เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#fictober2017somnambulist_97
Day9 - Screech
  • DAY 09 : Screech

    by somnambulist

    #fictober2017 #danwoo

    pairing; Kang daniel x Park woojin


    เสียงกรีดร้องดังก้องอยู่ในหัว เสียงล้อรถยนต์บดเบียดกับพื้นคอนกรีตยามเบรกสุดแรง พร้อมกับเสียงของแข็งปะทะกันอย่างแรง เสียงฝีเท้าที่ก้าวย่างเข้ามาอ้อยอิ่ง เสียงหายใจรวยรินของสองร่างข้างกาย เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกยามเห็นมือสังหารเยื้องย่างเข้าใกล้ เสียงสไลด์ขึ้นลำปืนหนึ่งครั้ง เสียงลมหายใจที่ดังอยู่ข้างหู และเสียงลั่นไกโดยไร้ปรานี สองนัดพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นทั่วคันรถ 

    เสียงหวีดร้องยังคงก้อง..ในหัว


    “คุณอูจิน ..คุณหนูครับ”

    เฮือก

    พัคอูจินถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ เสียงกรีดร้องในหัวแผ่วเบาลงเหลือเพียงแต่สัมผัสอุ่นวาบที่ไหล่ขวา เบนสายตามองก็พบเลขาประจำตัวมองด้วยสีหน้าเป็นห่วง

    “ฉันไม่เป็นไร” ขยับเสื้อเชิ้ตของตนเองให้เข้าที่เพื่อเรียกสติเล็กน้อย

    “แน่ใจนะครับว่าไม่เป็นไร บางทีคุณน่าจะ..”

    “ไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร...แค่ปวดตาเพราะทำงานนานๆน่ะ”

    “ว่าแต่วันนี้หมดแค่นี้ใช่มั้ย แล้วตารางงานต่อจากนี้ล่ะ”

    “เอกสารที่ต้องจัดการวันนี้มีเท่านี้ครับ หลังจากนี้เหลือแค่นัดรับประทานอาหารค่ำตอน 6 โมงเย็นกับผู้ถือหุ้นรายอื่นครับ” เลขาคนสนิทกล่าวรายงานตามปกติ ก่อนจะส่งสายตาเป็นกังวลให้เขา

    “ถ้ายังไงคุณหนูพอจะเหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จะแวะไปพบคุณหมอฮวังก่อนไหมครับ”

    “ไม่ต้อง ฉันจะตรงไปที่ร้านอาหารเลย แล้วก็ช่วยเลิกเรียกว่าคุณหนูด้วยเวลาอยู่ข้างนอก บอกแล้วให้เรียกว่า คุณอูจิน เท่านั้น”ทตาคมส่งสายตากดดันให้เลขาคนสนิทเข้าใจ

    “แต่ว่า..”

    “ไม่มีแต่ครับ”

    “เข้าใจผมด้วยนะครับพี่ดงฮยอน”

    “เฮ้อ ครับ คุณอูจิน”

    “อ้อ เดี๋ยวเลขาคิมช่วยแยกไปรับยากับคุณหมอฮวังแทนผมทีนะครับ แล้วค่อยตามมาสมทบที่ห้องอาหาร เอาอิมยองมินไปด้วยละ ส่วนบอดี้การ์ดที่เหลือไปกับฉัน” พัคอูจินลุกขึ้นไปเก็บสัมภาระของตนโดยเลี่ยงการสบสายตากับเลขาคนสนิทเพราะเขารู้ว่าจะต้องพบสายตาไม่เห็นด้วยเป็นแน่

    “ไม่ได้นะครับ ถ้ายังไงให้คนอื่นไปรับแทนหรือไว้เดี๋ยวผมไปรับทีหลังไม่ดีกว่าหรือครับ ไม่ก็อย่างน้อยให้ยองมินไปกับคุณอูจินจะดีกว่านะครับ” ว่าแล้วว่าเลขาประจำตัวของเขาจะไม่เห็นด้วย พัคอูจินตัดสินใจใช้สายตากดดันอีกครั้งและใช้อำนาจที่ตนไม่อยากใช้กับอีกคนนัก

    “ไม่ต้องกังวลหรอก เอาเป็นว่านี่เป็นคำสั่งแล้วกันครับ”

    “ไว้เจอกันที่ห้องอาหาร” รับเสื้อสูทตัวนอกจากเลขามาสวม ยื่นมือไปรับสัมภาระส่วนตัวมาถือ แม้ตอนแรกเลขาคนสนิทจะยื้อไว้แต่สุดท้ายเมื่อเขามองกดดันก็ยอมปล่อยให้เขาถือเอง 

    ทั้งคู่โดยสารผ่านลิฟต์ส่วนตัวของระดับผู้บริหารเครือพัคกรุ๊ป สองร่างก้าวย่างผ่านพนักงานบริษัทโดยไม่ได้สนใจและมาขึ้นรถยนต์ส่วนตัวสีดำวาวที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้า

    “สัญญานะครับว่าจะต้องไม่ได้รับอันตรายอะไร” เลขาหนุ่มรั้งประตูรถยนต์คันหรูไว้และชะโงกหน้าเข้ามาคุยกับเขาด้วยความเป็นกังวล

    “ไม่ได้ไปรบซักหน่อย แค่ไปพบผู้ถือหุ้นนะ ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”

    “ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ยังไง..” เลขาคนสนิทยังคงไม่วางใจและเป็นกังวลจนเขาต้องดันอีกฝ่ายออก บีบไหล่อีกฝ่ายแรงๆและย้ำเตือนให้คลายความกังวล ก่อนจะปิดประตูรถพร้อมบอกให้คนขับเคลื่อนตัว

    ‘เชื่อใจผมนะพี่ดงฮยอน’


    ขบวนรถหรูสีดำวาวเคลื่อนตัวออกจากบริษัทพัคกรุ๊ปมาได้ระยะหนึ่ง จากถนนที่เต็มไปด้วยรถราเนืองแน่นกลายเป็นถนนโล่งกว้างแถบชานเมือง รถของพัคอูจิน รองประธานบริษัทพัคกรุ๊ปคนใหม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างรวดเร็ว ภูมิทัศน์โดยรอบเริ่มเปลี่ยนจากตึกระฟ้าเป็นทุ่งหญ้ากว้างและเรือนเพาะชำทางการเกษตร เขาไม่เข้าใจนักว่าทำไมผู้ถือหุ้นจะต้องนัดรับประทานอาหารกันไกลขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นโรงแรมในเครือพัคกรุ๊ปก็ตาม แต่โรงแรมแห่งนี้ดูจะปลีกวิเวกออกจากตัวเมืองไปหน่อย ถึงแม้จะเป็นชานเมืองแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนออกต่างจังหวัด

    นัยน์ตาคมเสมองทิวทัศน์ข้างทางก่อนจะพบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น รอบข้างโล่งเกินไป ถึงแม้จะเป็นชานเมืองที่ไกลแต่ปกติถนนเส้นนี้ไม่เคยรถโล่งขนาดนี้ จะต้องมีรถบรรทุกหรือรถกระบะรับส่งของผ่านไปมาบ้าง แต่ตอนนี้นอกจากขบวนรถของเขาสามคันแล้วกลับไม่มีรถสวนหรือตามหลังเลย พัคอูจินรีบส่งสายตาให้คนขับรถรับรู้ถึงความผิดปกติและเหมือนลูกน้องของเขาก็จะรู้สึกตัวอยู่เช่นกันและส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดในรถติดตามอีกสองคันรู้ตัว กระบอกโลหะถูกหยิบขึ้นมาเตรียมใช้งานทันที แม้พัคอูจินจะเกลียดสิ่งนี้ก็ตาม แต่ยามจำเป็นก็คงจะเลี่ยงการใช้งานมันไม่ได้ ตาคมเหลือบมองกระจกหน้ารถ พบว่ามีรถยนต์สีดำวาวไม่คุ้นตาอีกสองคันตามหลังมาโดยไม่ทันสังเกต และมีมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบต์คันใหญ่กำลังเคลื่อนตัวตามมาด้วยความเร็วสูงจากด้านหลัง -- เหอะ มุกเก่าแบบนี้ยังมีคนใช้อีกเหรอเนี่ย

    ลางสังหรณ์ของคิมดงฮยอนไม่เคยพลาด พัคอูจินน่าจะเชื่อเลขาคนสนิท มือหนารีบหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่กายขึ้นมาหมายจะส่งสัญญาณให้เลขาส่วนตัวรับรู้ แต่กลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อโทรศัพท์เจ้ากรรมกลับไร้สัญญาณให้บริการขึ้นมาเสียดื้อๆ

    “ขับต่อไปทำเหมือนเรายังไม่รู้ตัว” สั่งการเสียงแข็งให้ลูกน้องตนเองพลางสอดส่องสายตาหาทางแก้ไขสถานการณ์ รถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ก็แล่นมาใกล้จะถึงรถเขาเข้าไปทุกที แม้จะถูกรถติดตามขัดขวาง แต่ร่างในชุดหนังสีดำกลับสามารถบังคับรถได้เป็นอย่างดี พัคอูจินกำลังจะตัดสินใจเก็บหมอนี่ ทว่าอาการปวดร้าวบริเวณขมับทั้งสองข้างดันเริ่มก่อตัวจนเขาเสียการทรงตัว -- บ้าชิบ

    เสียงหวีดหวิวดังก้องในหัวอีกครา

    ในจังหวะที่พัคอูจินคลาดสายตานั้น บริเวณถนนลูกรังริมทางกลับมีรถยนต์อีกคันพุ่งเข้าใส่รถของเขาโดยไม่รู้ตัว พร้อมด้วยเสียงลั่นไกปืนเพื่อหยุดยั้งรถยนต์ของรถติดตาม

    ปัง

    โครม

    รถยนต์โดยสารหมุนตีเป็นวงกลมตามแรงเหวี่ยงก่อนที่จะปะทะเข้ากับต้นไม้ริมข้างทาง เสียงล้อรถยนต์บดกับพื้นคอนกรีตดังก้องทั่วบริเวณ เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน แรงกระแทกจากพุ่งชนพัคอูจินเข้าที่สะบักด้านซ้าย โชคยังดีที่เขาคาดเข็มขัดนิรภัย ทว่ามันก็ทำให้เขาติดอยู่กับประตูรถและเบา เสียสั่งการและปืนดังลั่นทั่วบริเวณไม่อาจแยกได้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน

    เสียงปืนดังรัว เสียงปะทะกันของคนทั้งสองกลุ่มก้องกังวาน สมองและหูของพัคอูจินอื้ออึง

    ศีรษะบีบรัดตัวราวกับจะระเบิด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วร่าง

    ภาพความทรงจำอันเลวร้ายฉายชัดอยู่ในมโนทัศน์

    เสียงที่เขาเกลียดดังสะท้านอยู่ในหัว

    พัคอูจินเกลียด และเจ็บปวดเกินกว่าจะทานทน

    “ช่วย..ด้วย”


    ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใดกว่าที่คนของเขาที่ตามมาสบทบจะช่วยเคลียร์สถานการณ์เมื่อครู่ได้ มันเกินกว่าที่คาดไว้-- ใช่เกินกว่ามากด้วย 

    ควันร้อนพวยพุ่งออกจากเครื่องยนต์ที่เสียหาย ซากร่างของฝ่ายตรงข้ามนอนกองระเนระนาด โชคยังดีที่ฝ่ายเขาสามารถเอาตัวรอดได้หลายชีวิต ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องส่งบิลไปคิดกับอิมยองมินเสียยกใหญ่ ร่างสูงเดินข้ามศพที่นอนกระจายอยู่ทั่วถนน มือแกร่งกระชับกระบอกปืน สายตาสอดส่องทั่วบริเวณเผื่อจะมีคนร้ายหลงเหลืออยู่ ปลายเท้ารีบก้าวย่างเข้าไปหารนยนต์สีดำวาวซึ่งขณะนี้ถูกชนอัดเข้าต้นไม้ไปแล้ว นับว่าเป็นบุญของรถคันนี้ที่คนขับไหวตัวทัน จึงโดนชนแค่ด้านหน้ารถไม่ใช่กลางคัน แต่ก็ทำให้รถเสียจังหวะและหมุนไปชนกับต้นไม้ เขาได้แต่ภาวนาให้คนบนรถยังมีลมหายใจอยู่และไม่เป็นอันตรายมาก ไม่อย่างนั้นชีวิตน้อยๆของเขาก็คงจะไม่เหลือด้วยเช่นกัน

    ร่างสูงในแจ็คเก็ตหนังสีดำหยุดอยู่บริเวณด้านข้างรถ พยายามกระชากประตูออกอย่างไม่แยแส -- เวรแล้ว ผู้โดยสารภายในรถดูจะได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย โลหิตสีแดงปรากฎบริเวณศีรษะ มือเรียวกอบกุมมันอย่างน่าเป็นห่วง ร่างกายอีกฝ่ายดูจะบอบช้ำเกินจะขยับ แต่เมื่อใบหน้าของคุณหนูแห่งตระกูลพัคขยับมามองเขา แววตาหวาดกลัวและว่างเปล่ากลับฉายชัด อีกฝ่ายจ้องมองเขาคล้ายกับเห็นมัจจุราชที่จะมาปลิดชีิวิตตน เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากลูกนกน้อยตรงหน้า--เสียงร้องที่หวาดกลัวจนถึงขีดสุด ทำเอาเขาต้องรีบถอดหมวกกันน็อคออก เหน็บปืนไว้ที่ข้างเอวก่อนจะรีบเข้าสำรวจอีกฝ่ายทันที

    “คุณปลอดภัยแล้วนะ” มือแกร่งแตะเบาๆที่ไหล่ของอีกฝ่าย พยายามหลีกเลี่ยงส่วยที่ได้รับบาดเจ็บให้มากที่สุด ความอบอุ่นถูกแผ่ทอดออกไปเพื่อหวังจะย้ำเตือนให้คนตรงหน้าได้สติ

    “คุณพัคครับ คุณพัค..คุณหนู เฮ้ อย่าเพิ่งหลับนะ” น้ำเสียงอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดดังขึ้นที่ด้านข้าง ส่งผลให้พัคอูจินพอจะได้สติอย่างเลือนลาง

    “ช่วย..อึก” 

    “อย่าเพิ่งพูดอะไร ตอนนี้รถพยาบาลและหน่วยกู้ภัยกำลังจะมาถึงแล้ว อดทนไว้ก่อน”

    “พี่ยองมิน จัดการเรียบร้อย คุณหนูปลอดภัยแล้ว เอ่อ ก็ไม่เท่าไหร่ เอาเป็นว่ารถพยาบาลกำลังมาถึง ครับ ขอโทษด้วย ครับไว้ค่อยคุยกัน” มือหนาคว้ามือถือขึ้นมากดสายตรงไปยังนายจ้างอย่างร้อนรน รายงานสถานการณ์ด้วยความกดดัน สายตาเหลือบเห็นคุณหนูตระกูลพัคเริ่มคลายความวิตกก็ค่อยหายใจได้โล่ง ทว่าเปลือกตาของคุณหนูกลับกำลังจะปิดลง อีกฝ่ายเริ่มหายใจอย่างอ่อนแรงจนน่าเป็นห่วง

    “แค่นี้ก่อนนะครับ”

    “เฮ้ คุณหนูอย่าเพิ่งหลับสิ อดทนไว้อีกนิด คุณรอดแล้ว แข็งใจไว้สิ!”

    เสียงอันเลวร้ายของพัคอูจินค่อยๆเบาลงและถูกกลบด้วยถ้อนคำห้วนๆ น้ำเสียงดุดันแต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นแทนที่ มันคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ทว่าตอนนี้เขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะต้านทานได้

    และเสียงตวาดเรียกสติเขาที่ดังขึ้น ยามเขาเลือกปิดเปลือกตาลงพร้อมกับเสียงไซเรนรถพยาบาลก็เป็นสองเสียงสุดท้ายที่ดังก้องในโสตประสาท


    ความอบอุ่นเกาะกุมเข้าที่บริเวณมือเรียว สัมผัสอ่อนนุ่มจรดเข้าที่ปลายนิ้วก่อนจะถอนออกอย่างรวดเร็ว แรงบีบรัดเบาๆส่งผลให้ใครอีกคนที่ลอบสัมผัสตื่นตระหนก

    แกรก

    เสียงเปิดประตูห้องเหมือนเรียกสติให้คนที่กำลังตกใจลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ผู้ที่เดินเข้าห้องมาคือ อิมยองมินและคิมดงฮยอน คนสนิทของคุณหนูแห่งตระกูลพัค

    “ขอบใจมากนะ คังแดเนียล” เป็นเลขานุการคิมที่เอ่ยทำลายความเงียบ

    “ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่” เจ้าของชื่อผงกหัวรับพลางเสตามองไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียง

    “พี่หมายถึง เรื่องที่นายเพิ่งตกลงกับยองมินด้วยน่ะ”

    “เรื่องนั้น...มันก็เป็นหน้าที่ ไม่สิ สิ่งที่ผมต้องทำตั้งนานแล้ว”

    “คุณหนูรู้สึกตัวบ้างหรือยัง” อิมยองมินเอ่ยถามคนที่อยู่เฝ้ามาทั้งวันอย่างคังแดเนียล

    “เอ้อ จริงสิ เมื่อกี้..”

    “นะ..น้ำ..” คนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอิดโรย พัคอูจินเหมือนรอจังหวะตอบรับคำถามของบิดี้การ์ดตนเอง

    และเป็นคังแดเนียลที่ได้สติก่อนใคร วิ่งไปหยิบแก้วน้ำบริเวณหัวเตียงส่งให้คนป่วย แต่ด้วยท่าทางเก้กัง คิมดงฮยอนจึงคว้าแก้วน้ำมาถือ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายปรับหัวเตียงให้คนเจ็บ ส่วนตนเองประคองคนป่วยให้นั่งและส่งน้ำให้เจ้านายของตนดื่ม แม้จะเก้กังเล็กน้อยเพราะพัคอูจินใส่เฝือกดามคออยู่ แต่ด้วยความที่ดูแลคนตรงหน้ามาเป็นเวลานาน เลขาคิมจึงดูคล่องแคล่วกว่าใครอีกคนนัก

    เมื่ออีกฝ่ายดื่มน้ำจนเสร็จเรียบร้อย คิมดงฮยอนก็ส่งสายตาดุบังคับให้อีกฝ่ายนอนลงและห้ามพูดอะไรเพราะกลัวจะกระทบกระเทือนบาดแผล มือเรียวรีบกดกริ่งตามนายแพทย์เจ้าของไข้เพื่อมาตรวจดูอาการ

    “เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่นับว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงนัก ระหว่างนี้พยายามอย่าให้คนไข้ขยับตัวมาก หากรู้สึกปวด รีบแจ้งหมอหรือพยาบาลทันทีนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ารับ CT แสกนอีกรอบเพื่อความแน่ใจ แต่ผลครั้งก่อนก็ไม่พบเลือดคั่ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะครับ ยังไงให้คนไข้พักผ่อนให้มาก จะได้ฟื้นตัวได้เร็วนะครับ”

    “ยังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ”

    คล้อยหลังนายแพทย์ออกไป คนไข้ก็ดูเหมือนจะตกเป็นเป้าสายตาของทุกชีวิตในห้องโดยปริยาย

    “คุณหนูยังไม่ต้องพูดอะไรแล้วกันครับ เดี๋ยวจะกระทบกระเทือนเอาได้ คราวนี้ช่วยฟังพี่ทีนะครับ ถือว่าพี่ขอร้อง” คิมดงฮยอนเอ่ยด้วยความเป็นห่วง พัคอูจินกะพริบตาแผ่วเบาเพื่อตอบรับใครอีกคน

    “คราวหน้าห้ามแล้วนะครับ มีอะไรให้บอกกันก่อน ดีนะที่พี่ยองมินไหวตัวทัน ส่งคนไปสมทบเพิ่ม ไม่งั้นละก็...เอาเป็นว่าคราวหน้าคราวหลังจะทำอะไรปรึกษากันก่อนนะครับ เราไม่ได้ตัวคนเดียวนะอย่าลืมสิ อย่างน้อยก็มีพี่กับพี่ยองมิน เข้าใจไหม” เลขาคิมถอนหายใจปิดท้าย หลังจากระบายความอัดอั้นในใจ ดวงตาฉายชัดถึงความเจ็บปวดส่งผลให้ก้อนเนื้อในอกซ้ายของอูจินกระตุกวูบ

    “อย่างที่ดงฮยอนบอก ถ้าแดเนียลไปช่วยไว้ไม่ทัน พี่คงโทษตัวเองไปตลอดชีวิต หน้าห้องและโดยรอบมีการ์ดคุ้มครองไว้หมด ระหว่างนี้ก็พักฟื้นตัวให้หายดีนะ” อิมยองมินกล่าวสัมทับพลางเดินมาลูบไล้เส้นผมเขาอย่างห่วงใย

    “เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะช่วยจัดการให้ก่อน ถ้ามีเอกสารสำคัญเดี๋ยวจะเอาเข้ามาอ่านให้ฟัง อีกอย่างคุณพัคจีฮุนก็จะเข้ามาช่วยจัดการด้วยอีกแล้ว” ดงฮยอนปิดท้าย เดินเข้ามาปัดมืออิมยองมินออกแล้วเป็นฝ่ายลูบไล้ศีรษะเขาแทน

    “อ้อ อีกเรื่อง ตั้งแต่วันนี้แดเนียล อ่า คังแดเนียลจะเข้ามาเป็นบอดีการ์ดส่วนตัวให้นะ หมอนี่คือคนที่เข้าไปช่วยนายนั่นแหละ” ยองมินผายมือให้ใครอีกคนที่หนีไปนั่งหลบมุมอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง เมื่อคังแดเนียลได้ยินชื่อตัวเองจึงลุกขึ้นมาใกล้คนเจ็บมากขึ้น สายตาสองคู่ประสานกันโดยไม่ตั้งตัว ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างตรึงไว้

    “ระหว่างนี้มีอะไรเรียกใช้แดเนียลได้เลยนะ มันอาจจะหยาบคายนิดหน่อย แต่ไว้ใจได้ ไว้ใจได้มากที่สุดเลยแหละ” เลขาและบอดี้การ์ดคนสนิทเมื่อฝากฝังทุกอย่างเรียบร้อยก็ขอตัวไปจัดการเรื่องต่อ

    คิมดงฮยอนส่งสายตากดดันให้คังแดเนียล ตั้งใจตอกย้ำถึงความสำคัญของบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ ก่อนจะตัดใจเดินออกไปเมื่ออิมยองมินดันหลัง

    “ดูแลให้ดี ชีวิตของคุณหนูก็คือชีวิตของนาย จำไว้ซะคังแดเนียล” อิมยองมินกล่าวทิ้งท้ายไว้ ก่อนเดินออกจากห้องไป

    ขณะนี้ภายในห้องสีขาวสะอาด อบอวลไปด้วยกลิ่นยา เหลือเพียงสองคน ความเงียบปกคลุมอยู่นาน จนคนเฝ้าเป็นฝ่ายอดทนไม่ไหว เดินเข้าใกล้เจ้านายคนใหม่ของตน ไม่สิ เจ้าของชีวิตเขามากกว่า

    “คงไม่ต้องแนะนำตัวอีกเนอะ เอาเป็นว่า ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

    “ส่วนคุณ ได้โปรดวางใจและฝากชีวิตไว้กับผม สัญญาว่าจากนี้จะไม่มีอะไรมาทำร้ายคุณได้อีก” มือหนาเกลี่ยปอยผมสีเข้มของคนป่วย ลูบไล้เรือนผมด้วยความห่วงใย สายตาจับจ้องที่เจ้านายคนใหม่ เจ้าของชีวิตของเขา คนสำคัญของเขาเสมอมา

    “หลับตาลงเถอะครับ ผมจะดูแลคุณเอง” ความอ่อนโยนสัมผัสบนศีรษะของพัคอูจินราวกับจะตอกย้ำว่าอีกฝ่ายจะไม่หนีไปไหน ความอบอุ่นเข้ากอบกุมที่มือเรียวส่งผ่านไออุ่นให้แก่พัคอูจินจนเคลิ้มหลับ เสียงเบากระซิบที่ข้างหูเป็นประโยคสุดท้ายก่อนพัคอูจินจะปล่อยตัวเข้าสู่นิทรา ภายใต้ความอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างแปลกประประหลาดจากชายหนุ่มข้างกาย คังแดเนียล

    “อัศวินกลับมาอยู่เคียงข้างเจ้าหญิงแล้วนะ..อูจินนา”


    Just close your eyes

    The sun is going down

    You'll be alright

    No one can hurt you now

    Come morning light

    You and I'll be safe and sound

    --------------------------------------

    TALK;

    บอกทีว่านี่เรื่องสั้น นังบ้า 55555 เขียนๆแล้วก็เพลิน งงๆกันไปตามประสา แหะๆ Screech แปลว่า เสียงกรีดร้อง เสียงดังประมาณนี้ เลยเอาเรื่องเสียงมาเล่น จะมีเรื่องบาดเจ็บกับแพทย์ไรงี้ที่ไม่ถนัดอาจจะติดขัดในการใช้คำนิดหน่อย ต้องกราบขออภัยจริงๆ จะพยายามศึกษาให้ดีกว่านี้ค่า เนื้อเพลงตอนท้ายมาจากเพลง Safe and Sound - Taylor Swift feat. The Civil Wars นะคะ เข็นได้วันละตอนที่แท้จริง แง แล้วจะทันวันมั้ยน้า /ร้องไห้แบบไร้เสียง

    พูดคุยกันได้เหมือนเดิมที่ @somnambulist_97 และแท็ค #somnamxfictober เช่นเคย อิอิ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in