ที่ปรึกษาของตำหนักอัญเชิญเป็นชายวัยกลางคนผู้น่าหวาดหวั่น ชายผู้นั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก น่าเกรงขามยิ่งนัก ทั้งยังทรงอำนาจเสียจนสามารถสยบความวุ่นวายใดๆก็ตามในตำหนักของตนลงได้เพียงการปรายตา
หากที่ปรึกษาผู้น่าหวั่นเกรงแห่งตำหนักอัญเชิญก็ไม่ได้มีแต่เพียงด้านที่เข้มงวดจริงจังแต่เพียงด้านเดียว นอกจากเรื่องที่ว่าเขาแพ้ทางท่านเจ้าตำหนักอยู่หลายส่วนแล้วนั้น ก็มีเรื่องเล่าขานกันมาในหมู่คนของตำหนักอัญเชิญว่าท่านที่ปรึกษาของพวกตนนั้นอ่อนโยนนักเมื่อไม่ได้อยู่กับมนุษย์ อ่อนโยนนุ่มนวลอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับสัตว์หน้าขนจำพวกแร็กคูน...
"ข้าเคยเห็นขอรับท่านเจ้าตำหนัก" คนสวนนายหนึ่งซุบซิบ "วันนั้นข้าเห็นแร็กคูนเดินอยู่ในสวน ข้านึกว่าข้าต้องตายแน่ๆหากท่านที่ปรึกษาผ่านมาเห็นเข้า ข้าก็เลยตามมันไป จะจับมันไปปล่อยนอกตำหนัก แต่ท่านเอ๊ยยย พอเดินตามแร็กคูนนั่นไปเท่านั้นแหละ ข้าก็เจอท่านที่ปรึกษากำลังเล่นอยู่กับแร็กคูนล่ะขอรับ ข้างี้ตกใจแทบแย่"
"ข้าเคยเห็นเจ้าค่ะท่านเจ้าตำหนัก" คนครัวนางหนึ่งกระซิบกระซาบ "ท่านที่ปรึกษามาขอปลาที่โรงครัวเจ้าค่ะ วันนั้นไม่รู้อะไรมาดลใจให้ข้าแอบตามท่านไป แล้วข้าก็เจอท่านกำลังให้อาหารแร็กคูนอยู่เจ้าค่ะ ข้างี้ทำไรต่อไม่ถูกเลยเจ้าค่ะ"
"ข้าเคยเห็นขอท่านเจ้าตำหนัก" ลูกศิษย์คนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง "ข้าเคยเห็นท่านอาจารย์หลับไปโดยมีแร็กคูนนอนอยู่ข้างๆ คาถงคาถาที่เรียนมางี้กระเจิงหายหมดเลยขอรับ เหมือนข้าไปเห็นอะไรที่ต้องห้ามเข้า รีบหลบแทบไม่ทัน"
นายเหนือแห่งตำหนักอัญเชิญลูบคาง ชายหนุ่มคิดว่าเขานั้นรู้จักที่ปรึกษาของตนดีกว่าผู้ใด แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชายผู้นั้นจะชื่นชอบสัตว์หน้าขนที่เรียกว่าแร็กคูนอะไรนั่นขนาดนั้น
เขากำลังอิจฉา เขาอยู่กับชายผู้นั้นมานาน แต่กลับไม่เคยเห็นท่าทางอ่อนโยนใดจากที่ปรึกษาของตนมากไปกว่าการยอมงดการเทศนาเขาบ้างในบางโอกาส ดังนั้นชายหนุ่มจึงอิจฉา อิจฉาทั้งพวกคนในปกครองที่ได้เห็นยามชายผู้นั้นละลายท่าทีเย็นชาของตนลง อิจฉาทั้งเจ้าสัตว์พวกนั้นที่ได้คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
คัตสึมิขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน ก่อนแผนการชั่วร้ายบางอย่างจะก่อตัว...
--------------------------------
ผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสูงสุดแห่งตำหนักอัญเชิญขมวดคิ้ว ที่มิติเอกเทศแห่งนี้ไม่มีสัตว์ อาจมีพวกแมลงบ้าง แต่ไม่มีสัตว์อื่นใดนอกจากนั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่จะมีสัตว์ใดๆมานั่งตาแป๋วจ้องมองเขาอยู่ที่หน้าประตูเรือนพักเช่นนี้
มาซายูกิ โชตะมองสัตว์ตรงหน้า มันเป็นสัตว์ขนฟูที่มีรอยดำคาดเป็นหน้ากาก และมีพวงหางลายขีดสีดำตัวหนึ่ง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนนำมันมาสู่เขา ชายวัยกลางคนรู้อยู่เสมอว่าสักวันมันคงเกิดขึ้น วันที่ข่าวลือเรื่องที่ว่าเขาเคยให้อาหารแร็กคูนนั้นจะดังไปถึงหูของเด็กเจ้าปัญหาผู้มีศักดิ์เป็นนาย
เขารู้ว่าเด็กคนนั้นจะหาทางใช้ประโยชน์อะไรบางอย่างจากเรื่องนั้น อาจจะเอามาล้อเลียนกวนประสาท หรือต่อรองงอแงขอเลี้ยงสัตว์ไว้ในตำหนักบ้าง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ชายวัยกลางคนก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็กตรงหน้าขึ้น ในดวงตาสีเข้มของเขามีแววขันซ่อนลึก เขากอดสัตว์ผู้มาเยือนไว้แนบอก ก่อนก้มลงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของมัน
"ข้ารู้ว่าเป็นท่าน ท่านเจ้าตำหนัก"
สัตว์ในมือพองขนราวกับฟังความนั้นเข้าใจ
"ข้าไม่ว่าอะไรหรอก หากท่านจะอยากก่อกวนข้าด้วยการแปลงร่างเป็นอะไรก็ตามที่ท่านคิดว่าข้าเอ็นดู"
เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนเริ่มดิ้น
"ข้าเพียงอยากจะบอกท่านว่า ก่อนที่ท่านจะแปลงเป็นแร็กคูนไปหลอกใคร ท่านควรแยกแร็กคูนกับทานุกิให้ออกเสียก่อน..."
แร็กคูนปลอมในมือเขาขู่แฟร่! มันดิ้นแต่เขายังไม่ยอมปล่อย เพียงแต่ยืดแขนออกไปให้พ้นจากรัศมีที่แขนสั้นๆของแร็กคูนปลอมนั่นจะข่วนถึง
"คืนร่างเสียเถิดนายข้า ที่ตำหนักอัญเชิญแห่งนี้ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ท่านก็รู้" เขาว่า ก่อนปล่อยทานุกิน้อยนั่นลงสู่พื้น หากทานุกิจำแลงนั่นยังไม่ยอมคืนร่าง มันเพียงทำขนพองขู่ใส่ก่อนผลุบหายเข้าไปในเรือนพักของเขาอย่างไม่ยอมจำนน
ที่ปรึกษาสูงสุดของตำหนักอัญเชิญตามร่างเล็กนั่นเข้าไป ก่อนพบมันทำหน้าบูดบึ้งอยู่บนเบาะรองนั่งในส่วนรับแขก
"เจ้าคนใจร้าย! ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบเลี้ยงแร็กคูน แถมทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่พวกมันด้วย ข้าไม่กลับร่างข้าหรอก!" แร็กคูนปลอมประกาศกร้าว
คนโดนกล่าวหาเลิกคิ้วขัน แล้วนั่งลงที่เบาะอีกฝั่งของทานุกิเจ้าปัญหา
"ข้าเลี้ยงแร็กคูน? ข้าทำเสียงอ่อนเสียงหวาน? ท่านไปได้ยินเรื่องแบบนั้นมาจากไหนกัน หือ?"
"..." ทานุกิเสตาหลบ โชตะมองตาม เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วว่าต่อ
"พวกคนงานเล่าให้ท่านฟังล่ะสิ? ท่านของข้า ท่านเป็นเจ้าตำหนักนะรู้ไหม ท่านจะเชื่อคนง่ายอย่างนี้ไม่ได้ ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้ว" ที่ปรึกษาแห่งตำหนักอัญเชิญว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสียงนั้นยังไม่เย็น แต่ทานุกิที่ฟังอยู่รู้ดีว่าน้ำเสียงเรียบเรื่อยนั่นจะค่อยๆเย็นเยียบขึ้นตามความยาวของคำเทศนา แล้วคนที่จะโดนแช่แข็งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขาเอง
ทานุกิปลอมลอกแลกหาคนช่วย แล้วมันก็ระลึกได้ว่าที่เรือนพักส่วนตัวของที่ปรึกษาสูงสุดของตำหนักอัญเชิญแห่งนี้ย่อมไม่มีใครเข้ามาหากไม่มีเรื่องร้ายใด ซึ่งเรื่องร้ายที่ว่านั่นส่วนมากแล้วจะไม่เกิดขึ้นหากเขามิได้เป็นผู้ก่อขึ้นเอง
เจ้าตำหนักอัญเชิญในร่างสัตว์หน้าขนหูตกยอมจำนน ยกมือปางห้ามญาติให้อีกฝ่ายหยุด แต่ยังดื้อไม่ยอมคืนร่าง
"พอแล้ว! เจ้าบ่นแร็กคูนน่ารักๆแบบข้าลงได้ยังไงกันเจ้าคนใจร้ายนี่" มันทำหน้าบูด
"คืนร่างแล้วกลับไปทำงานเสียสิขอรับ แล้วข้าจะละเว้นหูท่านในครั้งนี้ให้" ชายวัยกลางคนว่า เว้นช่วงเล็กน้อยก่อนว่าต่อ "หรือไม่ก็เป็นทานุกิอยู่อย่างนั้น ฟังข้าบ่นสักยก แล้วโดนเอาไปปล่อยที่โลกเบื้องหน้าเหมือนแร็กคูนพวกนั้น"
"เจ้าเอาแร็กคูนพวกนั้นไปปล่อย?" ทานุกิจำแลงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารัก ส่วนคนฟังเพียงแต่ส่งสายตาเย็นๆไปยังอีกฝ่ายแล้วว่าต่อ
"ข้าบอกแล้วว่าที่นี่ห้ามเลี้ยงสัตว์"
ทานุกิยกยิ้มพอใจ มันลุกขึ้นจากเบาะนั่ง เดินเข้าไปคลอเคลียมนุษย์หนึ่งเดียวภายในห้องแล้วปีนขึ้นไปบนตักที่ปรึกษาของตน
"งั้นข้าคืนร่างก็ได้" มันว่า ก่อนไอมนตร์ของผู้ครองตำหนักอัญเชิญจะพุ่งวูบ แล้วทานุกิขนฟูก็กลับคืนสู่ร่างเดิมของตน
"พอใจหรือยัง" ผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าตำหนักว่า ทั้งๆที่นั่งแหมะอยู่บนตักของอีกฝ่าย
ที่ปรึกษาแห่งตำหนักอัญเชิญกวาดตาดูนายของตนอย่างเฉยชา ก่อนผลักร่างของเด็กหนุ่มออกให้พ้นตัก
“ยังขอรับ จนกว่าท่านจะกลับไปทำงานของท่านเสียก่อน” เสียงนั้นยังคงเรียบเฉย
คนโดนไสส่งทำหน้าบูดบึ้ง
“ก็ได้ครั้งนี้ข้าจะยอมให้” เด็กหนุ่มว่า แล้วกระทืบเท้าออกไป โดยมีสายตาเอ็นดูปนระอาของผู้สูงวัยกว่ามองตามหลัง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in