เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากคนดูdoocries
ละคร คุณหมีปาฏิหาริย์ เพราะ"คุณหมี" เป็นเหมือน "ปาฏิหาริย์"
  •          
    เปรียบความรัก เรื่องเราสองคนเป็นเหมือนหนังเรื่องหนึ่งมีทั้งซึ้ง มีทั้งเศร้าปน
    เก็บทุกความรู้สึกที่ดีเอาไว้ อย่าให้หาย อย่าให้หาย
     หากว่าเราไม่อาจจบฉากสุดท้ายอย่างที่ฝัน 
    เรื่องเธอและฉัน ก็ยังคงสวยงาม ยังสวยงาม

    **สำหรับเราเพลงนี้เหมาะกับเรื่องนี้มากๆ 

           วันนี้จะขอมาพูดถึงละคร "คุณหมีปาฏิหาริย์" ละครที่ในความรู้สึกของเราที่เป็นคนดู ละครเรื่องนี้มันสะท้อนปัญหาสังคมที่เรียกได้ว่าครบรอบด้านดีดีเรื่องหนึ่งเลย ทั้งเรื่องของ เพศ สถาบันครอบครัว สังคม ความเชื่อ การยอมรับ-ไม่ยอมรับ การดูแลผู้ป่วย บอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาก่อน ความชอบทั้งหมดจนวันนี้มาจากตัวละครที่ทำออกมาล้วนๆ เราตั้งใจเขียนบทความนี้เพราะอยากพูดถึงความประทับที่มีต่อละคร เอาเป็นว่าเรามาเกริ่นๆสำหรับคนที่ยังไม่เคยดูก่อนเลยว่า

    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn
            
              "คุณหมีปาฏิหาริย์" เป็นนิยายที่แต่งโดย คุณปราปต์ เป็นละครวาย เรื่องแรกของทางช่อง 3 ที่ได้ ‘ป้าแจ๋ว’ ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ค่ายถนัดละคร ที่ร่วมกันกำกับฯ กับ ‘พุ’ เหมันต์ เชตมี

    เรื่องย่อ  คุณหมีปาฏิหาริย์ 

              ‘เต้าหู้‘ ตุ๊กตาหมีขาวนวลตัวใหญ่ เป็นที่พักพิงใจให้ ‘ณัฐ’ มาหลายปี ตุ๊กตาหมีสามารถสื่อสารกับสิ่งของต่างๆ ในบ้านยามพ้นจากสายตามนุษย์ แล้วจู่ ๆ ปาฏิหาริย์ก็ทำให้เต้าหู้กลายร่างเป็นหนุ่มน้อย แต่ร่างใหม่กลับไร้ซึ่งความจำที่เคยมี เต้าหู้ในร่างใหม่จึงต้องสืบเสาะค้นหาความเป็นมาของตัวเอง และเรื่องราวยิ่งซับซ้อนเมื่อเขาพบว่าที่มาของตนนั้นเกี่ยวข้องกับอดีตอันมืดมนและความลับของครอบครัวผู้เป็นเจ้าของ อีกทั้งเวลาในร่างมนุษย์ที่จะได้ใกล้ชิดกับผู้เป็นที่รักก็เหลือ“น้อยเต็มที” เต้าหู้จะค้นหาคำตอบให้แก่ตัวเองแล้วเปิดเผยความลับทั้งหมดได้หรือไม่ และจะมีปาฏิหาริย์อื่นใดอีกไหมที่จะช่วยให้เขา “สมปรารถนา”

    ?  ตัวอย่างละคร  คุณหมีปาฏิหาริย์  ?


              เกริ่นเรื่องและขายของไปแล้ว เอาหล่ะที่นี้มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ขอบอกไว้ก่อนว่า
    บทความนี้เขียนจากความรู้สึกของเราที่เป็นคนดู แค่คนเดียว คนที่อ่านอาจจะคิดเหมือน หรือ แตกต่างได้ไม่ผิดนะ และ สำหรับคนที่ไม่เคยดูละครบอกเลยว่ามีสปอยเนื้อหาบางส่วนแบบนิดหน่อยมั้ง ?

    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn

    "เพราะครอบครัว คือ พื้นฐานของตัวเรา"

              อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้จากละครเรื่องนี้คือ คำว่า "ครอบครัว" ในเรื่องจะมีการบอกเล่าสะท้อน 3 ครอบครัว คือ ครอบครัวของพี่ณัฐ ครอบครัวของเกณฑ์ ครอบครัวของสอง ซึ่งแต่ละครอบครัวก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป ซึ่งมันก็ส่งผลต่อตัวละครรุ่นลูกเช่นกัน

              ครอบครัวของณัฐ  เติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนายทหาร แม่เป็นครู ชีวิตในวัยเด็กมีแต่ความไม่เข้าใจ ว่าสิ่งที่ตัวเองเป็น ตัวเองทำ มันผิดหรือแตกต่างจากคนอื่นยังไง โดนทั้งพ่อและแม่โยน กรอบให้ ทั้งเรื่องเพศสภาพ และ ความฝัน ปัญหาในครอบครัวส่งผลให้ตัวละครณัฐ กลายเป็นคนมีกำแพงสูง เชื่อมั่นในตัวเองสูง และมีอารมณ์รุนแรง ซึ่งทุกอย่างเป็นผลพวงมาจากครอบครัวทั้งสิ้น 
              ครอบครัวเกณฑ์  แม้จะไม่ได้ปูเรื่องมามากนัก แต่เท่าที่ดูและสังเกตคือ ถึงแม้จะเติบโตมาในครอบครัว ที่มีแม่เป็นหมอ พ่อเป็นทหารเหมือนณัฐ แต่การดูแลเอาใจใส่ และการยอมรับตัวตนของลูกต่างกันโดยสิ้นเชิง เลยส่งผลให้ตัวละครเกณฑ์เป็นตัวละครที่คอยส่งแรงบวก และเป็นกระจกสะท้อนให้ณัฐได้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป 
             ครอบครัวสอง เป็นครอบครัวที่มีแค่พ่อกับลูกชาย2คน(คนโตตายไปแล้ว)  การเติบโตมาของสองเลยเหมือนเป็นถูกลืมไปบ้าง เนื่องจากพ่อเองก็ยังไม่ลืมลูกชายที่เสีย ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าบางทีเราก็สนใจอดีตจนเผลอลืมคนตรงหน้าไป บุคคลิกของสองเลยออกมาในแนวทางที่พยายามทำตัวเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่เกินวัย

    "คู่รักเพศเดียวกัน ก็มีรักที่หยั่งยืนได้"

    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn

              เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีภาพจำที่ว่าคู่รักเพศเดียวกัน มักจะมีรักที่ไม่ยืนยาว ฉาบฉวย แต่ละครเรื่องนี้ก็หยิบยกเรื่องนี้มาพูดแบบเรียบง่ายมากๆ โดยตัวละครทั้งสองตัว ถูกสร้างมาให้อยู่ร่วมกับคนอื่น ครอบครัวอื่นได้อย่างลงตัว มีเรื่องหวงกันบ้างเล็กของน้าโหน่งกับลุงชู ฮ่าา ภาพที่สองตัวละครคอยดูแลกัน และอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

    "เมื่อตัวตน กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกยอมรับ"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              ในเรื่องสะท้อนการไม่ถูกยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น แบบหนักหน่วงมากๆทั้งจาก ครอบครัว หรือ แม้แต่คนที่เรียกตัวเองว่าครู จนมันทำให้คนดูอย่างเราได้แต่ตั้งคำถามว่า การเกิดมาเป็นคนๆหนึ่ง มันมีความผิดมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน และมันก็สะท้อนถึงการเปิดกว้างของสังคมตามยุคสมัยด้วย

    "แม่เลิกบ้าสักที ได้ไหม ?"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

             ประโยคของณัฐที่บอกแม่ว่า "เลิกบ้าสักทีได้ไหม ?" คือมันสะท้อนปัญหาเรื่องการต้องดูแล การอยู่ในบ้านที่มีคนป่วยจริงๆนะ ใจหนึ่งเราก็สงสารคนที่ป่วยแหละ แต่คนที่ปกติก็น่าสงสารไม่แพ้กัน ทำงานข้างนอกว่าเหนื่อยแล้ว การต้องทำความเข้าใจคนป่วยก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากๆเหมือนกัน เรื่องจิตใจก็สำคัญมากๆเช่นกัน ยิ่งในเรื่องแม่มีอาการทางด้านความจำ มันยิ่งเป็นเรื่องที่รับมือยาก มันต้องใช้ความเข้าใจสูง

    "การที่เราคิดถึงใครสักคนที่เค้าอยู่ไกลเป็นเรื่องที่ดี 
    แต่การคิดถึงคนที่เค้าอยู่ใกล้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเหมือนกัน"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              "คนไกล เราทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากคิดถึง แต่คนที่อยู่ใกล้ เราสามารถทำอะไรให้เค้าได้ตั้งเยอะ" เป็นเรื่องที่จริงมากๆ ตอนที่ได้ฟังประโยคนี้บางเรื่องในหัวมันก็สะท้อนออกมาจริงๆ เราทุกคนต้องล้วนเคยมีช่วงที่ละเลยความรู้สึกของคนใกล้และแคร์ความรู้สึกของคนไกลหรือใครที่ไหนก็ไม่รู้ "คนใกล้ตัวคือคนที่เราควรแคร์มากที่สุด"

    "แค่ผมมีรสนิยมไม่เหมือนครู หรือใครอีกหลายคน 
    มันไม่ได้หมายความว่าผมผิดปกติ"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              "เราทุกคนคือคน ปกติ" เป็นซีนที่สะท้อนความคิดช่องว่าง ของคน2ช่วงอายุ แบบจริงจัง และเราชอบที่ให้ตัวละครที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ครู" เป็นคนที่มีความคิดว่ารักของคนเพศเดียวกันมันผิดปกติ เพราะมันสะท้อนถึงความล้มเหลวที่ว่าขนาดคนที่มีความรู้ มีการศึกษา ยังมีความคิดผิดๆแบบนี้ได้อีก ส่วนหนึ่งมันเป็นยุคสมัยของการเติบโตด้วยส่วนหนึ่ง คนพวกนี้ไม่ผิดที่คิดแบบนั้น แต่ก็ไม่สมควรไปกล่าวหาคนอื่นและไม่ให้เกียรติคนอื่นเช่นกัน

    "การเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มันคือการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

             "เมื่อไหร่แม่จะเข้าใจสักที ว่าการเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มันคือการละเมิดความเป็นส่วนตัว" เป็นการสะท้อนลักษณะของพ่อ-แม่ เอเชีย มากๆๆเลยอ่ะ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีประสบการณ์แบบนี้ ซึ่งพ่อ-แม่ส่วนใหญ่มักจะใช้อ้างว่ามันคือความห่วง และไม่ตั้งใจ จนลืมถามความยินยอมจากลูกว่าเขาต้องการหรือเปล่า หรือสิ่งที่ตัวเองทำมันมากเกินไปหรือเปล่า

    "อดีตมันขมจนทำให้ปัจจุบันไม่มีความสุข งั้นเราสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ได้ไหม "

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              "ประวัติศาสตร์คือการศึกษาเรื่องราวในอดีต เพื่อที่จะได้เข้าใจปัจจุบัน และนำไปปรับใช้ในอนาคต เพื่อที่เราจะไม่ได้เดินซ้ำรอยมันอีก" คือมันเป็นประโยคที่แฝงไปด้วยความหมายในตัวเยอะมากๆ อดีตเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นทั้งดีและไม่ดี ปัจจุบันของตัวเราก็คือผลพวงจากอดีตของเราทั้งนั้น และอนาคตของเรามันจะเป็นยังไงต่อไปก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำปัจจุบันของเราแบบไหนนั่นแหละ ฉะนั้นเราเลยชอบมากที่ตัวละครเต้าหู้บอกว่า "ถ้าเราศึกษาจนรู้แล้วว่าอดีตมันขม จนทำให้ปัจจุบันไม่มีความสุข งั้นเราสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ได้ไหมฮะ เผื่ออนาคตจะได้มีสุขบ้าง" ฉะนั้นถ้าเราอยากให้อนาคตของเรามีความสุขเราก็ทำวันนี้ให้ดีก็พอแล้ว

    "เปียกเดี๋ยวก็แห้ง ฝนตกเดี๋ยวก็หยุด ไม่เห็นต้องกลัวเลย"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เป็นหนึ่งใน best scene ของเราในเรื่องนี้เลย คือมันเหมือนเป็นประโยคปลอบใจและเป็นประโยคที่ให้กำลังใจเราอ่ะ พอๆกับประโยค ถ้าวันนี้เราเจอเรื่องไม่ดี พรุ่งนี้พอพระอาทิตย์ขึ้น เราก็อาจจะได้เจอเรื่องดีก็ได้ ความทุกข์ ความเศร้ามันเข้ามาแล้วเดี๋ยวมันก็หายไป อย่าไปกลัวเลย ซีนนี้เป็นซีนที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนเต้าหู้โอบกอดไว้อ่ะ 

    "อย่าเอาตัวเองไปตัดสินใคร จุดเจ็บคนเรามาก-น้อยไม่เท่ากัน "

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "อย่าเอาตัวเองไปตัดสินใครเลย จุดเจ็บของคนเรา ไม่รู้มันมาก-น้อยแค่ไหน "
    "เราไม่ใช่เขา ไม่รู้หรอกว่าตัวเขาเองผ่านอะไรมาแค่ไหน"
    "บางคนที่เราดูอ่อนแอ ในใจอาจเข้มแข็งกว่าที่เราเห็น"
    "บางคนที่เราเห็นว่าเข้มแข็ง ในใจอาจจะร้องไห้มากี่ครั้งต่อครั้งแล้วไม่รู้" 
              
              เป็นซีนที่ชอบอีกซีน ตัวละครมันไม่ได้สะท้อนแค่มุมมองของตัวดีแต่ก็ยังบอกให้รู้ว่าตัวร้ายเองก็คงมีเหตุที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้เช่นกัน บริบทนี้มันใช้ได้ในชีวิตจริงนะ เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใครว่าเขาดีหรือไม่ดี เขาเข้มแข็งหรืออ่อนแอ เพราะเราไม่เคยต้องไปตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา

    "ลูกผู้หญิงถึงยังไงก็ต้องมีสามี เอาไว้คอยดูแลเรา"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

               สำหรับเราประโยคนี้มันเหมือนเป็นการกดเพศหญิงเกินไปอ่ะ แต่มันก็สะท้อนถึงความคิด ความเชื่อสมัยก่อนมากๆ ว่า ผู้หญิงเหมือนช้างเท้าหลัง ผู้หญิงต้องทำงานบ้าน ต้องมีสามี ถึงจะเรียกว่าชีวิตสมบูรณ์ แต่พอเรามองจากมุมของผู้หญิงที่อยู่ในปัจจุบัน ประโยคนี้ใจร้ายมาก การที่ผู้หญิงอยากแต่งงานมีสามีไม่ผิด แต่คนที่ไม่อยากมีสามีเพราะคิดว่าการอยู่คนเดียวมันดีกว่าก็ไม่ผิดเช่นกัน เราจะต้องคอยให้ใครมาดูแลทำไมในเมื่อตัวเราก็ดูแลตัวเองได้ดีอยู่แล้ว 

    "ต่อให้วันนี้ฝันดีแค่ไหน แต่สุดท้ายเราก็ต้องตื่น"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "ถ้าวันนี้เราฝันดี เต้าหู้ไม่อยากจะหลับต่อ เพื่อที่จะได้ฝันดีต่อหรอ"
    "บางคืนเราก็ฝันดี บางคืนเราก็ฝันร้าย แต่สุดท้ายคนเราก็ต้องตื่น" 

            เป็นอีกซีนที่เราชอบ ตัวละครเต้าหู้มันเป็นเหมือนตัวละครที่จุดเริ่มต้นมาจากการมองเห็นและสังเกตชีวิตทุกคนโดยรอบมาตลอด พอถึงวันหนึ่งที่ได้แสดงความเห็นเราเลยรู้สึกว่าคำพูดของเต้าหู้มันถูกพูดออกมาจากมุมมองที่กลมมาก รู้ เข้าใจ แต่ก็อยากให้คุณป้ายอมรับความจริง ว่าถึงต่อให้ในความฝันคุณป้ามีแต่เรื่องที่ดี สุดท้ายเรื่องเหล่านั้นมันก็จะหายไปอยู่ดี เพราะมันไม่จริง

    "ถึงแม้จะสายไปสักหน่อย…แต่ก็อยากทำให้"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "ทุกวันพฤหัสพวกนักล่าสัตว์จะไปเต้นรำกับสาวๆในหมู่บ้าน"
    "ฉะนั้นวันพฤหัสจึงเป็นวันพิเศษ ที่ฉันสามารถวิ่งเล่นในสวยองุ่นได้"
    "แต่ถ้านักล่าสัตว์เต้นรำทุกวันเหมือนเดิม วันพฤหัสก็จะกลายเป็นแค่วันธรรมดา"

              มันเป็นบทในหนังสือเจ้าชายน้อย ซึ่งเราว่ามันตรงมากๆกับซีนนี้ เพราะวันเกิดพีรณัฐมีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวด และทุกปีก็จะมีแค่ตัวเองซื้อเค้กมาเป่าคนเดียว (ยกเว้นตอนที่คบกับพี่ธาร) จนมาปีนี้ที่วันเกิดธรรมดากลายเป็นวันที่พิเศษ เค้กที่ถูกปฏิเสธไปในตอนนั้น และคนที่ปฏิเสธก็เป็นคนถือมาให้

    "ความรักมันไม่ผิด พี่ณัฐไม่ได้ทำผิดอะไร"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              "การรักใครมันไม่ใช่เรื่องผิด ความรักไม่ได้ผิด พี่ณัฐไม่ได้ทำผิดอะไร"
    "ผมจะจับมือพี่ณัฐไว้ จนกว่าพี่ณัฐจะไม่ปัดมือ จะจับไว้จนกว่าพี่ณัฐจะจับมือผมได้อย่างสบายใจ"

              ซีนนี้เป็น best scene อีกอันของเรา พอยิ่งดูละครจนจบ ยิ่งรู้สึกถึงความสวยงามของตัวละครเต้าหู้อ่ะ เต้าหู้เหมือนเป็นคนเฉลยคำตอบให้พี่ณัฐในทุกเรื่อง ในความรู้สึกเราพีรณัฐคิดว่าการเป็นตัวเองแบบที่อยากเป็นมันผิด แค่เกิดเป็นพีรณัฐก็ผิดแล้ว (จากคำพูดของพ่อที่กดทับมาตลอด) จนการได้รักกับตาธารก็ผิดอีก การที่อยากเป็นนักเขียนก็ผิดอีก แค่เป็นพีรณัฐทุกอย่างก็ผิดไปหมด และสำหรับเราการที่เต้าหู้บอกว่า "จะจับมือไว้จนกว่าพี่ณัฐจะจับมือผมได้อย่างสบายใจ" อาจไม่ได้หมายถึงแค่การจับมือเต้าหู้ได้อย่างสบายใจ แต่อาจมายถึงใครในอนาคตที่พีรณัฐรักตังหาก เต้าหู้คงหวังให้พี่ณัฐได้รักอย่างที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับอะไรและกับใครทั้งนั้น "เพราะรักไม่ผิด"

    "การถูกลืมทั้งที่มีชีวิตอยู่ เจ็บยิ่งกว่าการตายจากกัน"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              พาร์ทเส้นเรื่องของสองกับพ่อเราค่อนข้างชอบเลยนะ คือมันแบบจริงมากๆที่ว่า ถ้าเรากลายเป็นคนที่ถูกมองข้าม และเป็นที่สองตลอดในสายตาคนที่เรารัก คงแย่มากจริงๆ "การถูกลืมทั้งที่มีชีวิตอยู่ เจ็บยิ่งกว่าการตายจาก" เป็นประโยคที่สะท้อนมุมมองของครอบครัวได้ดีมากๆ พ่อไม่ผิดที่จะคิดถึงพี่หนึ่งแต่พ่อเองก็ต้องไม่ลืมที่จะใส่ใจสองด้วยเหมือนกัน

    "พ่อ-แม่ ทำลายความเชื่อมั่นของกู"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              แค่การไม่ได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวก็เจ็บมากพอแล้ว แต่การที่พ่อเลือกที่จะทำร้ายลูกแทนการอธิบายด้วยเหตุว่าทำไมถึงมองว่าสิ่งที่ลูกทำมันผิด และยิ่งไปกว่านั้นการที่แม่เลือกที่จะเมินเฉยต่อการทำร้ายลูกมันยิ่งผิดไปกันใหญ่ ซีนของครอบครัวพีรณัฐทั้งหมดมันสะท้อนถึงความไม่สมบูรณ์ของครอบครัวโดยแท้เลยอ่ะ แถมบางทีพ่อ-แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันสร้างบาดแผลให้ลูกยังไง

    "จุดเริ่มต้นของเต้าหู้"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เราชอบสตอรี่การมาเป็นเต้าหู้มาก ไม่แปลกใจที่ป้าแจ๋ว ผู้กำกับบอกว่าอยากให้ทุกคนได้มีเต้าหู้เป็นของตัวเอง เพราะเต้าหู้เกิดขึ้นมาจากความรัก ความปรารถนาดี ยิ่งพอดูจบยิ่งเข้าใจมากๆที่เต้าหู้บอกว่า การมีอยู่หรือไม่มีอยู่ของเต้าหู้ไม่สำคัญ เท่ากับการที่พี่ณัฐมีความสุข คือมันจริงมากๆๆๆ เพราะตาธารเองในซีนนี้ก็เลือกที่จะเคารพการตัดสินใจของณัฐโดยไม่โกรธหรือโทษณัฐเลย

    "เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นโรค"

              ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เป็นซีนที่สะท้อนมุมมองความคิดการเป็นLGBTQ+ ได้สะเทือนใจจริงๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงว่าเมื่อก่อนการเปิดรับ การรับรู้เรื่องนี้มันน้อยมาก แต่ซีนนี้ก็เล่นกับใจคนดูมากไปเหมือนกัน "ณัฐเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นโรค ไม่มีวันรักษาหายหรอก"

    "เวลาทะเลาะกันแม่ก็แค่เอาข้าวมาให้ แล้วก็ขอโทษ"

              ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เป็นซีนที่ตอนดูก็จุกในใจ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยมีโมเม้นนี้จริงๆ จนบางทีเรายังแอบคิดเลยว่าทำไมเวลาพ่อ-แม่ทำผิดกับเราถึงคิดว่าการเรียกไปกินข้าวแล้วมันจะจบ แต่กลับกันถ้าเป็นเราที่ทำผิดกับพ่อ-แม่ การซื้อกับข้าวมาให้ก็คงแทนคำขอโทษไม่ได้เช่นกัน 

    "เกย์ไม่ใช่โรค ไม่ใช่กรรมเก่า"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "เกย์ไม่ใช่โรค ไม่ใช่กรรมเก่า ไม่ได้อารมณ์รุนแรง
    ไม่ได้ตลกตลอดเวลา สามารถใครรักจริงได้เหมือนชายหญิง"

              ซีนนี้สำหรับเราคือดีมาก และเรื่องนี้ก็สะท้อนภาพรวมของประโยคนี้ได้แบบครบถ้วน เพราะทุกตัวละครที่เป็น LGBTQ+ ไม่ได้มีลักษณะแบบที่บอกมาเลย(ยกเว้นตัวละครพีรณัฐที่ขึ้น-ลงตลอดเวลา ฮ่าา) และอีกเรื่องที่ชอบคือตัวละครพริบพรีที่ไม่ได้ร้ายกาจแบบที่ละครวายเรื่องอื่นนิยมสร้างให้ตัวละครหญิงเป็นแบบนั้น

    "ไม่มีกฏหมายรองรับ เพราะไม่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "ประเทศที่ส่งออกซีรีส์วาย มีกระเทยสวยที่สุดในโลก มีคู่เกย์เป็นเน็ตไอดอล แต่กลับไม่มีกฏหมายรองรับ เพราะไม่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง

              เป็นประโยคที่จริงที่สุด และมองเห็นภาพมากที่สุด คือมันสะท้อนบ้านเราเนี่ย คือทำเหมือนเปิดรับและเข้าใจ แต่ก็จริงๆแล้วคือไม่ได้ใส่ใจมันเลย  

    "แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เป็นอีกหนึ่งซีนที่เราชอบ แค่คิดว่าในชีวิตจริงถ้าเรามีใครสักคนที่คอยอยู่ข้างๆ บอกเราว่าเราทำดีแล้ว ในวันที่เราอ่อนแอ ก็คงทำให้รู้สึกมีกำลังใจอีกครั้งมั้ง ตัวละครเต้าหู้พอมันเกิดขึ้นจากความรัก ทุกอย่างที่เต้าหู้ทำมันเลยมีแต่ความปรารถนาดีทั้งนั้น

    "เพราะเราคือครอบครัว"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "ครอบครัวไม่ต้องใหญ่ ครอบครัวไม่จำเป็นต้องมีลูก ไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส 
    คนอื่นจะมองยังไงช่างเขา อยู่ที่เราสองคน เราคือครอบครัว "

              เราชอบเส้นเรื่องของลุงชูกับน้าโหน่งมากๆอย่างที่บอกไป มันสะท้อนภาพของคำว่าคู่ชีวิตอ่ะ อยู่ด้วยกัน2คน คอยดูแลกัน คอยให้คำปรึกษา แล้วภาพในละครก็ทำออกมาได้ดีมากด้วย มีช่วงที่งอนกัน หึงกันบ้าง ให้ดูมีมิติ ซึ่งประโยคนี้มันก็ใช้ได้กับทุกคู่จริงๆนะ บางคนอยู่กินกันโดยไม่แต่งงาน ไม่มีลูก แต่มีความสุขมากๆ 

    "พ่อ-แม่ ไม่ใช่คนที่ไปเรียนด้วย"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              อย่างที่เราบอกละครเรื่องนี้มันไม่ได้เล่าแค่มุมมอง LGBTQ+ แต่มันเล่าครอบคลุมไปถึงสังคม แทบจะทั้งหมดที่เราต้องเคยเจอ อย่างเรื่องการเรียนนี่คือเข้าถึงได้ง่ายมาก "สิ่งที่เขาเลือก คือสิ่งที่เขาจะต้องอยู่กับมัน ไม่ใช่พ่อ-แม่หรือใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมันควรเป็นสิทธิ์ของเขา"

    "ถ้ามีโอกาสได้รัก ก็ให้รักและดูแลกันให้ดีที่สุด"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "เราไม่ทางรู้ว่าปลายทางที่เราเลือกจะเป็นยังไง ถึงปลายทางจะเจอความเจ็บปวด แต่เราก็จะไม่เสียใจ เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เราเห็นคนที่รักมีความสุข ในช่วงเวลาที่เรามีกันและกัน"

              เป็นซีนที่แบบว่าทำให้เข้าใจเต้าหู้ไปอีกทุกๆการกระทำของตัวละครเต้าหู้ มันคือการอยู่กับตรงนี้ ปัจจุบันแค่นี้ ไม่เคยมองถึงอนาคตเลย มองแค่ว่าถ้าอยู่ด้วยกันก็ขอให้เป็นช่วงที่ดีแค่นั้นจริงๆ รักกันแบบที่พอมองย้อนกลับมาแล้วไม่รู้สึกเสียใจ

    "พ่อตายไปก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีใครต้องเจ็บอีก"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เป็นซีนที่สะเทือนใจมาก เราไม่ได้สะเทือนใจกับการจากไปของพ่อ แต่สะเทือนใจกับการที่รับรู้ว่าการมีอยู่ของพ่อมัน toxic ต่อตัวละครพีรณัฐแค่ไหน ถึงขนาดที่มีประโยคนี้เกิดขึ้น 

    "วันนั้นพี่ณัฐคงเสียใจมากใช่ไหมฮะ" 
    "วันที่พ่อตาย มันก็เหมือนวันธรรมดาวันหนึ่ง"

    และเผลอทำให้คิดถึงประโยคที่ว่า บ้าน พ่อ-แม่ ใช่ไม่เซฟโซนสำหรับทุกคน ตัวละครพีรณัฐเองก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

    "เพราะเต้าหู้ คือที่รัก"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เป็นซีนที่อบอุ่นแบบบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาเส้นเรื่องของเต้าหู้คือการคอยถมช่องว่างในใจคนอื่น ทำให้คนอื่นได้รักกัน และที่ผ่านมาเต้าหู้เป็นผู้ให้มาโดยตลอด พอถึงซีนที่เต้าหู้เป็นฝ่ายได้รับบ้างเราเลยรู้สึกอิ่มใจ เพราะเต้าหู้ไม่ใช่แค่ของขวัญที่ตกมาจากฟ้าเหมือนเจ้าชายน้อย แต่เต้าหู้มาที่นี่เพื่อเป็นท่ี่รักของทุกคน ของเราด้วยยยยยยย มายเต้าหู้ ಥ_ಥ 

    "ถ้าตอนจบ เป็นแบบนี้ก็คงดี"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              เชื่อเลยว่าถ้าใครที่ดูถึงตอนจบแล้ว ก็อยากหยุดฉากนี้ให้เป็นฉากสุดท้ายของเรื่อง เอาจริงตอนที่ดูอีพี15 จบ เราไม่คิดเลยว่า อีพี16มันจะเป็นความเจ็บปวดที่สวยงามแบบนั้นอ่ะ เพราะตัวละครเต้าหู้ทำให้เรารักมากจนไม่อยากเสียไป "ขอให้ความสุขอยู่กับเราไปนานๆด้วยเถอะฮะ"

    "ลาก่อนนะฮะพี่ณัฐ"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

              นอกจากสงสารตัวละครก็สงสารตัวเองด้วย ซีนนี้พอดูจนจบอีกรอบก็เสียใจแทนพี่ณัฐเหมือนกันที่เต้าหู้เลือกจากแบบที่ไม่บอกลา แบบที่ไม่มีโอกาสให้เลือก แต่อีกใจก็ดูจนเข้าใจตัวละครเต้าหู้ว่าถ้าบอกลาพี่ณัฐหรือให้พี่ณัฐได้เลือก เต้าหู้ก็จะมีความเห็นแก่ตัวที่จะอยากอยู่ต่อไปแน่ๆ มองทางไหนก็เจ็บไปหมด คนบอกลาก็เจ็บ คนที่ไม่ได้บอกลาก็เจ็บ

    "อยู่ตรงนี้นะ วันที่ได้พบกัน อีกครั้ง"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

         เป็นซีนที่ขนาดกลับมาดูอีกรอบก็ยังร้องไห้อยู่ เป็นการจากเต้าหู้แบบที่เป็นคนไปตลอดกาล แต่เต้าหู้จะย้ายไปอยู่ที่อื่นในความทรงจำแทน  คือมันเป็นซีนที่ดูธรรมดามากๆๆแต่ก็เจ็บปวดมากๆเช่นกัน 
    ซีนนี้เป็น the best scene ในใจเราแบบที่สุดลำดับที่1
    "6ปีที่แล้ว เราเสียคุณพ่อไปแบบที่ไม่มีวันกลับมา ก่อนพ่อเสียเราเคยคิดมาตลอดว่า ทุกคนต้องเสียใจมากแน่ๆรวมถึงเราด้วย แต่ความจริงมันไม่เป็นนั้น วันที่เผาศพทุกคนในบ้าน ร้องไห้เหมือนว่าวันนั้นเป็นวันสิ้นโลก แต่พอรุ่งเช้าหลังจากวันนั้น จนถึงวันนี้ เราทุกคนไม่เสียน้ำตาให้กับเรื่องพ่ออีกเลย ไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ลืมว่าเคยรัก แต่มันเป็นเพราะเราทุกคนรู้ว่าพ่อจะยังอยู่ในใจส่วนไหนสักส่วน และวันครบรอบของพ่อทุกปีมันเหมือนนาฬิกาย้อนเวลาพาทุกคนในครอบครัวย้อนกลับในวันที่พ่อเสียเพียงแต่วันนี้เรายิ้มได้แล้ว ไม่มีน้ำตาเหมือนวันนั้นอีกแล้ว " 

    "ถ้าเป็นไปได้ กูยอมแลกกับการที่กูไม่ต้องรู้จักมึง"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

    "ถ้าเป็นไปได้ กูยอมแลกกับการที่กูไม่ต้องรู้จักมึงไปตลอดชีวิต แค่ขอให้มึงได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องผ่านมาเจอกู เพื่อพบจุดจบแบบนี้ "

              เป็นประโยคที่เศร้ามากจริงๆเพราะพี่ณัฐเองก็ยังคงคิดว่าตัวเองคือความโชคร้ายของทุกคน และการที่เต้าหู้ได้เจอพีรณัฐ นั่นก็เป็นเพราะความโชคร้าย แต่ถ้าในมุมของเต้าหู้การได้เจอ ได้รัก ได้อยู่ข้างๆพีรณัฐ มันคือโชคดีและมันคือ ปาฏิหาริย์

    "มีความสุขมากๆนะฮะ"

    ขอบคุณภาพจาก ch3plus

             ตอนจบเรื่องนี้ทำให้เรามีความรู้สึกเดียวกับตอนที่ดู 2521 เลยอ่ะ ความรู้ที่ว่าถ้ารักกันขนาดนี้ทำไมเราถึงไม่อยู่ด้วยกันไปจนจบล้ะ แต่ก็อย่างที่ละครทั้ง2เรื่องต้องการจะบอก การที่วันนี้เราไม่ได้อยู่มีความสุขด้วยกัน ใช่ว่าวันนั้นในอดีตไม่เคยเกิดขึ้นจริง การรักใครสักคนถึงแม้คนนั้นจะไม่ใช่เรา เราก็ยังหวังว่าเขาจะมีความสุขกับใครที่เขาเลือก เราว่าตอนจบเรื่องนี้มันเหมือนประโยคที่เราเคยอ่านเจอเมื่อนานมาแล้วแต่ยังจำได้อยู่ ของ once ที่บอกว่า

    เธอยังอยู่ที่เดิม หมายถึงในใจ
    ไม่ไกลไปกว่านั้น ไม่ใกล้ไปกว่าเดิม

    พูดถึงนักแสดงกันบ้างงงงงงงงงงงงง 

    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn

             อิน-จ็อบ เป็นเต้าหู้ กับ พีรณัฐ แบบที่เรารู้สึกว่ามันพอดีมากๆแล้ว คิดภาพไม่ออกว่าถ้าเจอเต้าหู้ในโหมดที่ีแบ๊วกว่านี้ หรือ พีรณัฐที่โมโหร้ายกว่านี้จะเป็นยังไง แต่การแสดงทั้งของอินและจ็อบ สิ่งที่เราชอบมากที่สุดคือ ซีนดราม่าทุกซีน สองคนนี้เก็บได้หมดจริงๆ สารินช่วงที่เป็นเต้าหู้แบบเริ่มต้น การได้รับรู้ปัญหาของครอบครัวพี่ณัฐ การแสดงที่แบบรู้แต่ไม่รู้อ่ะ มันยากๆ ทุกครั้งที่เวลาสารินเข้าฉากดราม่าเยอะๆแล้วทำให้ตัวเองมีส่วนร่วมในซีนแต่ไม่ร้องไห้ได้ คือที่สุดสำหรับเรา ส่วนจ็อบ เป็นคนที่ร้องไห้ได้น่าสงสารที่สุดคนหนึ่งเลยอ่ะ และเป็นคนที่เข้าฉากปะทะอารมณ์ได้ดีมากๆด้วย จ็อบรู้จักการใช้น้ำเสียงตัวเองอ่ะ หวังว่าจะได้เห็นเขาสองคนได้รับบทดีดีแบบนี้อีก

    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn

             พี่อุ๋ม พี่ชาย พี่จอย แค่ชื่อก็รับประกันฝีมือแล้วอ่ะ พี่อุ๋มเป็นคนที่เล่นแบบใช้อินเนอร์เยอะมากๆๆ แบบไม่แสดงออกทางการกระทำเท่าไร แต่จะแสดงออกผ่านคำพุดและแววตาเป็นส่วนใหญ่ พี่ชาย คือ ท็อปฟอร์มมาก ไม่ว่าจะเป็น สิบ หรือ แสน คือเล่นแตกต่างจนต้องขอชม ยิ่งพาร์ทตอนสิบที่ทะเลาะกับพีรณัฐคือที่สุดสำหรับเรา พี่จอย เป็นคนที่แสดงบทนี้แบบจะเกลียดละนะ แต่ก็เกลียดไม่ลงอ่ะ เพราะเส้นเรื่องของน้าจัน-แสน มันผิดตั้งแต่เริ่มอ่ะ ผลมันเลยเป็นแบบนี้ 

    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn

            ตี๋-เฟิร์ส-พีพี เป็นตัวละครที่เป็นส่วนสำคัญๆจริงในชีวิตพีรณัฐ เฟิร์ส-ตี๋ เป็นการแสดงที่เข้ากันแบบไม่น่าเชื่อ ซีนที่เราชอบที่สุดของพาร์ทคู่นี้ คือ ตอนที่ไปสารภาพกับพ่ออ่ะ จังหวะที่เฟิร์สร้องไห้ มันแบบโอยมายย ลุงร้องไห้ เพราะในเรื่องตัวละครเกณฑ์คือเราจะเห็นแต่มุมที่เป็นที่พึ่งอ่ะ ส่วนตี๋พาร์ทที่ดีดๆหน่อยก็ดีเหมาะกับตัวเอง แต่พอพาร์ที่เป็นจริงจังก้เชื่อถือได้ ส่วนพีพี คือถือว่าผ่านนะสำหรับเรา ไม่มากไปไม่น้อยไป 
    ขอบคุณภาพจาก twitter Tanadlakorn

            ยูโด แสดงได้ดีจนเราเข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นรักแรกและรักที่ฝั่งใจพี่ณัฐขนาดนี้อ่ะ ตอนพาร์ทวัยรุ่นเราถือว่าดีเลยนะ 
            แล้วคือแบบเรื่องนี้นะมันจะง่ายกว่านี้เยอะถ้า ตัวละคร เต้าหู้ พี่ธาร พี่ณัฐ มีใครสักคนเป็นคนไม่ดีอ่ะ มันคงเลือกได้ง่ายกว่านี้ และอาจจะเสียใจน้อยกว่านี้ด้วย แต่เพราะตัวละครพี่ธารก็ดี และเต้าหู้เองก็ดีไม่แพ้กัน มันเลยเป็นตอนจบที่จะดีแบบสุดใจก้ไม่ได้อ่าาาาาาาาาาาา

    ที่สำคัยต้องขอบคุณป้าแจ๋ว พี่พุ และทีมงานทุกคนมั๊กมากกกกกกกกกก ที่ทำละครเรื่องนี้ออกมาได้แบบเหนือความคาดหมายยยยยยยยย เป็นละครที่ตกตะกอนในใจอยู่ตอนนี้จริงๆ
    ละครจบไปแล้วแต่ถ้าใครอยากดูก็

    จิ้มได้เลยยยยยยยยย

    ขายนักแสดงจ้าาาาา

    อิน IG : inpitar  TW : @innsarin

    จ็อบ IG : jobbiijob  TW : @jobbiijob

    ตี๋ IG : tee_jaruji TW : @Tee_Jaruji

    เฟิร์ส IG : firstparada TW : @firstparada_

    ยูโด IG : judo_tantachj TW : @tantachj


    ผู้เขียน @DooCries

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in