the boy who looks like a iris flower
beautiful, innocent and fragile
1. iris flower and first time
ผมเจอเขาครั้งแรกในเช้าวันอาทิตย์อันขมุกขมัว ภายใต้เมฆสีเทาหม่นและหยาดฝนเม็ดเล็กโปรยปรายเย็นเยียบของต้นเดือนตุลาคม เด็กชายใต้ร่มคันใหญ่พร้อมกับหญิงสาวในชุดกระโปรงยาว คาดการณ์จากรอยหยักในสมองอันน้อยนิดว่าเด็กชายที่ถือดอกไอริสไว้แนบอกคงจะเป็นลูกชายและหญิงสาวก็คือภรรยาของคุณลีโอ—นายเหนือหัวของเบนจามิน, มือข้างหนึ่งของผมเปิดประตูรถม้าส่วนอีกข้างผายเชิญให้ผู้โดยสารในวันนี้ทั้งสองเข้าไปนั่งด้านใน รถเอนเอียงเล็กน้อยเมื่อรับน้ำหนัก ผมจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ครั้นกำลังจะหันหลังเดินไปประจำที่นั่งสารถีด้านบน—ดอกไม้สีม่วงเข้มยื่นมาตรงหน้า ดอกไอริสและเจ้าของมือเล็กที่ยื่นมาส่งยิ้มกว้างให้กัน ดูสดใสยิ่งกว่าแสงพระอาทิตย์ตอนเที่ยงตรง
“สวัสดีครับพี่ชาย ผมชื่อไอริส”
ในวันนั้นผมได้รับดอกไอริสจากเด็กชายที่มีชื่อว่าไอริส
2. butter cookie
เราพบกันครั้งที่สองที่เดิมที่รถม้าของผม แต่คราวนี้เด็กชายตัวจิ๋วเดินออกมาคนเดียวพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เสื้อลายทอของเขาพองออกอย่างเห็นได้ชัด, ท่าทางดูมีพิรุธจนผมแอบหัวเราะ เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มสูงประมาณเอวจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า—รอยยิ้มสว่างจนต้องหรี่ตาส่งให้กันอีกครั้งเขาเปิดเสื้อออกเพื่อหยิบยื่นถุงปริศนาใต้ท้องนั้นให้
“ผมให้”
ถุงกระดาษสีเข้ม มัดไว้ด้วยโบว์ไม่เป็นระเบียบ ผมรับไว้แล้วก้มลงพินิจมองว่าของด้านในคืออะไรอย่างตื่นเต้นนี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เบนจามินได้รับสิ่งของจากคนแปลกหน้า ถ้านับเงินค่าโดยสารกับหนังสือพิมพ์รายวันที่ตู้จดหมายในทุกๆเช้า—ผมเลิกคิ้ว รู้สึกประหลาดใจมากกว่าจะรู้สึกดีใจเมื่อแกะโบว์มัดถุงนั้นออก กลิ่นไหม้อ่อนๆ ปะทะจมูกเป็นกลิ่นแรก ก่อนจะตามด้วยกลิ่นหอมเบาของเนยและน้ำตาล คุกกี้เนย—แต่ก่อนที่ผมจะได้เงยหน้าขึ้นเพื่อขอบคุณน้ำใจของเด็กหนุ่มร่างขาวจิ๋วก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว เบนจามินจึงทำเพียงส่งยิ้มให้ประตูที่ไม่ทันปิดสนิท พูดขอบคุณในใจ หวังว่ามันจะส่งไปถึงเด็กชาย
4. chocolate cookies
สองสามวันถัดมา พวกเราเจอกันอีกครั้งที่รถม้าของผม ตำแหน่งเดิม, หน้าบ้านตระกูลแบร์นาร์ด แต่ที่ต่างออกไปคงจะเป็นท่าทีเศร้าสร้อยของเด็กชายไอริส, ถุงขนมสีน้ำตาลเข้มอยู่ในอ้อมกอด ไม่ได้อยู่ใต้เสื้อตำแหน่งท้อง กับภรรยาของคุณลีโอที่เดินจูงมือออกมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้มเบาบาง
“คราวก่อนขอโทษด้วยนะคะที่ไอริสทำอะไรโดยพละการ”
“หวังว่าคุณจะรับคำขอโทษจากเขานะคะ”
หญิงสาวกล่าว พร้อมกับเด็กชายที่ก้าวเข้ามาใกล้ แล้วยื่นถุงขนมในอ้อมกอดให้แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีที่ผมรับถุงนั้นไว้
ผมเปิดถุงขนมออก คราวนี้มันถูกมัดปากถุงอย่างเรียบร้อยด้วยโบว์สีแดง เมื่อเปิดถุงออก ไม่มีกลิ่นไหม้ แต่เป็นกลิ่นหอมของช็อกโกแลตอ่อนๆ เตะจมูก, ผมกินและพบว่ามันไม่อร่อยเท่ากับคุกกี้เนย
4. fragile iris
เย็นวันอาทิตย์ วันนี้ผมไม่มีธุระต้องไปรับส่งคุณลีโอหรือครอบครัวของเขาเนื่องจากวันหยุดหนึ่งวัน ขณะควบขี่เรมี่ ม้าสีดำสนิทที่ตกทอดมาจากคุณพ่อไปตามทางหินบนถนนที่คุ้นตา—แวะทักทายคุณป้าโรซี่ร้านขายดอกไม้ และคุณจอร์จร้านขนมอบสำหรับมื้อค่ำวันนี้ เบนรั้งเชือกให้ม้าเทียมก้าวช้าลงก่อนจะหยุดนิ่งที่หน้าร้านขายผ้า—เด็กชายสวมเสื้อกั๊กสีม่วงดอกไอริสทับเชิ้ตสีขาวกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนฟุตบาท ผมไม่ทันเห็นว่าในมือเล็กนั้นกำลังกำอะไรไว้อยู่ อาจจะเป็นผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษ น่าสงสารที่มันถูกกำแน่นจนยับย่น คล้ายกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ัยับย่น, เกรอะกรังด้วยคราบน้ำตาหลังจากเงยหน้าขึ้นมองกัน ผมลงจากรถม้าแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมเศร้า”
เด็กชายปาดน้ำตา, สูดน้ำมูก
“ให้พี่ไปส่งบ้านไหม”
ผมเลือกจะไม่ถามถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า, เหตุผล เพราะผมก็แค่พลเมืองดีที่บังเอิญผ่านมาเจอเด็กกำลังนั่งร้องไห้ในที่ที่ไม่ควรอยู่
“ไม่”
เขาบอก หันหลังมองเข้าไปในร้านขายผ้า เบนมองตามเข้าไปก็พบกับหญิงสาว ภรรยาคุณลีโอที่กำลังพูดคุยกับเจ้าของร้านขายผ้าอย่างออกรส คงไม่ทันสังเกตว่าลูกชายคนดีออกมานั่งร้องไห้อยู่หน้าร้านนานเท่าไหร่แล้ว
“ผมไม่อยากกลับบ้าน”
“พาผมไปที่ไหนก็ได้ นะครับ”
สามัญสำนึกของชายวัยย่างสามสิบของเบนจามินทั้งหนักแน่นและอ่อนไหวในเวลาเดียวกัน เมื่อสบสายตากับนัยน์ตาสีฟ้าใส น้ำตาคลอหน่วยใกล้จะไหลลงอาบแก้มตรงหน้า—สุดท้ายจึงอ่อนไหวและใจอ่อน ผมมองเข้าไปในร้าน สังเกตว่าเจ้าหล่อนคงจะไม่ทันมองออกมาเห็นชายขับรถม้ากำลังอุ้มลูกชายของเธอขึ้นหลังม้าในตอนนี้ คาดว่าหลังจากนี้ผมคงจะต้องอธิบายกับคุณลีโออีกยาวเกี่ยวกับเรื่องนี้—ผมกร่นคำหยาบที่เด็กชายวัยสิบต้นที่นั่งอยู่ในวงแขนของผมไม่ควรได้ยินในใจ ขณะควบม้าออกไปจากเส้นทางกลับบ้าน—สถานที่ลับที่ใช้ปลอบใจพระอาทิตย์ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
5. sunshine is your smile
"ไอริส"
ผมเรียกเมื่อจอดม้าเทียบต้นไม้ใหญ่ เด็กชายที่กำลังหลับในอ้อมแขนค่อยๆ ลืมตาขึ้น กำมือเล็กขยี้ตาไปมา แล้วกวาดสายตามองไปรอบด้าน ก่อนที่ดวงตาที่เคยปรือปรอยเพราะยังง่วงงุนเบิกกว้าง, รอยยิ้มสว่างจ้าเหมือนพระอาทิตย์ตอนเที่ยงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
"ที่นี่ที่ไหนครับ"
"ที่ปลอบใจพระอาทิตย์ไง"
ผมตอบเช่นนั้นก่อนจะลงจากหลังม้าแล้วอุ้มไอริสตามลงมา,
กอบกุมมือเล็กนั้นไว้ก่อนจะจูงพาเดินเข้าไปในสวนดอกไอริสสีม่วงเข้มอ่อนไล่สี กำลังไหวพลิ้วไปตามลมอ่อนๆ—
ผมเรียกที่นี่ว่าสถานที่ลับของเบนจามินเพราะผมมักจะมาที่นี่เมื่อรู้สึกเศร้าใจ คนเดียว ตั้งแต่เด็กๆนี่เป็นครั้งแรกที่ผมยอมให้คนนอกเข้ามาในสถานที่ลับของผมผมหันไปมองเมื่อนั่งลงตรงที่ว่างกลางสวน มีหินสลักเอาไว้ด้วยลายมือห่วยๆ ตอนเด็กของผมว่า “benjamin’s” วางอยู่ข้างที่ว่าง, คนแปลกหน้าในสวนดอกไม้ยกยิ้มสว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ไม่ยอมหุบ ดวงตาสีฟ้าใสราวกับเป็นประกายเมื่อมองไปรอบๆ
"ชอบไหม"
"ชอบมากๆเลยครับ"
เด็กชายไอริสพยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาคงไม่เหมาะกับเด็กคนนี้จริงๆ ผมคิดแบบนั้น ขณะที่เริ่มมองไปรอบๆ บ้าง ก่อนที่มือขาวกับเศษขนมบางอย่างที่แหลกไม่เป็นชิ้นในกระดาษจะยื่นมาบดบังวิวเบื้องหน้า
"แทนคำขอบคุณครับ แต่ว่ามันไม่น่ากินแล้ว"
ใบหน้าน่ารักบู้บี้ แต่เบนจามินกลับยกยิ้ม
"ไม่เห็นเป็นไรเลย"
ผมว่า ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเศษคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก, กลิ่นไหม้กับกลิ่นเนยอ่อนๆ เตะจมูก ทำหน้าตามีความสุขเสียจนเด็กชายกระพริบตามองปริบๆ
"อร่อยจะตายไป"
ไอริสยังมองผมนิ่งราวกับไม่เชื่อใจกัน จนกระทั่งเอื้อมมาหยิบเศษขนมไปกินบ้างก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มบู้บี้อีกรอบ คราวนี้ยับย่นกว่าเดิมจนเบนจามินหัวเราะร่า
"ไม่เห็นจะอร่อยเลย โกหกผมเหรอ"
"พี่ไม่ได้โกหก มันอร่อยจริงๆ" ผมบอก ย้ำคำพูดด้วยการหยิบเศษคุกกี้ชิ้นใหญ่เข้าปากอีกรอบ "สำหรับผม คุณหนูทำอะไรก็อร่อยทั้งหมดนั่นแหละครับ"
ผมยิ้มหลังพูดจบ ส่วนไอริสกระพริบตามองเขาปริบๆ แล้วยกยิ้มกว้างเช่นเดิม เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก ไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้สึกหรือเข้าใจความรู้สึกที่ไม่เคยมีใครคอยสอน—แสดงความดีใจแบบเด็กๆ ด้วยการโผเข้ากอดจนผมที่ยังไม่ทันตั้งตัวหงายลงไปนอนอยู่บนพื้นหญ้าโดยมีเด็กตัวจิ๋วทับอยู่ด้านบน
"คราวหน้าเดี๋ยวผมทำช็อกโกแลตคุกกี้ให้นะ"
"แม่คุณหนูจะไม่ว่าเหรอครับ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย" ไอริสว่า รอยยิ้มสว่างกว่าพระอาทิตย์เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มซนเหมือนเด็กๆ "ผมก็แอบเอามาให้พี่ไงครับ ในท้องนี้เลย"
"พี่ก็มีอะไรจะให้เหมือนกัน"
เด็กชายเอียงคอมองฉงน ส่งคำถามด้วยสายตา
"ไว้คราวหน้าที่เจอกันนะครับ"
พวกเขาลุกขึ้นจากพื้นพลางปัดเศษหญ้าออกจากตัว เมื่อถึงเวลากลับ, ผมไปส่งไอริสที่หน้าบ้าน โดยที่เด็กหนุ่มบอกว่าจะปิดปากเงียบเรื่องของผม และแก้ตัวว่าตัวเองวิ่งซนจนหลงทางเอง—ผมยังไม่ได้กลับบ้าน แต่แวะที่ร้านคุณป้าโรสก่อนกลับ เก็บของที่ได้จากร้านไว้อย่างดีในกระเป๋าเสื้อ
6. see you next time
พวกเขาเจอกันอีกครั้งในเช้าวันที่อากาศแจ่มใส เมฆสีเทาหม่นหมองที่เคยปกคลุมทั่ว ย้อมทั้งเมืองเป็นสีเทาเกือบสองอาทิตย์วันนี้ลางาน ท้องฟ้าสีฟ้าครามใสจนไม่คิดว่าอยู่กลางเดือนตุลาคม—ผมขับเทียบรถม้ามาจอดอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลแบร์นาร์ด, ลงจากที่ประจำสารถี ถอดหมวกทรงสูงออก ทาบมันไว้ที่อกขณะก้มหน้าลง เมื่อคุณลีโอและครอบครัวเดินออกมาจากบ้าน
เด็กชายในเสื้อกั๊กสีเหลืองอ่อนกับกางเกงสั้นเหนือเข่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา เสียงเรียกชื่อ "ไอริส! อย่าวิ่งสิลูก" ดังตามหลัง—เด็กตัวสูงเท่าเอวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กัน พร้อมกับถุงขนมในมือเล็กเอื้อมมาตรงหน้า ผมรับมันไว้พอดีกับที่ไอริสถูกเจ้าหล่อนที่เดินตามมาได้ทันดันหลังให้เข้าไปนั่งด้านใน แต่เด็กดื้อก็ยังคงหัวรั้น ยื่นหน้าออกมา ดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกายต้องแสงแดดยามบ่ายแก่ ราวกับรอคอยบางอย่างที่พี่ชายคนเทียมม้าเคยสัญญากันไว้
ผมยกยิ้มแล้วหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ, เด็กชายดูท่าทางฉงนแต่ก็รับดอกไม้สีแดงสดไว้
"สวัสดีครับน้องชาย พี่ชื่อเบนจามิน"
ในวันนั้นเด็กชายได้รับดอกเบนจามินจากผมที่ชื่อเบนจามิน
ส่วนผมได้รับสิ่งตอบแทนเป็นรอยยิ้มที่สว่างกว่าพระอาทิตย์
#choseokweekly
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in