Title: เด็ด
Rating: PG
Fandom: The Gifted
Categories: M/M
Relationship: Pang/Wave
Characters: Gifted Class
Note:
WARNING: มีคำหยาบ
––––––––––––––––––––
เด็ด
Pang/Wave
เช้านี้ของวสุธรมีสิ่งที่ไม่ควรมีปรากฏอยู่หน้าห้องพักของเขา
เป็นที่รู้กันดีว่า เด็กห้องกิฟต์จะมีห้องส่วนตัวของตัวเองอยู่ในตึกแยกออกไปจากหอพักรวมของนักเรียนคนอื่น และทุกห้องจะมีชื่อของเจ้าของห้องติดไว้เด่นเป็นสง่าแบบที่ถ้าอ่านหนังสือภาษาไทยออกก็ไม่มีวันที่จะเข้าผิดห้องแน่นอน ยกเว้นแต่จะไม่มีสติ ดังนั้นหน้าห้องของวสุธรจึงมีชื่อ ‘วสุธร วรโชติเมธี’ ติดไว้เช่นเดียวกับของนักเรียนห้องกิฟต์คนอื่น ๆ
แต่ทั้ง ๆ ที่มันเป็นห้องเขาแท้ ๆ
แล้วไอ้ช่อดอกไม้นี่มันมาจากไหนวะ
วสุธรก้มมองช่อดอกไม้ขนาดกลางที่วางอยู่ตรงพื้นหน้าห้อง ขนาดของมันไม่ใหญ่จนต้องโอบเอา แต่ก็ไม่ได้เล็กแบบช่อสี่ห้าดอกที่ถือได้ด้วยมือเดียว เขาก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาพิจารณา ดอกกุหลาบสีแดงในนั้นยังมีหยดน้ำเกาะพราว บ่งบอกว่ามันอยู่ตรงนี้ได้ไม่นาน น้ำยังไม่ทันระเหยไป แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษการ์ดสอดไว้ในกลุ่มช่อดอกไม้
ขอโทษที่ต้องวางไว้ให้แทนที่จะเป็นคนยื่นให้เอง แต่เอาจริง ๆ ก็เขินอะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณก็ได้นะ
แปง
“…”
วสุธรมองการ์ดสลับกับดอกไม้ด้วยความมึนงง
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ถ่ายภาพช่อดอกไม้แล้วกดส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์ของเด็กห้องกิฟต์ พร้อมพิมพ์ข้อความต่อไปว่า ไอเดียใคร
คนขึ้นอ่านอย่างรวดเร็วทันที มีข้อความจากบางคนเป็นเชิงว่า ดอกไม้จากไหนเหรอ หรือ ดอกไม้สวยจัง ของเวฟ? แต่เขาก็ไม่ได้สนใจจะตอบคำถามนั้น เขารู้ว่าเบื้องหลังของช่อดอกไม้นี้ไม่ใช่ไอเดียของไอ้โง่แปงหรอก
สวยจะตาย ไม่ชอบหรือไงยะ
นั่นไง
แคลร์ ไอริณ ควรเลิกยัดเยียดรสนิยมตัวเองให้คนอื่นได้แล้วนะ
วสุธรกลอกตา
เชย
เขาพิมพ์ตอบไปสั้น ๆ ก่อนจะเก็บมือถือ รู้ดีว่าหลังจากนี้ยายเม็ดฝ้ายนั่นต้องโวยวายลั่นกรุ๊ปแต่ก็เท่านั้น เด็กหนุ่มกลับเข้าไปในห้อง เขาแกะช่อดอกไม้ออก หาขวดน้ำต่างแจกัน แช่มันไว้ชั่วคราว
พอจัดการเรียบร้อยแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เอาเถอะ ถึงจะไม่ใช่ไอเดียของคนอย่างปวเรศ แต่เขาก็รู้ว่ามันหวังดีแหละ
เสียแต่เชยชะมัด
กว่าเขาจะเข้าห้องเรียนก็สายไปเกือบสามสิบนาที แต่ด้วยอำนาจของเข็มกลัดสีทองที่ติดบนอกเสื้อทำให้ไม่มีครูบาอาจารย์หน้าไหนกล้าเอาเรื่องเขาทั้งนั้น วสุธรทิ้งตัวลงนั่งที่ที่นั่งของตัวเอง ไม่ใส่ใจต่อแววตาค้อนขวับของไอริณที่แทบจะพุ่งมาบีบคอเขาแต่ยังต้องสนใจเรียน มีปุณณ์ส่ายหน้าขำ ๆ และชญานิศที่อดหันมามองเขาด้วยสายตาล้อเลียนไม่ได้
ยายน้ำตาล เดี๋ยวเถอะ
เขาจ้องหน้าทุกคนกลับไป ก่อนจะหยิบคอมพิวเตอร์มาเปิดแทน เขาเลิกสนใจบทเรียนวิชาคำนวณระดับม.ปลายไปนานแล้ว เพราะระดับความรู้ของเขามันเกินกว่านั้นไปมาก และเขาได้คะแนนเต็มตลอด
แจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นแชตสีเขียวดึงความสนใจจากวสุธรไปได้นิดหน่อย เขากดเข้าไปดูแล้วก็เจอสติกเกอร์น้ำตาตกของเจ้าเด็กห้องแปดนั่น
ไม่ชอบเหรอ
“…”
ต้องตอบไหมวะ
ต้องตอบยังไง
วสุธรขมวดคิ้ว สำหรับเขา เรื่องการรักษาความสัมพันธ์ยากกว่าสมการคณิตศาสตร์เป็นร้อยเป็นพันเท่า
โดยเฉพาะกับคนที่เขาให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
สุดท้ายเขาก็ตอบกลับไป
ไม่ได้ไม่ชอบ
ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วเก้าคนทันที วสุธรเหลือบมองพวกเด็กกิฟต์ในห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด
ไว้ฉลาดให้ได้อย่างกูแล้วค่อยมาสนใจเรื่องพวกนี้นะ
เรียน
ใจจริงก็แอบอยากระเบิดกรุ๊ปเล่น ๆ แกล้งพวกที่อยากมีส่วนร่วมกับเรื่องของเขาตลอด แต่แค่ได้เห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของไอริณ วสุธรก็พอใจแล้ว
พอออดพักเที่ยงดัง เขาก็รีบพับฝาคอมพิวเตอร์เตรียมเดินออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันลุกจากโต๊ะก็โดนยายไอริณพุ่งมาหาเสียก่อน
“อะไรอีก”
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหน แต่เหลือบไปเห็นปุณณ์ยืนอมยิ้มอยู่ข้างหลัง ทำเอาวสุธรเริ่มหงุดหงิดอีกรอบ
ไอริณจ้องมองหน้าเขาพักหนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้ม
“ก็ดูมีความสุขนี่”
“…”
“ปากไม่ตรงกับใจเลยน้า พ่อมด”
เขากลอกตา ยายนี่ใช้ศักยภาพอีกแล้ว
“ถึงดอกไม้จะเชยไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แย่ใช่ไหมล่ะ” ชญานิศพูดพลางยิ้มให้เขา “ถ้าชอบก็บอกแปงไปตรง ๆ เถอะ ป่านนี้คงนั่งเศร้าแล้วมั้ง”
เขาเลิกคิ้ว แต่ไม่ได้ว่าอะไร
“หมดธุระหรือยัง จะไปกินข้าว”
พอพูดแบบนั้นก็โดนไอริณแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ วสุธรเลยแลบลิ้นกลับไปบ้าง ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องม. 5/1 ไปที่โรงอาหาร
โรงอาหารมีผู้คนประปรายเพราะมีแค่พวกห้อง 1 ที่ได้พักก่อน วสุธรหยิบมือถือมากดส่งข้อความส่วนตัวไปหาคนที่จะพักหลังเขาราวครึ่งชั่วโมง
แดกอะไร
รอพักหนึ่งก็มีข้อความตอบกลับมา
เหมือนเดิม
เขากดล็อกหน้าจอแล้วเดินไปสั่งเมนูแปลก ๆ ประจำของไอ้คนห้องแปดที่ร้าน
“ผมฝากข้าวผัดต้มยำไก่ใส่ไข่ตุ๋นไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมีเพื่อนมาเอา”
“ได้จ้า แล้ววันนี้หนูเวฟเอาเหมือนเดิมไหม”
คำเรียกชื่ออย่างเอ็นดูนั้นทำให้วสุธรรู้สึกขัดเขินแปลก ๆ “เหมือนเดิมครับ”
พอได้ข้าวของตัวเอง วสุธรก็เดินไปนั่งที่โต๊ะโซนเด็กกิฟต์ คนที่ทิ้งตัวนั่งข้างเขาอย่างไม่กลัวตายคือวิชัย
“พ่อมด ตกลงชอบหรือไม่ชอบดอกไม้กันแน่เนี่ย”
“เสือก”
หมอนั่นผงะ
“รุนแรงตลอดอะ กับไอ้แปงเป็นแบบนี้ไหมเนี่ย”
วสุธรคิ้วกระตุก หันไปพูดกับอีกฝ่ายแบบเน้นพยางค์อีกครั้ง
“เสือก”
วิชัยกระเถิบไปนั่งห่างจากเขาที่หนึ่งทันที
ไม่นานเสียงออดก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นพักเที่ยงของพวกห้องแปด คนในโรงอาหารเยอะขึ้นทันตา พวกเด็กกิฟต์ยังคุยกันอยู่เพราะไม่ได้รีบไปไหนและที่นั่งของพวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาแย่งใช้ เขามองตรงทางเข้าโรงอาหาร เป็นปวเรศเดินหน้ามึนเข้ามา ท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่น
นี่มันหลับในห้องเรียนอีกแล้วเหรอวะ
วสุธรกลอกตา
ปวเรศเดินไปที่ร้านประจำและรับถาดมาพร้อมรอยยิ้มเริงร่า เข็มสีน้ำเงินที่ตัวเลข VIII บนอกเสื้อบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ใช่เด็กกิฟต์ทำให้หมอนั่นทำเป็นมองผ่าน ๆ พวกเขา แต่วสุธรรู้ดีตอนที่สบตากัน ว่ามันแอบอมยิ้มให้เขาทีหนึ่ง
“เห็นนะ”
พัชมณหรี่ตามองเขาอย่างหยอกล้อ วสุธรทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เมื่อไหร่แปงจะกลับมานั่งกับพวกเราได้นะ” ชญานิศถอนหายใจ “ต้องทำเป็นไม่รู้จักกันไปอีกนานแค่ไหน”
“ยังไงก็ได้เจอที่ห้องลับอยู่แล้วนี่นา” วิชัยว่า
“เดี๋ยวครูปอมรู้เข้า แปงจะซวยเอานะ” ปุณณ์อธิบาย
แล้วพวกเขาก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน พอดีกับที่เสียงแจ้งเตือนกรุ๊ปแชตของวสุธรดังขึ้น
ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงครับ :)
สัญลักษณ์ท้ายข้อความทำให้เผลอหลุดยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น
ห้องเก็บของใกล้โรงยิมกลายเป็นสถานที่ประชุมลับของพวกเด็กกิฟต์รุ่น 15 ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาใช้มันมาได้สักพักแล้วเพื่อวางแผนการล้มผู้อำนวยการผู้ชั่วร้าย โดยการนำของเด็กห้องแปดที่ทำตัวเหมือนไม่ได้อยู่ห้องกิฟต์ ทั้งที่จริง ๆ ศักยภาพของครูปรมะหมดฤทธิ์กับมันไปพักใหญ่ บวกกับความช่วยเหลือของวสุธร ทำให้มันจำทุกอย่างได้หมดแล้ว
หลังจากประชุมความคืบหน้าเสร็จ ทุกคนก็ทยอยแยกย้ายกันกลับห้องพัก เหลือเพียงปวเรศที่ครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียวและวสุธรที่รอคอมพิวเตอร์โหลดไฟล์อยู่
เน็ตโรงเรียนแม่งก็ช้าเหลือเกิน
เขารู้ว่ามันกลายเป็นแบบนี้เพราะโรงเรียนอยากตัดแขนตัดขาพ่อมดไอทีอย่างเขา แต่แค่จะโหลดไฟล์งานไว้ส่งครูมันยังต้องนานขนาดนี้เลยเหรอวะ!
เพราะมัวแต่จดจ่อกับจอคอมที่โหลดไม่ครบ 100% สักที วสุธรจึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่เมื่อครู่เดินมาอยู่ด้านหลังเขาแล้ว
“เวฟ”
เสียงเรียกใกล้ ๆ ทำเอาสะดุ้ง วสุธรหันขวับไปมองอย่างตกใจ
“อะไร”
“ถ้าไม่ชอบดอกไม้ แล้วเวฟชอบอะไรเหรอ”
สีหน้าของอีกฝ่ายจริงจังจนวสุธรต้องละความสนใจจากคอมพิวเตอร์ไปมองหน้าของอีกฝ่าย
“มันจำเป็นเหรอ ของที่กูชอบอะ”
ปวเรศขมวดคิ้ว
“ก็กูอยากให้ มึงจะได้ดีใจ”
“ของพวกนั้นไม่จำเป็นหรอก”
“…”
“แค่มึงอยากให้กูก็รู้สึกขอบคุณแล้ว”
ปวเรศกะพริบตาปริบ ๆ
“จริงอะ”
“…ทำไมอีก”
“ไม่ต้องให้อะไรก็ได้เหรอ”
วสุธรกลอกตา
“พวกเราเป็นแค่เด็กม.ปลาย เผื่อมึงลืม จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของเยอะแยะ ไว้มึงนามสกุลทวีศิลป์กูจะไม่บ่นเลย”
ในรุ่นเดียวกันพวกเขารู้ดีว่าคนที่ร่ำรวยที่สุดคงไม่พ้น ปุณณ์ ทวีศิลป์
“ถ้ากูจะชอบเพราะมึงเอาของมาให้ งั้นกูคงชอบครูปอม ชอบผอ.ไปแล้วมั้ง”
“…”
“มึงดีกับกูก็พอแล้ว”
ปวเรศทำหน้าเหมือนลูกหมาใส่เขาทำไม
วสุธรถอนหายใจ บางทีเขาก็ตามอารมณ์ไอ้หมอนี่ไม่ทันเลย บทจะดีมันก็ดีใจหาย บทจะงี่เง่ามันก็เหมือนหมาจริง ๆ แล้วทำไมเขาต้องมาปรับตัวตามอารมณ์มันด้วยวะเนี่ย
“มานี่”
เขากวักมือเรียกให้คนตัวสูงกว่าก้มลงมาใกล้ ๆ ก่อนจะยื่นหน้าไปกดจูบเบา ๆ บนจุดที่ลักยิ้มของมันชอบปรากฏขึ้นมา แล้วผละออกอย่างรวดเร็ว
“…”
“ไปนอนได้แล้ว”
ปวเรศเหมือนสติหลุดไปชั่วขณะ
“ไอ้แปง”
พอเขากดเสียงต่ำอีกรอบ มันก็สะดุ้ง รีบเก็บข้าวของมายืนข้างเขาเหมือนเดิม ถ้าปวเรศมีหูมีหาง ตอนนี้ก็คงเป็นหางที่กระดิกไปมาเหมือนหมาที่ดีใจเวลาเจ้าของเล่นด้วยนั่นแหละ
วสุธรกลอกตา ก่อนจะเดินนำออกจากห้องลับไปก่อน
ไอ้โง่แปงก็คือไอ้โง่แปงจริง ๆ
พ่อมดหนุ่มชักสงสัยตัวเองขึ้นมา
ผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้เขารู้สึกดีกับคนแบบนี้วะ ไม่เข้าใจจริง ๆ
THE END
210314
ใส ๆ ปะ เด็กม.ปลาย เอาไรมาก (?) ว่าแต่อะไรเด็ด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in