เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (2)Chaitawat Marc Seephongsai
ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์ By Helene Hanff
  • รีวิวเว้ย (510) ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน "ร้านหนังสือเลขที่ 84" เป็นหนึ่งในหนังสือที่เราซื้อกลับมาจากงานหนังสือในครั้งนั้น และหลังจากอ่านมันจบลงเมื่อนานมาแล้ว เรากลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเท่าไหร่ อาจจะเพราะช่วงเวลานั้นเรายังไม่ได้รู้สึกว่า "หนังสือ" เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตเรา จนมื่อ 3 ปีก่อน ที่เราเริ่มทำ "รีวิวเว้ย" เพื่อที่จะรีวิวหนังสือหลาย ๆ เล่มที่เคยอ่านให้กับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อหนังสือ (เล่มนั้น ๆ) ดีรึเปล่า หลังจากผ่านไป 3 ปี และรีวิวเว้ยไปแล้ว 500 เล่ม "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" ก็กลับมาตีพิมพ์อีกครั้ง (พิมพ์ 3) และครั้งนี้ก็ตีพิมพ์พร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาคต่อของ "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" ทำให้เราตัดสินใจซื้อหนังสือชุดนี้มาอ่าน และลงมืออ่านซ้ำหนังสือเล่มเดิมอีกครั้ง แต่น่าแปลกที่หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 3 ปี ทำให้การรับรู้ของเราที่มีต่อเนื้อหาของหนังสือ "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" เปลี่ยนแปลงไปจากการอ่านครั้งแรกอย่างชัดเจน 
    หนังสือ : ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์
    โดย : Helene Hanff แปล รังสิมา ตันสกุล, ปราบดา หยุ่น
    จำนวน : 150 หน้า
    ราคา : 220 บาท

    "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" หนังสือที่ตีพิมพ์ขึ้นจากบทสยทนาผ่านจดหมายของผู้ซื้อและผู้ขายหนังสือจาก 2 ฝากฝั่งมหาสมุทร โดยที่ผู้ซื้อให้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและผู้จัดจำหน่ายอยู่ห่างไกลออกไปกว่า 3,000 ไมล์ บนเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์ อันได้แก่ร้านขายหนังสือมือ 2 ที่ชื่อว่า Marks & Co.

    บทสนทนาผ่านจดหมายที่ตอบโตกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อที่ดำเนินไปกว่า 20 ปี ของการซื้อหนังสือข้ามมหาสมุทรแบบไม่เคยเจอตัวระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้หนังสือเล่มนี้บอกเล่าถึงความงดงามของมิตรภาพในแบบที่เราไม่อาจคาดคิดว่าจะพบเจอมันในโลกของระบบทุนนิยม

    บทสนทนาตลอด 20 ปี ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ช่วงแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของบริบทของสังคมทั้งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) ที่ช่วงเวลานั้นสหราชอาณาจักแทบจะย่อยยับจากผลของสงคราม และมีกฎเกณฑ์ในเรื่องของการปันส่วนอาหารและมาตรการสำคัญ ๆ ต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูประเทศภายหลังจากการสิ้นสุดสงครามและภายหลังความเสียหายที่เกิดขึ้น

    "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" แสดงให้เห็นถึงความเอื้ออารีย์ต่อกันของทั้งผู้อ่านและผู้ขาย ที่ต่างถ้อยที่ถ้อยอาศัยกันในการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของแต่ละบุคคล นอกจากความงดงามในแง่ของชีวิตและความเป็นมนุษย์แล้ว

    "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" ยังบอกเล่าเรื่องราวของหนังสือแต่ละประเภท ผู้เขียนแต่ละคน และโลกของการพิมพ์ในแต่ละยุคสมัยของการผลิตหนังสือแต่ละเล่มขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ อาจจะเรียกได้ว่า "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เราจะต้หากระดาษและปากกามาจดชื่อของนักเขียนและชื่อของหนังสือที่ถูกเขียนถึงในจดหมายแต่ละฉบับอย่างเป็นระยะ ๆ

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสมกับใครหลาย ๆ คน ทั้งคนที่ชอบหนังสือและรักที่จะเข้าใจวงการหนังสือ รวมไปถึงคนที่สนใจในบริบทของมหาอาณาจักรหลังสงครามโลกของทั้งสหรัฐอเมริการที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจใหม่ในช่วงเวลานั้น และสหราชอาณาจักเจ้าโลกเดิมที่ได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากมหาสงครามในครั้งนั้น

    ความน่าประหลาดใจอีกอย่างที่ค้นพบหลังจากการอ่าน "ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์" จบลง คือ หนังสือเล่มเดิม ถ้าเราลองอ่านมันต่างช่วงเวลา ต่างบริบทกัน ความหมาย การรับรู้และความเข้าใจในเนื้อหาของหนังสือมันก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยอย่างน่าสนใจ นี่คือการยืนยันถึงการทำรีวิวเว้ยที่ดีที่สุดที่เราเลือกจะไม่ให้ดาวหรือให้คะแนนใด ๆ กับหนังสือในแต่ละเล่มที่เราอ่าน เพราะเราเชื่อว่าหยังสือเล่มหนึ่ง ๆ ไม่ได้ถูกใจคนทุกคนเหมือนกันอย่างเท่าเทียม ฉะนั้นการให้คะแนนในการตัดสินถือเป็นการเอาอัตตาของเราไปสวมทับและครอบงำความชอบและรสนิยมของบุคคลอื่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in