Type : SF
Paring : Ae Jirakorn & Tom Isara
Rate : PG
Talk : อ่านในจอยก่อนค่อยมาอ่านอันนี้จะได้ไม่งง นี่ทำเพื่อไม่ให้ตัวเองงง แต่งไปแต่งมาเนื้อเรื่องไปตีกันเองอีก อิเวง
หลังจากที่เหล่าคนต่ำตมได้ขอแยกตัวกลับหลังจากเยี่ยมคนป่วยมาร่วมวันเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญก็กลับมาเงียบจนน่ากลัว จิรากรก็เอนหลังลงนอนด้วยความอยากพักผ่อนเต็มทีเขาโดนสั่งให้นอนที่โรงพยาบาลเป็นเวลาห้าวันและคนเฝ้าก็มีแต่อิศราที่ทำงานฟรีแลนซ์เลยว่างมาดูแลแต่ตอนนี้เจ้าตัวต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าข้าวของทั้งของเขาและของตัวเองทำให้ตอนนี้จิรากรต้องอยู่คนเดียว
พอได้อยู่คนเดียวก็ได้แต่ฟุ้งซ่านนึกถึงคำพูดของพวกเพื่อนเวรที่แอบนินทาตอนเขาขี้อยู่แต่เผอิญหูดีไปได้ยิน
‘อิทอมทำตัวเหมือนเมียมึงเลยอิเจ๊’
'นี่ถ้าไม่สนิทกับพวกมันสองคนก็นึกว่าเป็นผัวเมียกัน'
คำพูดที่ไม่ได้ถูกกลั่นกรองตามสไตล์ผลิตโชคและปราโมทย์แต่มันดันทำให้เขาสะกิดใจบางอย่างซะอย่างนั้น
ทั้งการมาเฝ้าและดูแลอย่างใกล้ชิดโดยที่ไม่แม้แต่จะบ่นยกตัวอย่างง่ายๆก็ตอนที่บ่นปวดฉี่ พวกเพื่อนๆของเขาแต่ละคนเกี่ยงกันไปมาแต่อิศรากลับไม่พูดอะไรและพาประคองไปอย่างง่ายๆ
“โอ้ยยย ไอ้เวร”
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแปลกๆกับการกระทำทุกอย่างที่ผ่านมา
ตั้งแต่เข้ามาทำความรู้จักเมื่อสองปีก่อนคำพูดที่ชอบกระแหนะกระแหนเวลาเขาพาผู้ชายมาอวด(ถึงแม้นั่นจะเป็นเมียก็ตาม) การกระทำต่างๆที่เหมือนหึงหวงที่เขาเข้าใจมาตลอดว่ามันหวงเพื่อน
จิรากรได้แต่ลูบหน้าอย่างไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนเขาทำใจไม่ทัน
ก็ตุ๊ดเด็กที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูให้มันเติบโตออกล่าหาผัวได้มันดันชอบเขาเนี่ยนะ
“ไม่หรอก”
คนป่วยได้แต่สับสนกับตัวเองไม่รู้จะทำสีหน้าและรู้สึกอย่างไรแต่ที่แน่ๆตอนนี้เขาสับสนที่ตัวเองรู้สึกดีนี่แหละ..
เพราะไอ้พวกเวรที่มาทิ้งระเบิดไว้นี่แหละ…
หลังจากพยายามเลิกสนใจเลยทั้งโทรจิกและส่งข้อความหาคนที่ทำให้สับสนจิรากรได้ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะเลิกคิดเรื่องบ้าๆนี่ออกจากหัวให้หมด
แต่จะว่าไปตั้งแต่มันมาเฝ้าไข้ก็ไม่เห็นมันสาวแตกเลยสักนิด..
แม้จะเรียกสรรพนามแทนตัวเองเหมือนเดิมแต่ความรู้สึกมันต่างออกไปจากปกติ คนป่วยลูบคางพยายามคิดถึงพฤติกรรมแปลกๆอีกครั้งสลับกับสะบัดหัวไล่ความคิดเกี่ยวกับอิศราออกไปให้หมด
“มาแล้วๆ”เสียงหวานที่ติดโมโหนิดๆที่โดนจิกตามดังมาก่อนที่ร่างบางจะตามมาใบหน้ามุ่ยมองคนป่วยอย่างเคือง “จิกเว่อ ปวดฉี่หรือปวดขี้”
หลังจากวางของที่กลับไปเอามาและของกินต่างๆที่ซื้อมาก็เดินมายังเตียงจับเสาที่แขวนน้ำเกลือไว้แล้วยื่นมือมายังผู้ป่วยที่มองมาด้วยสีหน้าประหลาดๆ
“เจ๊”
“...”
“อิเจ๊ จะไปฉี่อยู่ไหม”
“...”
“เอ้า โดนเตะจนหูหนวกแล้วหรอ”
คนป่วยยังคงมองหน้าอีกฝ่ายตาไม่กระพริบอิศรามองอย่างสงสัยไม่ต่างกัน
หลังจากจ้องหน้ากันอยู่สักพักคนหน้าหวานตัดสินใจตะโกนใส่หูตัดรำคาญ จนจิรากรสะดุ้งหันมาจะด่าในทันที
แต่ทว่า...
ตอนนี้ใบหน้าทั้งคู่ห่างกันไม่เกินสิบเซนติเมตรความกะอักกะอ่วนเข้ามาแทรกในใจของจิรากรจนเขาอยากกัดลิ้นตาย และเป็นฝ่ายเขาที่หันหน้าหนีอย่างไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่
ถ้าไม่ได้คิดอะไรจะเขินทำไม..
“อิเวร กูตกใจหมด”
“ก็หนูเรียกเจ๊หลายรอบแล้วป่ะแล้วจะไปเข้าห้องน้ำอยู่ไหม”
“ไม่ไปแล้ว”
“อ่าเค เออเจ๊หนูไปบ้านเจ๊มาอิคนที่กระทืบเจ๊เอารถมาคืนที่เดิมเรียบร้อยเลยอ่ะ”
“หรอ..”
“เป็นไรป่ะเนี่ย”
“เปล่าหรอก กินข้าวมายัง”
“ซื้อสุกี้น้ำมา กินไหม”อิศรายิ้มตาหยีชูถุงอาหารที่ซื้อมาเพื่อหลอกล่อคนป่วยพร้อมหยักคิ้วกวนๆ“ตอนแรกว่าจะซื้อสุกี้แห้งที่เจ๊ชอบมาให้แต่ไม่รู้จะกินได้ไหม อันนี้จะกินได้เปล่าวะ”
คนหน้าหวานบ่นเรื่องการเคี้ยวเรื่องฟันที่หลุด บ่นนู่นบ่นนี่ไปตามประสาเด็กขี้บ่นโดยที่ในใจจิรากรได้แต่สะดุดประโยคเมื่อครู่
อิผลิต อิโอ๊ต อิว่าน อิป๊อปที่คบกันมานานกว่าเด็กตรงหน้ายังจำไม่ได้เลยว่าเขาชอบกินสุกี้แห้ง..
หลังจากกินสุกี้น้ำด้วยความยากลำบากในการเคี้ยวและทำทุกอย่างด้วยความเรียบร้อยอิศราที่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะต้องทนรำคาญเสียงเตียงในห้องผู้ป่วยรวมต้องคอยเฝ้าเขาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ผล็อยหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอนโดยที่แว่นและโทรศัพท์ยังคาอยู่อย่างนั้น
จิรากรลากสังขารลงจากเตียงมานั่งยองมองใบหน้าหวานที่เขานึกหมั่นไส้มาตลอดเพราะมันน่ารักจนเขาไม่อยากไปเที่ยวกับมันเพราะมันชอบแย่งผู้ที่เขาจ้องตลอดแต่ทุกครั้งมันกลับปฏิเสธซะด้วย..
มือเรียวของคนป่วยหยิบแว่นออกจากใบหน้ามนไปวางไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงหยิบโทรศัพท์ออกจากมือไปวางข้างๆกัน เขาเกลี่ยปอยผมที่ปลกลงมาแสงจากทางเดินหน้าห้องน้ำทำให้เห็นใบหน้าคนหลับไม่ชัดนัก แต่น่าแปลกความรู้สึกบางอย่างมันชัดในใจของเขามากเหลือเกิน
“มึงชอบกูหรอวะ”
เสียงแผ่วเบาที่ไม่ต้องการคำตอบดังออกมาอย่างปิดไม่อยู่
มือเรียวไล้ไปตามแก้มนวลความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานก็แทรกซึมเข้ามาในจิตใจอย่างที่ตัวจิรากรไม่อยากยอมรับใบหน้าคมของจิรากรโน้มตัวไปประทับริมฝีปากที่หน้าผากของคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของคนป่วยที่เครียดจนความดันขึ้นมาตลอดครึ่งวันและในที่สุดก็รู้ใจตัวเองได้อย่างไม่ยาก
“มึงอาจจะไม่ได้ชอบกูอย่างที่พวกแม่งบอก..”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“แต่กูว่ากูชอบมึงแล้วว่ะ”
TBC.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in