Title: Possibility
Fandom: Marvel's The Avengers
Event: Infinity War
Pairing: Stephen Strange x Tony Stark
Warning: เปิดเผยเนื้อหาใน Avengers: Infinity War ต้องดูหนังก่อนอ่านน้า <3
.
.
"ผมหิว"
นั่นไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าจะได้ยิน
เกินสติปัญญาจะคาดเห็นได้ไปหน่อย ต่อให้วัดจากระดับมันสมองของอัจฉริยะอย่างเขาก็ตาม หรือถ้ามันเป็นมุก ก็ไม่ตลกเอาเสียเลยในสถานการณ์แบบนี้ โทนี่ชะงักงัน ทำหน้าไม่ถูก สายตาสิ้นไร้เรี่ยวแรงและความหวังเริ่มถูกบดบังด้วยเมฆหมอกของความงุนงงปนเอือมระอา
"นายไม่ได้เพิ่งเมินคำถามฉันและบ่นกับสายลมแสงแดดเรื่อยเปื่อยใช่ไหม บอกฉันทีว่าไม่ใช่ แล้วจะไม่ถือโทษ—"
"ผมตอบคำถามคุณอยู่ โทนี่" เสียงทุ้มลึกอธิบายราบเรียบ
และคนฟังพบว่าตนทนรับความยียวนในแววตาผู้พูดได้มากกว่าความรู้สึกสยดสยองเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น
"แค่คิดไว้ว่าคุณอาจตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าวผมสักมื้อ ดินเนอร์หรูใต้แสงเทียนก็ยิ่งดี"
"นั่นสินะ" โทนี่พึมพำ เกือบประชด "แม้แต่พ่อมดก็ยังต้องกิน"
ขยับตัวนิด เปลี่ยนท่านั่ง
ครวญฮึมฮัมในลำคอ
"โอเคหรือเปล่า" สตีเว่นเหลือบมองแผลตรงสีข้างเจ้าตัว ซึ่งปฐมพยาบาลไว้เพียงลวกๆ
โทนี่นิ่ง รู้ตัวช้าไปเสี้ยวจิต ก้มมอง "นี่เหรอ?"
จอมเวทย์พยักหน้า
ผมช่อเล็กร่วงปรกตกลงมา
เขามองตามความพลิ้วไหวน้อยๆ นั้นเนิ่นนาน เกือบลืมตอบคำถามหากไม่สบนัยน์ตาคนรอคำตอบเข้าเสียก่อน... มือเล็กยกแตะปากแผล สภาพเปื้อนเปรอะของมันอัญเชิญมือเรียวยาวให้เอื้อมมาปัดออกทันควัน กีดกันหนทางเข้าสู่ร่างกายคนเจ็บของเหล่าเชื้อโรค
ดุจริง พ่อคุณ
"..." โทนี่มองค้อน แต่ไม่ว่าอะไร
เผยอเรียวปากตอบคำถาม "ไม่น่าหนักใจเท่าอนาคตของทั้งจักรวาลในตอนนี้หรอก"
เป็นสเตรนจ์บ้างที่เงียบไป
"ทำอย่างนั้นทำไม..."
"คุณถามผมสองรอบแล้ว"
"และฉันก็ยังไม่ได้คำตอบดีๆ เลยสักรอบเดียว..."
ช่วยชีวิตเขาไว้ทำไม?
'ทำอย่างนั้นทำไม'
'ผมหิว'
ทั้งที่ประกาศกร้าวไว้เองแท้ๆ จะเลือกมณีนั่น
ทั้งที่เหมือนสัญญาไว้แล้ว จะไม่ช่วยชีวิตกัน
แล้ว...ทำไม?
"ทำไมไม่เลิกถามไปซะล่ะ"
เพราะหมากกระดานนี้กว้างใหญ่เกินจะสรุปบอกได้สั้นๆ? เพราะบางครั้งเราต้องยอมแพ้ศึกเพื่อชนะสงคราม? เพราะสัญชาตญาณคนเป็นหมอต้องช่วยชีวิตคน มิใช่ปล่อยให้ตายไปต่อหน้า? อาจเป็นได้ทุกอย่าง อย่างละนิดละหน่อยผสมรวมผสานกันจนบีบบังคับให้เขาไม่มีทางเลือก
แต่เอาเข้าจริงเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
หากเป็นคนอื่น...จะยอมง่ายดายเท่านี้รึเปล่า
ทำไมต้องโทนี่?
"รู้อะไรไหม ช่างหัวมันเถอะ"
"กำลังจะแนะนำอย่างนั้น" ตอบกลับรวดเร็ว
"ว่าแต่ ไอ้ความเป็นไปได้หนึ่งในสิบสี่ล้านนั่นน่ะ—"
"สิบสี่ล้านหกร้อยห้า" สตีเว่นแก้
"เออ" โทนี่กลอกตา "เราชนะแล้วยังไง โลกสงบสุข ฉันกับเพ็พเพอร์มีลูกด้วยกัน ฉันกลายเป็นป๊ะป๋าที่มีความสุขที่สุดในโลกอะไรงี้รึเปล่า นายเห็นอะไร"
"คุณไม่ได้มีลูกกับเพ็พเพอร์"
"งั้นก็แย่มาก แล้วเห็นอะไร"
"คุณจะยังได้เป็นพ่อคนอยู่ดี" สเตรนจ์กระแอมเบาๆ "ผมก็เหมือนกัน"
"เยี่ยม ลูกๆ เราไปโรงเรียนเดียวกันไหมล่ะ"
ทันทีที่ถามจบ โทนี่ไม่แน่ใจว่าตนตาฝาด
แต่...เหมือนเห็นรอยยิ้มตรงมุมปากอีกคน
แผ่วบาง เลือนราง จางหายไปรวดเร็ว
"อะไร"
"เปล่า"
"อะ-ไร"
"เราเลี้ยงเด็กคนนั้นด้วยกัน และเขาจะกลายเป็นฮีโร่ที่ทุกคนรักที่สุด"
"นายหมายถึง—"
"พีท ใช่"
"แล้ว ด้วยกัน? อะไรคือ 'ด้วยกัน'?"
"คุณกับผม...ก็นั่นแหละ ผมหมายถึง เรา..."
จอมเวทย์วาดมือไปทั่วเหมือนจะร่ายมนตรา
ดูท่าความสัมพันธ์พวกเขาในอนาคตจะซับซ้อน
โทนี่มองอย่างไม่เชื่อ "นี่มันเริ่มน่ากลัวขึ้นทีละนิดแล้วนะ"
"ผมรู้" สตีเว่นยักไหล่ "แต่มันสวยงาม...จนผมเองก็อยากเชื่อหมดใจ โทนี่"
"อย่าทำเสียงแบบนั้นใส่ฉัน"
ให้ตายเถอะ
"แบบไหน?"
"ก็แบบนั้นน่ะ แบบนั้น"
เจ้าตัวถอนหายใจผะแผ่ว "โทนี่ นั่นคุณไม่ได้พยายามอธิบายเลย ผมจะไปเข้าใจได้ยังไง"
คนฟังกำมือแน่นจนเจ็บ เล็บแทบจิกเข้าเนื้อ
คนไม่รู้ตัวก็ไม่รู้ตัวสักทีว่าตนทำเสียงแบบไหน
อ่อนโยน...แค่ไหน
เวลาเรียกชื่อกัน
และอดเผลอไผลดีใจไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้เลย เวลาคนตรงหน้าทำท่าตั้งใจฟังเขานักหนา คอยฟัง...อยากฟังเหตุผลจากปากเขาอย่างจริงใจ ไม่ตั้งแง่จะปฏิเสธล่วงหน้า ซึ่งมัน...แทบไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเขามาก่อนตลอดทั้งชีวิตนี้
ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกว่ามีคนให้เกียรติกัน...?
นาน...เหมือนเป็นแค่ฝันอันเลือนรางไปแล้ว
"เรียกสตาร์คเถอะ ขอละ"
ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ สตีเว่นทำแค่มอง
มันยากขึ้นทุกวินาที...การต้องทนสายตาคู่นั้น
"แล้ว...กว่าจะถึงวันนั้น ต้องแลกมาด้วยอะไร"
วันที่ชีวิตแสนงดงามตามที่นายเล่า
เราจะไปถึงวันนั้นได้ยังไง ในสภาพแบบนี้
ในสถานการณ์ที่เราไม่รู้เหนือรู้ใต้
ไม่รู้เลยว่าใคร...จะชนะศึกสุดท้าย
ได้แค่รอ
มืดบอด
ไม่รู้จุดหมาย
"..."
เป็นอีกครั้งที่สตีเว่นอมพะนำ เสียงทุ้มลึกชวนฝันนั้นไม่ได้ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมาอย่างที่อยากได้ยิน แต่โทนี่รู้สึกถึงคำตอบกลายๆ ในดวงตาอันเฉิดฉายคมคายนั่น คล้ายเจ้าตัวจะทำได้เพียงกระซิบกับตนเองอยู่ในใจ
ทุกอย่าง...
แทบทุกคน
ความเงียบงันทรมานใจคนเก่งนัก
โทนี่ทนไม่ไหว ทลายมันลง
"ถามไกลไปนึกไม่ทันหรือไง งั้นเอาใกล้ๆ นี่ก็ได้ อีกสองสามนาทีจากนี้อะไรจะเกิดขึ้นรู้ไหม พ่อหมอ"
"รู้"
"อะไ—"
จูบ
นั่นแหละสิ่งที่เกิดขึ้น
โทนี่ต้องยอมรับว่าภัยคุกคามยิ่งใหญ่ร้ายแรงสูงสุดสำหรับเขาในตอนนี้ไม่ใช่ไอ้ยักษ์นักล่ามณีหกสีเจ็ดแสงหน้าตาทำให้นึกหิวมันม่วงนั่น แต่เป็นคนตรงหน้า สตีเว่น สเตรนจ์จู่โจมยิ่งกว่าสายฟ้า ไม่เผื่อเวลาให้ตั้งตัว ริมฝีปากอบอุ่นรุกหนักไม่ออมชอม แต่ยังแฝงความทะนุถนอมที่หลอมละลายหัวใจให้ไหวยวบลงง่ายดาย
"..."
ริมฝีปากเป็นอิสระ นัยน์ตาหวานจ้องค้าง
อัญมณีสีเข้มทอประกายงดงามยิ่งกว่าอินฟินิตี้ สโตนเม็ดใดๆ ในความคิดของคนมอง
"ทำอย่างนั้นทำไม"
"คุณถามผมด้วยคำนั้นรอบที่สามแล้วนะ"
"และนายก็ยังไม่เคยตอบดีๆ สักครั้ง!"
"ผมไม่ได้พูดก็จริง แต่สาธิตแล้วไง"
ไอ้พ่อมดเวร
"เดี๋ยวนะ สาธิต?"
"ใช่ และตอนนี้แหละที่มันจะเกิดขึ้นจริง"
สตีเว่น สเตรนจ์ขโมยจูบเขาเป็นครั้งที่สอง
หรือต้องนับว่าเป็นจูบจริงๆ ครั้งแรก? เพราะครั้งก่อนหน้านั้นเจ้าตัวแค่สาธิตเพื่อตอบคำถามถึงอนาคต? เขาไม่แน่ใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมั่วนั่งคิดห่าเหวอะไรในหัวนี่อยู่เพื่อใคร ทำไมไม่ต่อต้าน ไม่ขัดขืนคนจาบจ้วง ทำไมไม่ปฏิเสธ อดีตเพลย์บอยคั่วผู้หญิงไม่เลือกหน้าอย่างโทนี่ สตาร์คจะตะลึงงันอะไรนักหนา กับแค่รสจูบของผู้ชายธรรมดาๆ คนเดียว
ธรรมดามากๆ...
"อือ..."
บรรดานิ้วเรียวยาวที่รองรับท้ายทอยเขาอยู่ช่างนุ่มนวลราวกำลังหนุนปุยเมฆ ยิ่งแหงนคอด้วยเผลอไผล อีกฝ่ายยิ่งรุกไล่ล่วงล้ำเข้ามาลึกขึ้น จังหวะของสตีเว่นเนิบช้า อ้อยอิ่งทิ้งความละเมียดละไมให้โรยตัวลงมา เพียงไม่นานคนแอบอิงพิงอ้อมแขนแกร่งไม่รู้ตัวก็เผลอใจ
ทว่าคนเริ่มก่อนกลับเป็นฝ่ายหยุด
ปลายนิ้วสวยจรดปรามคนติดลมไว้
รสชาติหอมหวานยังติดตรึงทั่วริมฝีปาก
รู้สึก...ดี...จนน่าโมโห
"ให้ตายสิ" โทนี่สบถเบาๆ "นายมาทำตัวแปลกๆ แบบนี้ทำไม สเตรนจ์"
ที่แปลกกว่าอาจเป็นเขา
ยอม...ทำไม?
"เพราะ..." เสียงที่เกริ่นลอยต่ำในลำคอ
บรรยากาศในแววตาคู่นั้นหมองลงเห็นได้ชัด
"ผมอยากให้คุณใจเย็น ผ่อนคลาย และ..."
"จูบของนายไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอย่างว่านั่นเลย"
ทั้งรุ่มร้อน ทั้งทำใจเต้นไม่เป็นส่ำ
"ชู่ววว..."
สตีเว่นปรามให้เงียบ เขาก็เงียบ
ฟัง "และรู้สึกดีที่สุด ก่อนจะต้องรับมือกับเรื่องราวต่อจากนี้ โทนี่"
"นายหมายถึงอะไร"
อีกครั้งที่ไม่มีคำตอบตรงๆ
"แค่...จำไว้อย่าง จำไว้ว่าความเป็นไปได้หนึ่งเดียวนั้น เราลงเอยกันยังไง..."
ช่วงชีวิตอันแสนงดงาม
ที่ผมแอบกาลเวลามาเล่า
โปรดจำเอาไว้
"..."
เพื่ออะไร
ทำไมพูดแบบนั้น?
"เพื่อให้คุณยังมีหวังต่อไป...โทนี่"
แม้จะต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย
แม้ว่าผมต้องหายไป
แม้เกือบทุกคนจะหายไป
แต่คุณต้องสู้ต่อ
เพื่อวันนั้น
"สตีเว่น..."
คนตัวเล็กกว่าเรียก ใจไม่ดีนัก บอกได้เลยจากน้ำเสียง เจ้าตัวค่อยๆ ผุดลุกขึ้นยืน สายตากวาดไกวไปรอบบริเวณอย่างหวาดระแวง ภาพตรงหน้าแตกตัวเป็นเหลี่ยมมุมเหมือนกระจก ก่อนสลายรูปร่างร่วงกราวเกลื่อนอากาศ เขามองเห็นทุกคน ทุกคนกลับมามองเห็นเขา
สตีเว่น สเตรนจ์ยังคงนั่งอยู่จุดเดิมหลังถอนทำลายมิติกระจก
ความรู้สึกวูบโหวงที่อาจเรียกได้ว่าลางสังหรณ์คืบคลานเข้าสั่นหัวใจโทนี่
"บางอย่างกำลังเกิดขึ้น..."
ทุกอย่างหลังจากนั้นชวนสับสน แต่แจ่มชัด อยากลืม แต่กลับต้องจำ น้ำเสียงเครือสั่นหวาดกลัวของเจ้าแมงมุมน้อยผู้สัมผัสได้ถึงลางร้ายก่อนใครฉีกกระชากหัวใจเขาเป็นชิ้น น้ำหนักอ้อมกอดของพีทยังถ่วงความรู้สึกเขาให้จมดิ่งอยู่แสนนาน แม้หลังจากเด็กหนุ่มแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านผงธุลีไปแล้ว พวกเขาต่างทยอยล่องลอยหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตน
โทนี่สิ้นไร้เรี่ยวแรงทรุดตัวลงนั่ง มือเปื้อนเลือดกรังๆ เปรอะเศษดินที่รองรับน้ำหนักของพาร์คเกอร์เอาไว้ในนาทีสุดท้าย
ใครก็ตามที่ปกป้องมณีดวงสุดท้ายไว้คงแพ้
ทั้งจักรวาลแพ้
สายตาเจ็บปวดอ้างว้างทั้งไม่เข้าใจทอดมองคนที่บอกว่าพวกเรามีโอกาสชนะเพียงหนึ่ง
โอกาสนั้นถูกเป่าปลิวไปแล้วงั้นหรือ?
"ตอนนั้นมันไม่มีทางอื่น..."
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินเอ่ยคำนั้น
โดยรวดเร็ว ธุลีสีหม่นป่นเป็นริ้วสลาย
ไม่มีอีกแล้ว พ่อมดคนเก่งน่าหมั่นไส้คนนั้น
ไม่มีอีกแล้ว คนปากไม่หวานที่ดัน...ใจดี
แต่ความหวังอาจเป็นสิ่งเดียวที่ยังอยู่
'เราเลี้ยงเด็กคนนั้นด้วยกัน และเขาจะกลายเป็นฮีโร่ที่ทุกคนรักที่สุด'
เช่นเดียวกับสุ้มเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง
ที่ยังก้องกังวานไปทั่วโสตประสาท
'เพื่อให้คุณยังมีหวังต่อไป...โทนี่'
FIN.
แต่ช่วงท้ายสะเทือนใจเลย ขยี้ช็อตนี้จากในหนังไปอีก T____T
แต่กำลังฟินอยู่เพลินๆ พอตอนพีทกับหมอค่อยๆสลายกลายไปธุลีไปมันก็ตัดอารมณ์ซะ นึกถึงฉากนี้ทีไรสะเทือนใจ T_T
ชอบมากเลยค่ะ อยากให้แต่งฟิคคู่ #StrangeIron อีกหลายๆเรื่องเลยนะคะ แต่งได้น่ารักมากกกกก