รีวิวเว้ย (214) วันสิ้นโลกดูจะเป็นโครงเรื่องหลักของหนังหรือนิยายหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งที่สะท้อนเรื่องราวความสิ้นหวังในวันสิ้นโลก หรือแม้กระทั้งสะท้อนความหวังของโลกภายหลังจากการสูญสิ้นของอารยธรรมมนุษย์ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังและนิยายเหล่านี้มีร่วมกัน คือ เรื่องของการสะท้อนความเป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอในวันที่รู้ว่าความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ ส่วนตัวเองของเรื่องหรือคนเขียนนิยายจะทำอย่างไรหลังจากนั้นก็แล้วแต่ความต้องการของพวกเขาแต่ละคน
หนังสือ : World of Trouble
โดย : Ben H. Winters แปล สุวิชชา จันทร
จำนวน : 395 หน้า
ราคา : 375 บาท
สำหรับนิยายชุด "The Last Policeman" ที่พูดถึงเรื่องราวของสภาวะใกล้ศูนย์สลายของโลกกลม ๆ ใบนี้ อันเป็นผลมาจากดาวเคราะห์น้อยที่กำลังพุ่งมายังโลก
จากเริ่มแรกที่ "The Last Policeman" ระยะเวลายังเหลืออีก 6 เดือนก่อนโลกจะแตก แต่มนุษยชาติก็เริ่มที่จะละทิ้งหน้าที่ของตน เข้าสู่หนทางของความต้องการผ่าน "สิ่งที่ต้องทำก่อนตาย" รวมไปถึงทำในสิ่งที่ "ไม่เคยคิดว่าจะทำ" กระทั่งมนุษย์ทั้งหลายเริ่มละทิ้งหน้าที่ของตน แต่ก็ยังมีตำรวจนายหนึ่งที่ยังยอมทนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด แม้ว่าใคร ๆ จะหาว่าเขาบ้าบอก็ตามที่
หลังจากเวลาผ่านไปจาก 6 เดือน ในเล่มที่ 2 "Countdown City" ระยะเวลาของตำรวจนายนี้เหลือน้อยลงทุกที โดยคิดเป็นตัวเลขกลม ๆ อยู่ที่ 77 วันก่อนโลกจะแตก แต่ก็ยังไม่วายมีเหตุให้เขาต้องออกไปทำคดี ทั้ง ๆ ที่นั้นไม่ใช่หน้าที่ของเขาแล้วก็ตาม ทั้งโดยนิตินัยและโดยพฤตินัย แต่แล้วเขาก็ยังทำหน้าที่ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
และแล้ววาระสุดท้ายของโลกก็คืบคลานใกล้เข้ามา ในนิยายเล่มที่ 3 "World of Trouble" ว่าด้วยเรื่องราวของชีวิต 7 วันสุดท้ายก่อนที่ดาวเคราะห์จะหม่งโลก และทำลายล้างซื้อสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ของโลกใบนี้ (หรืออาจจะมั้งหมด) แต่มิวาย ที่นักสืบตัวเอกของเรายังมีเรื่องสุดท้ายที่เขาต้องลงมือทำ
แต่ใน "World of Trouble" เนื้อหาของเรื่องจะมีความแตกต่างจากเล่ม 1 และ 2 อยู่พอสมควร ในเรื่องของมิติที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ของตัวละครหลาย ๆ ตัวในเรื่อง ที่ต่างก็สะท้อนผ่านรูปแบบที่ปัจเจกล้วนถือครอง รวมไปถึงเรื่องราวของตัวเอกในเรื่อง ที่มนเล่มนี้มุ่งเน้นไปที่เรื่องของการคลี่คลายปมในใจ รวมถึงปมที่ถูกบอกเล่าเอาไว้ในนิยาย 2 เล่มก่อนหน้า
สิ่งหนึ่งที่ "World of Trouble" ทำได้ดีไม่แพ้นิยายทั้ง 2 เล่มก่อนหน้า คือเรื่องของการผู้เงื่อนปัญหาให้ผู้อ่านคิดตาม รวมถึงการสร้างภาพสะท้อนความเป็นมนุษย์ ที่อยู่บนฐานของสังคมมนุษย์ได้อย่างดีเยียม ทั้งเรื่องขององค์ประกอบความเป็นมนุษย์ รวมถึงองค์ประกอบของสภาวะสิ้นหวังของมนุษย์ ล้วนถูกถ่ายทอดผ่านอารมณ์และน้ำเสียงของตัวอักษรได้เป็นอย่างดี
สำหรับนิยายไตรภาคชุด "The Last Policeman" น่าจะเป็นนิยายที่พูดถึงเรื่องราวของชีวิตคนธรรมดา ๆ ที่ชีวิตมีความฉิบหายและบรรลัยได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น ตลอดทั้งเรื่องชวนให้เราคิดตาม เอาใจช่วย และลุ้นไปกับตัวเอกของเรื่องได้คลายกับว่าเราเป็นเพื่อนสนิทของ "คุณนักสืบ" ที่เขากำลังเล่าเรื่องราวของชีวิตให้เราฟัง
สำหรับเรา "The Last Policeman" อาจจะไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา (ในจำนวนน้อยนิด) แต่ "The Last Policeman" ได้สร้างตัวละครที่เราหลงรักมากที่สุด และเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ดีที่สุด สำหรับวันที่ความฉิบหายเข้าใกล้โลก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in