“ติสตูถูกไล่ออกจากโรงเรียน
เพราะว่าเนียนแล้วเผลอหลับไป
แต่เมื่อได้กลับมาที่บ้านไฉน
ก็ได้พบว่าพบทางพลัน
นั้นก็คือการปลูกต้นไม้
ปลูกให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่สวยงามนั้น
ปลูกจนพบกับทุกๆทางในทุกวัน
และพบนั้นเป็นสิ่งที่ดีได้
เพราะว่าช่างวิเศษขนาดไหน
เปลี่ยนคุกได้กลายเป็นสวนดอกไม้
เปลี่ยนเมืองให้เต็มด้วยดอกไม้ไว้
ทุกที่ได้พบเจอดอกไม้บาน
และเปลี่ยนลูกปืนให้เป็นดอกไม้
เปลี่ยนระเบิดได้เป็นแปลงสาน
สานให้กลายเป็นดอกไม้บาน
เต็มทุกกาลเวลานิรันดร์
แต่หารู้ว่าจะเปลี่ยนขนาดไหน
เพราะเปลี่ยนใจคนเป็นดอกไม้นั้น
เปลี่ยนให้พบกับทางนิจนิรันดร์
ดอกไม้บานวันเช้าแลวันค่ำมา
จนกระทั่งติสตูได้หายไป
และได้กลายไปเป็นเทวดา
เทวดาตัวน้อยเสกคาถา
ให้โลกลาหมดสิ้นสงครามเอย”
“หากเปลี่ยนจากการปลูกสงคราม
มาเป็นการปลูกต้นไม้แทน
ทุกอย่างก็จะดีขึ้นกว่าเดิม”
หนังสือเล่มนี้มันเป็นนิทานอย่างที่คุณนักเขียนบอก เพราะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เกิดได้จริง อย่างเช่น ถ้าหากว่า เราเปลี่ยนระเบิดเป็นปลูกต้นไม้ โลกของเราก็จะหายร้อนทั้งสงครามและมลพิษ เป็นต้น
ติสตูไปเรียนหนังสือและเผลอหลับจนติสตูถูกไล่ออกและมาเรียนหนังสือทำสวนกับลุงมูสตาช ซึ่งลุงได้พบว่า ติสตูมีมือสีเขียวที่ทำให้เมล็ดพันธุ์งอกงามเป็นดอกไม้และต้นไม้ได้ อย่างเช่น ติสตูเปลี่ยนคุกให้เป็นสวนดอกไม้ เปลี่ยนเมืองให้เต็มไปด้วยดอกไม้ เปลี่ยนคนเกลียดกันให้รักกันด้วยดอกไม้ เปลี่ยนสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งดอกรักและดอกเมตตา จนติสตูได้เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบให้กลายเป็นดอกไม้ และวันหนึ่ง ติสตูได้หายไปจากโลกนี้ เพราะติสตูได้เดินไปบนเมล็ดพันธุ์นั้น เดินขึ้นไปข้างบนฟ้านั้น และกลายเป็นเทวดาในที่สุด
เมล็ดพันธุ์แห่งดอกไม้ คือ เมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพ ที่ทุกคนชอบเรียกร้องอิสรเสรี แต่ทุกคนได้ทำอย่างที่เรียกร้องหรือเปล่า ดังนั้น การปลูกดอกไม้ในใจคนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่เรื่องนี้สื่ออกมาได้เป็นอย่างดี
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in