รีวิว Tom Ford Tuscan Leather โดยเจมส์บูแคแนนบาร์นส์
กลิ่น: 8/10
ความติดทนนาน: 7.5/10
ความสามารถในการทำให้เจมส์บูแคแนนบาร์นส์เสียสติ: 9/10 (จริงๆก็10 นั่นแหล่ะแต่เดี๋ยวไอ้สตีฟมาเห็นมันจะได้ใจ)
8
.
.
11
.
.
ไม้สน?
.
.
.
17
อืม.. แล้วก็ซิตรัส?
ไม่ๆเหมือนจะเป็นราสเบอรี่ย์มากกว่า
.
.
.
22
แอบมีกลิ่นขมจางๆเหมือนหญ้าฝรั่นปนกับกลิ่นคล้ายกับเครื่องหนังใหม่ๆ
.
.
25
.
.
บัคกี้บาร์นส์ไม่เคยนึกอยากทำงานชั้น 60 มาก่อนแต่เมื่อมองตรงไปยังจอมอร์นิเตอร์ที่ทำหน้าที่บอกชั้นของอาคารที่ลิฟต์เคลือบแก้วสีดำขลับนี้กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปใกล้กับชั้น 27 ซึ่งเป็นจุดหมายเขาก็นึกเสียดายขึ้นมาในใจอยากจะขอให้ลิฟต์มันค้างไว้ตรงนี้เสียเลยแต่ก็นั่นแหล่ะเขาไม่อยากเข้างานสายแล้วไอ้อาการลิฟต์ค้างนั่นก็น่ากลัวเกินไป
ต่อให้มันจะช่วยต่อเวลาในการเดากลิ่นน้ำหอมของสตีฟได้นานขึ้นก็ตาม
Ting!
เสียงเตือนดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออกณ ชั้น 27 เขาและคนอีก 4-5 คนเดินออกมาจากตัวลิฟต์และตรงไปที่หน้าสำนักงานอันเป็นที่ตั้งของบริษัทออกแบบโฆษณาชื่อดัง สตีฟเดินนำไปก่อนแสกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตูบริษัทแต่ก็ไม่ลืมจะยันประตูค้างเอาไว้จนเขาเดินผ่านเข้ามา
“กาแฟเลอะปาก” บัคกี้แลบลิ้นออกเสียคราบที่น่าจะติดอยู่ที่มุมปากด้านซ้ายตามที่สตีฟชี้บอกเขาแอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของผู้ชายวัย 30 ข้างๆ ตัวบัคกี้ยื่นมือไปผลักต้นแขนของสตีฟไม่แรงมากนักแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สำนึกแล้วยังหัวเราะออกมาดังกว่าเดิมรอบนี้สตีฟเดินเฉียดเข้ามาใกล้เสียจนกลิ่นหอมเย็นๆนั้นแตะจมูกอีกครั้ง
เหมือนดอกไม้แห้งด้วยแหะ
“บายแล้วเจอกัน” บัคกี้ขืนตัวเองออกมาจากพื้นที่ข้างๆ สตีฟด้วยความยากลำบากเสียยิ่งกว่าการกัดฟันลุกจากเตียงในตอนเช้า เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากมันเป็นสถานการณ์ที่ต้องลุกจากเตียงที่มีสตีฟอยู่ด้วยมันจะยากขึ้นไปอีกกี่ร้อยล้านเท่า
เตียง
สตีฟ
เขา
ให้ตายนี่มันเพิ่งจะ 9 โมง 12 นาที
เขาจะมีชีวิตรอดจนหมดวันไปได้ยังไงไหว!
“...”
ภาพที่สมองแสนรู้ดันสร้างขึ้นมาภายในเวลาไม่ถึงวินาทีมันทำให้เขาหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆจังหวะเดียวกันกับที่สตีฟชะโงกหน้าหันมาหาเขาที่ก้มหน้าสะบัดหัวไล่ความคิดชวนวูบวาบออกไปจากหัว
“โอเคมั้ยเนี่ย”
“โอเค”
“จ้องแค่นี้ก็เขินจนตัวร้อนแล้วเหรอ”
“ใครเขิน!”
“แล้วงี้ถ้าขอคบขึ้นมาจริงๆนายไม่หัวใจวายตายต่อหน้าฉันเลยเหรอ”
“!!!”
“งั้นยังไม่ขอแล้วกันไปรักษาหัวใจให้แข็งแรงก่อนนะครับคนเก่ง”
แล้วไอ้ชั่วที่ชื่อว่าสตีฟก็เดินจากไปโดยทิ้งไว้เพียงรอยจูบเบาที่ข้างแก้มเขา
“วันนี้บอกคุณเอเวอเรตต์เลยนะว่ามีโปรเจคอะไรโยนมาให้หมด คุณบาร์นส์เขาพกกำลังใจมาเต็มกระเป๋า” เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแซม วิลสัน เพื่อนสนิทตั้งแต่มหาลัย เพื่อนบ้าน ลูกน้องแฟนของลูกพี่ลูกน้อง และมารผจญในชีวิตของเขาที่พูดขึ้นมา แซมยักคิ้วใส่เขาพลางจิบกาแฟในแก้วตัวเองอีกอึกใหญ่ วันด้า แมกซิมอฟฟ์ หนึ่งในแฝดนรกประจำทีมครีเอทีฟที่นั่งอยู่ข้างๆแซมก็หัวเราะตาม
เรื่องของเขาและสตีฟไม่ได้เป็นเรื่องเกือบลับน่าลุ้นเอาไว้ซุบซิบกันเงียบๆ ในบริษัทอีกแล้ว นับตั้งแต่วันที่เขาออกไปหาขนมกินด้วยกันวันนั้นแล้วดันมีคนตาดีไปเจอโมเม้นท์ไฮไลท์ของเขาสองคนเสียเต็มตา
ถ้าหากคนที่มาเห็นเขาและสตีฟจูบกันอยู่ใต้กันสาดของร้านซอฟต์เสิร์ฟนั้นไม่ใช่ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เขาอาจจะยังพอมีหวังให้เรื่องราวของเขาและสตีฟพอจะเงียบๆ อยู่บ้าง
แต่ในจังหวะที่ละออกมาจากจูบที่ดีที่สุดตลอด 29 ปีที่ผ่านมาแล้วมองเลยไปเจอกับหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนเด็กอมกบไว้ในปากของพาร์คเกอร์แล้ว.. บัคกี้จำได้ว่าเขาพิงตัวเข้ากับไหล่สตีฟแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ มันตลกดีที่ตอนนั้นสตีฟนึกว่าเขาไม่ชอบใจหรือไม่สบายใจกับสัมผัสหลุดโลกนั้น จนกระทั่งบัคกี้พึมพำเข้ากับหัวไหล่ของสตีฟเพียงแค่ว่า‘พาร์คเกอร์เห็นแล้ว’
จะว่าไปรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสตีฟวันนั้นเขาไม่มีทางลืมได้เลย
ที่ติดใจเขาอยู่ก็คงเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ต่างออกไปจากเดิมทุกทีที่ผ่านมากลิ่นที่เขาจำได้จากในลิฟต์ บนรถยนต์ของสตีฟ เสื้อที่สตีฟเคยให้ยืมและ...วันนั้นใต้กันสาดของ Edwin’s Soft Serve
ลางานได้มั้ย?
ไม่สิพรุ่งนี้มาทำงานพร้อมสตีฟก็เสียสติแต่เช้าอีกอยู่ดี งั้นลาออกเลยดีกว่า!
Rrrr
บัคกี้ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเมื่อโทรศัพท์เครื่องบางเครื่องเดิมสั่นน้อยๆ พร้อมกับแสงกะพริบจากหน้าจอเมื่อใส่รหัสเรียบร้อยบนจอสีสว่างก็ปรากฏข้อความจากเจ้าของชื่อ Steve G. Rogers
‘Tom Ford Tuscan Leather’
‘อะไร’ บัคกี้พิมพ์ตอบด้วยความเร็วสูงแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพิมพ์ตอบเร็วเกินไปจนดูเสียฟอร์มมันก็ไม่ทันเสียแล้วสตีฟอ่านมันแล้วและกำลังพิมพ์ตอบกลับมา
‘เห็นดมๆฟุดฟิดๆที่ไหล่มาตั้งแต่ในลิฟต์เมื่อเช้าแล้ว’
‘ก็เลยมาเฉลย เดี๋ยวจะมีคนไม่มีสมาธิทำงานแล้วมาตีทีหลังอีก’
‘สำคัญตัว’
‘แล้วยิ้มทำไม’
‘แอบมองเหรอไอ้โรคจิต’
‘ไม่ได้อยากมองแต่ตามันไปหยุดที่โต๊ะใกล้ๆเครื่องถ่ายเอกสารตลอดเลยสงสัยเจ้าของโต๊ะน่ารัก’
‘อ้วก’
‘ชอบป่ะน้ำหอมอะ’
‘ก็ดี’
‘วันนี้กลับด้วยกัน เดี๋ยวจะทำให้เป็นกลิ่นเดียวกันทั้งตัวเลย’
.
.
“ทำไรวะ” บัคกี้เขยิบตัวหนีเมื่อเพื่อนสนิทคนเดิมนามว่า แซม วิลสัน ไถเก้าอี้จากโต๊ะข้างๆ มาติดกับเขาก่อนจะย่นจมูกทำหน้าฟุดฟิดๆ ใกล้กับช่วงไหล่ของเขา
“กลิ่นคุ้นๆ มึงใช้น้ำหอมไรอ่ะ”
“...”
อย่าเลิ่กลั่ก
ทำได้น่าบัคกี้
ไม่เช่นนั้นเรื่อง’เมื่อคืน’มันจะไม่ได้รู้กันแค่สองคนระหว่างเขากับสตีฟอีกแล้ว
“ทอมฟอร์ด” วิลสันเลิ่กคิ้วก่อนจะไถเก้าอี้กลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองเมื่อเห็นเพื่อนกลับไปยังที่ทางของตัวเองอย่างสงบปราศจากเสียงโวยวายหรือการโห่แซวบัคกี้ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เตียงสตีฟนอนสบายมั้ย”
“ก็โอเ-....”
the end and tbc.
——————
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in