อีกอย่างหนึ่งที่สังเกตได้คือ เห็นคนมาถ่ายรูป Pre-Wedding แต่งงานที่ปราสาทเยอะมากค่ะ มากันตั้งแต่เช้า ๆ เหมือนกันเพราะอยากได้ภาพที่ไม่ติดคน ตลอดทั้งการเดินรอบปราสาทของเรา เราเห็นประมาณ 5-6 คู่ได้เลยค่ะ
พอใกล้ 9 โมงเราก็เดินไปรอซื้อตั๋วที่ห้องขายตั๋ว ซื้อเป็น Curcuit A ที่เข้าได้เกือบทั้งปราสาท เท่าที่รู้คือ ตั๋วซื้อครั้งหนึ่งแล้วสามารถใช้เข้าได้ 2 วันติดกันค่ะ เพราะปราสาทใหญ่มาก ๆ เผื่อใครเข้าชมวันแรกแล้วไม่หมดอยากมาเที่ยวอีกต่อวันถัดไป พอซื้อเสร็จเราก็ตรงไปยัง St. Vitus Cathedral ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเราเข้าไปตั้งแต่รอบแรก ๆ ทัวร์จะลงไม่ค่อยเยอะ เดินได้ชิว ๆไม่อึดอัดค่ะ
ถ้าใครจะไปปราสาทปรากและแวะที่ St. Vitus Cathedral โดยซื้อตั๋วแบบเข้าชมเฉย ๆ ไม่ได้มีไกด์มายืนเล่าประวัติให้ฟัง อยากให้ได้รู้จักกับ Saint John of Nepomuk ก่อนค่ะ นักบุญท่านนี้มีชีวิตอยู่สมัยที่ดินแดนของประเทศเช็กในปัจจุบันยังเป็นราชอาณาจักรโบฮีเมียอยู่ ก่อนที่ท่านจะได้รับยกย่องให้เป็นนักบุญ ท่านเคยเป็นบาทหลวงปกติมาก่อนค่ะ อาณาจักรโบฮีเมียในตอนนั้นก็เป็นอาณาจักรที่เคร่งศาสนามากพอสมควร ซึ่งศาสนาที่ผู้คนนับถือกันมาก ๆ ในตอนนั้นก็หนีไม่พ้นศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกค่ะ ราชาและราชินีของโบฮีเมียก็เคร่งศาสนาเหมือนกัน และในศาสนาคริสต์ ที่หลาย ๆ คนทราบกันอยู่แล้วคือจะมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "การสารภาพบาป" หากทำสิ่งที่เป็นบาปลงไป โดยบาทหลวงจอห์นในตอนนั้นก็มีหน้าที่รับสารภาพค่ะ และเป็นเพียงคนเดียวที่ราชินีโบฮีเมียจะสารภาพบาปด้วย พูดง่าย ๆ คือบาปของราชินีจะมีเพียงบาทหลวงจอห์นเท่านั้นค่ะที่จะรู้
ตอนนั้นราชาโบฮีเมียก็สงสัยในตัวราชินีค่ะ เกรงว่าราชินีจะมีความลับต่อตน เลยจับบาทหลวงจอห์นมาถามเกี่ยวกับสิ่งที่ราชินีได้สารภาพไป แต่บาทหลวงจอห์นก็ทำตามหน้าที่คือเก็บความลับนั้นไว้กับตัวเองและปฏิเสธที่จะเล่าทุกอย่างค่ะ ราชาเห็นดังนั้นก็สั่งให้คนนำบาทหลวงจอห์นไปทรมานและถ่วงแม่น้ำวอลตาวาที่ไหลผ่านกรุงปราก ตำแหน่งที่ท่านถูกโยนลงแม่น้ำจะมีแผ่นเหล็กที่เป็นรูปดาวห้าดวงติดไว้อยู่บนสะพาน Charles ใกล้ ๆ รูปปั้นท่านเลยค่ะ ร่างของท่านก็ถูกนำมาเก็บไว้ในตัว St. Vitus Cathedral มีผ้ากำมะหยี่สีแดง ๆ ห้อยลงมา และมีการตกแต่งที่สะดุดตามาก อยู่ลึกในสุดเลยค่ะ สังเกตได้ไม่ยาก
แล้วก็ไปต่อที่ St. Basilica, Old Palace, The Story of Prague Castle, Golden Lane แล้วก็เดินออกมาหาอาหารเที่ยงแถว ๆ ปราสาททานกันค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินไปดู Astronomical Clock หรือนาฬิกาดาราศาสตร์ที่เป็นจุดที่พลาดไม่ได้ของปรากเลยก็ว่าได้ค่ะ นาฬิกาดาราศาสตร์ของปรากนี้มีอายุราว 600 กว่าปี ติดตั้งครั้งแรกตั้งแต่สมัยยุคกลาง ถือเป็นนาฬิกาดาราศาสตร์ที่เก่าเป็นอันดับสามของโลก และเป็นนาฬิกาดาราศาสตร์ที่เก่าที่สุดในโลกที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ค่ะ
อยากจะคั่นโดยการเล่าตำนานเกี่ยวกับนาฬิกาดาราศาสตร์ที่นี่สักนิดค่ะ ช่างที่สร้างนาฬิกาเรือนนี้มีชื่อว่า Hanuš ค่ะ เป็นช่างที่มีความสามารถและได้ให้คำสัญญากับสมาชิกสภาของกรุงปรากในเวลานั้นเอาไว้ว่าจะสร้างนาฬิกาให้ โดยเป็นนาฬิกาที่มีหน้าที่พิเศษมากกว่าการบอกเวลาเฉย ๆ ซึ่ง Hanuš ก็ทำตามคำสัญญาสร้าง สร้างนาฬิกาให้เสร็จเรียบร้อย แต่ตัวสมาชิกสภาเห็นดังนั้นก็กลัวว่า Hanuš จะไปสร้างนาฬิกาที่หน้าตาและความสามารถคล้าย ๆ กันอีกให้กับเมืองอื่น พวกเขาเลยหาวิธีจะกำจัด Hanuš ค่ะ คิดได้ดังนั้น กลางดึกคืนหนึ่ง มีกลุ่มผู้คนบุกเข้าไปในบ้านของช่างทำนาฬิกาและทำให้เขาตาบอดด้วยแท่งเหล็กค่ะ ตามตำนานเล่าว่า Hanuš รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ และขอให้เพื่อนของเขาพาเขากลับไปที่นาฬิกาที่ได้ติดตั้งไว้ พอไปถึงที่ ถึงแม้ว่า Hanuš จะตาบอดไปแล้ว เขาก็หยุดนาฬิกาลงค่ะ ทำให้นาฬิกาไม่เดินต่อ และทิ้งให้อยู่ในสภาพแบบนี้ราวร้อยปีโดยไม่มีใครสามารถแก้ได้เลย แต่ภายหลังก็มีช่างทำนาฬิกาคนอื่นที่มาช่วยซ่อมและทำให้นาฬิกากลับมาเดินได้เหมือนเดิมค่ะ แต่ก็ยังคงมีปัญหาการหยุดเดินเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ แล้วก็ต้องซ่อมอีกเรื่อย ๆ แต่ในปัจจุบันก็สามารถเดินได้แบบปกติแล้วค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินต่อกันมาถึง Charles Bridge ที่โด่งดังของปรากค่ะ บนสะพานมีรูปปั้นมากมายของบุคคลสำคัญต่าง ๆ หรือบุคคลสำคัญทางศาสนา หนึ่งในนั้นคือ Saint John of Nepomuk เหมือนกันอย่างที่ได้บอกไปค่ะ ตรงรูปปั้นก็สามารถนำมือไปแตะและขอพรกันได้ เคยอ่านมาคร่าว ๆ ว่าคนมักมาขอพรท่านเกี่ยวกับเรื่องความรักไม่ก็ความสำเร็จกัน ถ้าใครผ่านไปทางนั้นก็ลองขอดูก็ได้นะคะเป็นอีกหนึ่งวันที่สนุกและเหนื่อยมาก ๆ วันนี้เราได้รูปกลับมาเกินหนึ่งพันรูป ซึ่งถือว่าเยอะมากถ้าเทียบกับทุกวันที่ผ่านมา (และถ้ารวมจากทั้งทริป ก็เป็นวันที่ได้รูปกลับมาเยอะที่สุดเลยค่ะ) ค่อนข้างเสียดายเพราะเราไปได้ไม่ครบตามแพลนที่เตรียมเอาไว้เพราะมีเวลาที่จำกัดมาก ถ้าใครจะเที่ยวที่ปราก แนะนำให้อยู่ที่นี่สองวันเต็ม ๆ เป็นขั้นต่ำนะคะ ขนาดเราอยู่วันครึ่งยังแอบเสียดายเลย คิดว่าถ้ามีโอกาสต้องกลับมาแก้มือใหม่แน่นอนค่ะ
ในช่วงที่เรากำลังวางแพลนเที่ยว ปรากเป็นเมืองที่เราให้เป็นอันดับหนึ่งในใจเลยค่ะ ยิ่งหาข้อมูลยิ่งรู้สึกถูกชะตากับที่นี่มาก ๆ ชอบกลิ่นอายของเมือง ชอบเรื่องเล่าต่าง ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้เราคาดหวังกับที่นี่มากที่สุดและอยากใช้เวลาที่นี่ให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอมาจริง ๆ ก็เรียกว่าเกือบ meet my high expectation เลยก็ว่าได้ค่ะ มีปวดหัวนิดหน่อยกับการเดินทางเท่านั้นเอง ที่เหลือโอเคหมดค่ะ ผู้คนน่ารัก สถานที่สวยกว่าในรูปอีกด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าตกหลุมรักกับที่นี่ตั้งแต่เคยไม่เคยมาด้วยตัวเอง และรักยิ่งกว่าเดิมหลังได้มาสัมผัสจริง ๆ
ถ้ามีโอกาส อยากให้ทุกคนได้ลองไปเที่ยวปรากเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกัน และขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ
themoonograph
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in