เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไปตายเอาดาบ (ซามูไร) หน้าเก้า ชีวิต
ตอนที่ 2 ไปตายเอาดาบ (ซามูไร) หน้า
  • วางแผนยันวันสุดท้าย (ไฟลนก้น) แผนคร่าวมากกก เราซื้อตั๋ว กรุงเทพ-นาริตะ โตเกียว เลยมาพักบ้านญาติที่กรุงเทพ 1 คืน ก่อนขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่น ญาติเราเคยไปญี่ปุ่นแล้ว แต่เป็นเมืองโอซาก้า เขาตกใจมากพอรู้ว่าเราจะไปญี่ปุ่นกันเอง เราเลยตกใจไปด้วย จะรอดไหมตู!?  ญาติก็ให้คุยกับเพื่อนที่เคยไปโตเกียว เขาก็แนะนำนิดหน่อย (จำไม่ได้ละ) น้าก็แนะนำแอพของญี่ปุ่นที่มีแผนที่ สถานที่เที่ยว คือเราจำแอพไม่ได้ ลบไปแล้ว แต่ลองเข้าไปเว็บนี้ก็ได้ http://www.yokosojapan.org เตือนตัวเองและทุกคนว่าอย่าลืมพาสปอร์ต! (วีซ่าไม่ต้อง เพราะไปไม่ถึง 15 วัน เงินแลกมาเรียบร้อย)

    ก่อนเดินทางค่อนข้างเครียด กลัวหลงทาง กลัวพูดกับคนญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง คณะเดินทางเราพูดได้แต่ภาษาไทย คำเมือง (ภาษาเหนือ) จีน อังกฤษ ส่วนญี่ปุ่นนี่เคยเรียนตัวเดียว เรียกได้ว่าแทบจำไม่ได้ ก็เอาพจนานุกรมไทย - ญี่ปุ่นไปด้วย กันเหนียว 

    เลยขอเรียกทริปนี้ว่า "ไปตายเอาดาบ (ซามูไร) หน้า" เรียกได้ว่า เป็นไงเป็นกัน!! 



  • และแล้วก็ถึงญี่ปุ่นนนน สนามบินนาริตะเราสามคนตื่นตาตื่นใจมาก ถึงแล้วเว่ยยย พอลงเครื่องมาต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน...

    หูยย แบบ คนญี่ปุ่นเต็มเลย เหมือนในหนังญี่ปุ่นเลยแบบ หน้านิ่ง ๆ ขาว ๆ ท่าทางขรึม ๆ พูดภาษาญี่ปุ่นมั่ง อังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นมั่ง ก็แอบลุ้นว่าแฟนเราจะรอดไหม คือก่อนมา เกือบทุกคนที่รู้ว่ามาญี่ปุ่น บอกให้นางตัดผมที่เป็นทรงเดรดล็อกยาวเฟื้อยของนางออก นางก็ไม่ตัด 

    สักพักเหมือนเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นพยายามสื่อสารอะไรกับโอ (แฟน) เราก็ (อุ่ย จะผ่านเปล่าวะ) เดินไปใกล้ ๆ ปรากฏว่าโอตัวสูงไป เวลาถ่ายรูปให้ย่อตัวหน่อย (ดูจากท่าทาง) พอย่อตัวก็ผ่านฉลุย

    ตอนนั้นเช้าพอดี ภารกิจแรกคือหาอะไรกิน และที่สำคัญ หาซื้อซิมมือถือ (ตามที่อ่านจากไกด์บุ๊ก) เพื่อใช้เข้า'เน็ตสำหรับดูแผนที่ จองที่พัก หาข้อมูลสถานที่เที่ยว ฯลฯ สำคัญมาก!! 

    หลังจากได้ของกินแบบญี่ปุ๊นนญี่ปุ่นแล้ว ได้แก่ ชาเขียวแท้ต้นตำรับ (รสจืดบนขม ไม่หวานสักนิด) ข้าวห่อสาหร่าย แถมยังได้ซิมด้วย (ไม่ได้เอามากิน)

    แต่ปัญหาก็มา คือเราเพิ่งซื้อไอโฟนมาไม่นาน ก็ลืมว่ามันเปิดเอาซิมไม่เหมือนชาวบ้านเขา ไม่มีเข็มเปิดไอโฟน ทำไงดี!?
  • ตอนที่เรางัดแงะไอโฟนอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มรูปงาม (คนไทย) เอาที่แคะฟันพลาสติกมายื่นให้เรา พร้อมบอกว่า "ลองใช้อันนี้เปิดไหมครับ"  (โอ้ สวรรค์โปรด ส่งเทวดามาช่วยแล้ว)

    ลองงัดอีกที ไม่สำเร็จ สุดท้ายไปขอคลิปหนีบกระดาษเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน เขาก็ให้ยืมมา เราก็ยื่นให้คนนั้นเปิดไอโฟน (ยังเปิดไม่ได้เหมือนกัน) 

    เสบียงพร้อม ซิมพร้อม เข้าเมืองก่อน ลงไปที่รถไฟฟ้าใต้ดิน แผนที่รถไฟฟ้าหรือเขาวงกต โอ้ มาย          ก็อดดด !!! งมกันอยู่พักนึง ยืนจิ้ม ๆ เครื่องขายตั๋วได้ ก็เดินทางอีกสองชั่วโมงถึงโตเกียว 

    พอถึงโตเกียวก็หาโรงแรมที่จองไว้ที่อูเอโนะ โตเกียว โบกแท็กซี่ ประตูแท็กซี่เปิดเอง พรึ่บ! อย่างเท่ห์อะ อ่านชื่อโรงแรมให้เขาฟัง Hotel MyStays Ueno Inaricho คนขับรถอย่างเท่ห์ เป็นชายมีอายุ ผมขาว ผอม ใส่ชุดสูทเต็มยศ ท่าทางสุภาพเรียบร้อยม๊ากก ในรถมีฉากกั้นใส ๆ

    นั่งรถผ่านบ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ถนนค่อนข้างโล่ง การจราจรดูเป็นระเบียบคนขับก็จอดรถข้างทางแล้วบอกว่า "อินาริโช" แล้วประตูก็เด้งเปิด ป้าก็จ่ายตังค์ไป

    ยังไม่ถึงโรงแรม ก็เปิดแผนที่ในมือถือหาโรงแรม เจอคนนึงเป็นผู้ชายญี่ปุ่น แต่งตัวแบบพ่อค้าขายปลา 

    เรา "Excuse me, do you know how to go to Hotel MyStays Ueno Inaricho" 
    เขา (ทำท่ามือไขว้กันแล้วโบกมือไปทางซ้าย) "one,two,three and..."
    เราสามคนมองหน้ากัน "..."
    ป้า "อ๋อ ๆ ผ่านสี่แยกไปสามครั้งแล้วเลี้ยวซ้าย"
    เรา "หา หรอ ป้าต่ายรู้ได้ไง"
    ป้า "ก็แบบนี้ไง อันนี้ก็สี่แยก นับถึงสาม ก็สามครั้ง"
    เรา "เค" (ถ้าคุณแน่ อย่าแพ้แม่ค้า)

  • พวกเราเดินงมกันไป เมืองอูเอโนะเป็นเมืองที่เงียบม๊ากก แทบไม่เห็นคนหรือรถวิ่งบนถนนเลย พักนึงก็ถึงโรมแรม 

    เราเดินเข้าโรงแรมอย่างมั่นใจ วางเอกสารเช็คอินที่เคาท์เตอร์ พนักงานทำหน้างง บอกว่า ไม่ใช่โรงแรมนี้ครับ (ภาษาอังกฤษ) พนักงานก็บอกว่า ที่นี่ไม่ใช่ แล้วบอกชื่อโรงแรม เป็น Hotel MyStays Ueno... (อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ Inaricho) ต้องไปอีกสาขานึง 

    เดิินงมกันอีกแป๊บนึงก็เจอ โรงแรมที่ว่า คราวนี้ถูกที่ซะที เฮ้ออ...โล่ง 

    ระหว่างรอเวลาเช็คอิน คือบ่ายสอง อีกไม่กี่ชั่วโมง ก็ไปรอกันในห้องรับแขก เป็นห้องเล็ก ๆ อยู่ได้ไม่เกินห้าคน มีเก้าอี้ประมาณสามตัว โต๊ะเล็กยาว และ...เจอของเล่นใหม่ ตู้หยอดน้ำ! ได้น้ำมะนาวที่รสชาติ  โหล่ยโท่ยมาก เลยหยอดเพิ่มอีกกระป๋องเป็นน้ำลิ้นจี่ ค่อยยังชั่ว 

    นั่งสักพัก ป้าชวนไปวัดเซ็นโจจิตามแผน แต่โอรู้สึกพะอืดพะอม สงสัยกินเยอะ บวกกับอาการเจ็ทแล็กหลังลงเครื่อง ก็เลยขอพักก่อน เรากับป้าเลยให้ยา (ที่พกมาจากไทย) กับน้ำ แล้วออกไปเดินเล่นใกล้ ๆ ที่พัก 

    แถวนี้มีวัดเยอะมากกก ก็คลำทางไปแบบผิด ๆ ถูก ๆ ก็เจอวัดนึง สวยดี แบบวัดในการ์ตูนญี่ปุ่น สไตล์ญี่ปุ่น หลังคาญี่ปุ่น มีระฆังยักษ์ มีกุฏิเก่า ๆ พื้นเสื่อ พระพุทธรูป และเปียโน สภาพร้างมาก ไม่เห็นใครเลย! พอจะกลับเห็นพระญี่ปุ่นเดินไกล ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว (แต่งตัวคล้าย ๆ พระถังซัมจั๋ง) เรากับป้าก็ออกไปแบบงง ๆ 



  • เดิน ๆ ไป เจอร้านสะดวกซื้อ เย่ เจอคนแล้ว แวะซื้อของ เสบียง ไอติม เจอตู้หยอดของเล่น แอร๊ย! ตู้หยอดตุ๊กตุ่น มีตุ๊กตุ่นการ์ตูนเรื่องวันพีซด้วย ก็หยอดไป ได้นิโคล โรบิน ว้าว! เอาไปฝากเพื่อนดีกว่า เพื่อนชอบ

    ไม่รู้จะไปไหนแล้วก็เดินกลับโรงแรม โอเริ่มดีขึ้น พวกเราย้ายของขึ้นห้อง นั่งเล่นไม่กี่ชั่วโมง ใกล้เวลาเย็นก็ไปหาอะไรกินที่กินซ่า ย่านหรูหรา วะฮ่าฮ่า 










เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in