หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เหนือจริงอย่างมาก คือแบบแฟนตาซีแนวไม่สมจริง แต่กลับเป็นหนังสือที่อ่านแล้วสนุก แถมวางไม่ลงด้วยนะ เราอ่านไปประมาณสี่สิบนาที ก็อ่านจบ โดยที่หนังสือเล่มนี้ มีการสรุปลงท้ายว่า “ความสุขคืออะไร” ในแต่ละบทค่ะ
“หลงคิดว่าทางนี้คือทางสุข
หลงหลุดทุกข์และพบสุขทุกสถาน
หลงเดินทางผิดทางไปตามกาล
หลงเวลานานจนไร้สุขที่แท้จริง
อาจจะคิดว่าถึงสถานีแห่งสุข
และไร้ทุกข์เพราะถึงสถานที่นิ่ง
นำพาความสุขมาเจอแท้จริง
แล้วพบมิ่งขวัญสุขอยู่ที่นี้เอย”
ฉีปู่ตุ้น ตำรสจสายสืบวัยเกษียณอายุ ที่กำลังจะนำภรรยาที่รักไปท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ปรากฎว่า ภรรยาตายเพราะมะเร็งก่อน และลูกชายก็โกรธพ่อตัวเองมาก ทำให้ฉีปู่ตุ้นรู้สึกผิด แต่ตัดสินใจเดินทางไปตามหาความสุขจากสถานที่ต่างๆ โดยที่เขาจะแขวนป้ายว่า “ถึงสถานีแห่งความสุข แล้วปลุกฉันด้วย”
โดยที่เริ่มแรก ฉี่ปู่ตุ้นได้เดินทางไปท่องเรือกับกัปตันสาวขับเรือที่รู้จักกับเขา และเขาได้แยกทางกันกับกัปตัน โดยเขาไปหลายๆที่ โดยกินเวลา 3 ปี โดยเขาได้พบกับคนจำนวนมาก พบเรื่องราวมากมาย อย่างเช่น ยูตะที่รักในธุรกิจของพ่อแม่ จนยอมทำผิด โดยแอบวางยากล่อมประสาทให้กับคนที่มาเที่ยวสวนสนุก และตอนหลัง เมื่อฉี่ปู่ตุ้นจับได้ ยูตะก็ยอมให้ตำรวจจับ เป็นต้น
และภายหลังฉี่ปู่ตุ้นเจอกับยูนิคอร์นที่บอกกับเขาว่า “ที่จริงดินแดนแห่งความสุขอยู่ข้างกายคุณมา ถ้าคุณยอมเปิดตาก็จะเห็นมัน” ซึ่งทำให้ฉี่ปู่ตุ้นเข้าใจคำว่า “ความสุข” อย่างแท้จริง และฉี่ปู่ตุ้นตัดสินใจกลับบ้านไปเจอลูกชายที่ตามหาพ่อ และดีใจที่ได้เจอพ่อ ก่อนจะบอกพ่อว่า ผมแต่งงานแล้ว พ่อไปอยู่กับผมนะ สุดท้าย จบอย่างมีความสุขค่ะ
“ความสุขอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ
ชีวิตคืออะไรที่มีความหมาย
และพบเจออะไรที่หลากหลาย
เป็นที่พึงพอใจของหลายคน
ความสุขคือการเอาใจใส่
โดยไม่ต้องบอกใครให้ค้น
อาจสัมผัสได้จากใจของตน
สุขที่ค้นนั้นอยู่ที่ความทรงจำ
ความสุขไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
หรืออยู่เมื่อไหร่ที่ต้องคลำ
ค่อยๆคลำหาจนเจอคำ
ที่ว่าบำรุงหัวใจให้ดี”
หนังสือเล่มนี้เราว่า มันเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยอยู่นะ คือ ใครๆก็รู้ได้ และดูดีด้วย โดยไม่ต้องคิดอะไร และอย่างที่บอกก็คือ พอจบบทค่ะ จะมีการกล่าวถึง “ความสุข” ที่แตกต่างกันไป
อย่างเช่น “ความสุข บางครั้ง ยิ่งอยู่ใกล้เอื้อมมือเท่าไร ก็ยิ่งถูกเข้าใจผิด คิดว่าแสวงหาง่ายดายอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อผู้คนสูบเติมมันเข้าไปอย่างไร้ขอบเขต ก็อาจทำให้ความสุขที่เคยเรียบง่ายบิดเบือนกลายเป็นกิเลสที่ถูกเติมแต่ง เปลี่ยนเป็นความรู้สึกพึงพอใจที่พ่วงมากับสิ่งของที่ใช้เงินทองแลกมา เพียงแต่ความพอใจในสิ่งของก็ไม่ใช่แก่นแท้ของความสุขอยู่ดี” เป็นต้น
และเราขอสรุปเลยนะว่า “ประโยคตัวอย่างนี้หมายความว่า ยิ่งไม่พอก็ยิ่งทุกข์ หากพอก็พบสุข” ค่ะ ดังนั้น เมื่อรู้จักพอก็พบสุขค่ะ
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in