เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าสั้น ๆSirikul Sukkit
เมื่อความสุขถูกขโมยไป
  •       รู้ตัวอีกทีกำแพงและตัวตนในจิตใจตัวเองก็สูงขึ้นเป็นเกาะกำบังกั้นผู้คนออกจากตัวเอง เกิดมาไม่แข็งแรงเท่าเด็กปกติทั่วไป กล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรงทำให้เขียนหนังสือช้า จนครูและเพื่อน ๆ ต้องรอ นั่นหละเรื่องแรกที่ทำให้กดดันและพยายามให้มากกว่าคนอื่น เพราะไม่อยากแปลกแยกหรือแตกต่างจากคนอื่น 

    "เด็กแบบนั้นก็เป็นแบบนั้นแหละ" คำพูดของผู้ใหญ่คนนึง รวมถึงสายตาจากคนรอบข้าง

    มันค่อยๆสะสมความประหม่า รวมถึงการไม่เป็นตัวเองเพื่อที่จะเข้ากับคนอื่นให้ได้ จนความเป็นตัวเองค่อยๆหายไป เวลาจะคุยกับใครก็สั่นไปหมดรวมถึงคนในครอบครัวด้วย เพราะแคร์คนอื่นมากไป หลงลืมการใส่ใจตัวเอง ในช่วงจังหวะชีวิตนึงที่ทำให้รู้สึกดี การสอบเข้าโรงเรียนม.ปลายที่มีชื่อเสียงได้ เหมือนตอกหน้าผู้ใหญ่หลายคนได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็แค่นั้น เพราะฉันต่อกำแพงใหม่ขึ้นอีกแล้ว จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็มีกำแพงสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากเด็กคนนั้นมาถึงครึ่งทางชีวิตการเก็บตัวอยู่บ้าน เพราะบ้านและห้องส่วนตัว คือเซฟโซนที่ปลอดภัย และแสดงความเป็นตัวเองได้ดีที่สุด 

    "จงอย่าเปิดประตูออกไป" "คนข้างนอกกำลังพูดถึงเรารึเปล่านะ" "มันอันตราย"  เสียงที่วนอยู่ในหัวตัวเอง อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว

    "ลองเปิดประตูไหม ไปทำในสิ่งที่เธอชอบสิ ลองเปิดสักครั้ง สองครั้งคงไม่เป็นไร" "ความสุขของเธอคือการร้องเพลง ฟังเพลงไม่ใช่หรอ ลองก้าวขึ้นเวทีดูสักครั้ง"  สองจิตสองใจ และแล้วก็ลองเลือกเปิดประตูไปทำตามความฝัน เรียนร้องเพลงที่ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี กับครูคนเกาหลีถึงสองคอร์ส และได้ลองขึ้นเวทีโชว์ความสามารถให้คนอื่นได้เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต สิ่งที่ฉันได้คือ รุ่นน้องและเพื่อนใหม่ ๆ ที่ทำให้ฉันได้ไปแสดงแฟลชม็อบเต้นระบำเกาหลีออกสกู๊ปทีวีข่าวของเกาหลี ดูเหมือนจะดีขึ้นใช่ไหมหละ แต่ไม่หรอก นี่คือตัวฉันในอีกแบบนึงเท่านั้นเอง ฉันเปิดประตูเดินออกไป แต่ฉันล็อคไม่ให้คนอื่นเข้ามาได้  การทำแบบนี้ในหลายต่อหลายครั้ง ทำให้พลังงานหมดอย่างรวดเร็ว มันเหนื่อย และวนลูปกลับมาที่เดิม 

    "เข้ามาข้างในเธอจะรู้สึกปลอดภัย ข้างนอกไม่เห็นมีอะไรสนุกกับเธออีกแล้ว" ความสุขเล็กค่อย ๆ จางหายไปอีกครั้ง ความวิตกกังวล ความหวาดระแวงในสายตาคนอื่นกลับมาอีกแล้ว  เสียงที่คอยกระซิบบอกว่า เธอเป็นภาระคนในครอบครัว การตบตีตัวเอง ทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงกดหัวลงถังน้ำ ความสว่างที่มองไม่เห็น ยิ่งมึดลงจนกลายเป็นสีดำ ร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ร้องไห้ให้กับอะไรที่สะกิตใจนิดหน่อย และแล้วก็มีคนไขประตูเข้ามาในกำแพงของฉัน มือของแม่ที่จับฉันไปหาจิตแพทย์ แล้วคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ
    ในระยะสองปีที่ผ่านมา ถึงแม้แสงเล็กน้อยที่กำลังเข้ามา ถึงแม้ว่าฉันยังไม่หายดีในตอนนี้ แต่จิตใจก็ดีขึ้นมากแล้ว ขอแค่ใครสักคนเข้าใจ

    "ถ้าเป็นคุณจะเลือกเปิดหรือปิดประตู"


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in