ว

          หน้าที่ของฉันในฐานะผู้บริการการเรียนรู้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสต๊าฟ คือ การพูดคุยทักทายและแนะนำโซนต่าง ๆ ให้แก่ผู้ปกครอง สอนเด็ก ๆ ทำกิจกรรมประจำเดือนของห้องสมุด ถ่ายภาพแต่ละครอบครัวระหว่างเข้าใช้ห้องสมุด และช่วยเช็ดทำความสะอาดในช่วงพักระหว่างรอบ 20 นาที ซึ่งงานเหล่านี้ฉันจะคอยช่วยพี่นุ่นและพี่อ้อแอ้อีกทีหนึ่ง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วฉันจะรับหน้าที่เป็นผู้สอนกิจกรรมให้เด็ก ๆ มากกว่า เนื่องจากยังจำรายละเอียดเกี่ยวกับโซนต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ได้ไม่มากนัก เวลาแนะนำหรืออธิบายให้แก่เหล่าผู้ปกครองจึงยังทำได้ไม่ดีเท่าไร

          จากการทำงานตลอดสัปดาห์ทำให้ฉันได้พบปะผู้คนหลากหลายแบบและหลากหลายเชื้อชาติ มีบ้างเหมือนกันที่ฉันสับสนและเลือกใช้ภาษาไม่ถูก ด้วยบางครอบครัวเป็นคนไทยแต่พูดคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษ บางครอบครัวเป็นชาวต่างชาติแต่พูดภาษาไทย หรือไม่ก็เป็นครอบครัวที่ไม่พูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ฉันก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่านี่เป็นการฝึกภาษา หากเราไม่พยายามจะสื่อสารเลยผลสุดท้ายเราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร ทั้งแก่ตัวเราเองและผู้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และถึงแม้ว่าใครหลาย ๆ คนจะบอกว่าทำงานโซนห้องสมุดนั้นเหงาบ้าง น่าเบื่อบ้างเพราะคนน้อย แต่สำหรับฉันมันเป็นโชคดีอย่างมากเนื่องห้องสมุดอยู่ติดกับสวนจตุจักร ทำให้สามารถมองเห็นสนามหญ้าและต้นไม้ รวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ สร้างบรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลายได้มากทีเดียว (อีกอย่างหนึ่งฉันสามารถใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือใหม่ ๆ ที่ไม่เคยอ่านได้อีกด้วยซึ่งตอนนี้ฉันอ่านจบไปประมาณ 2-3 เล่มแล้ว ทำไมจะไม่ชอบล่ะ!) เสียเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ ห้องสมุดแห่งนี้มีการตกแต่งให้ดูเหมือนบ้านต้นไม้ ทำให้มีโซนโซฟาที่ทำเป็นรูปหนอน (ซึ่งก็ไม่ได้ดูเหมือนหนอนสักเท่าไร) 

    ทำไมถึงแย่งั้นหรือ?

    ก็ฉันกลัวหนอนไงล่ะ!!!!!




    ป.ล.ฉันชอบสะดุ้งทุกครั้งที่ต้องไปทำความสะอาดโซฟาหนอนตัวนั้น ตอนนี้จึงต้องพยายามปรับตัวให้อยู่กับมันให้ได้ แต่น่าจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะฉันกลัวหนอนซะจนเหมือนจะเป็นโฟเบียเลยล่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in