ซัลบวร์กเป็นที่รู้จักอย่างมากเนื่องจากเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครเพลง The Sound of Music นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโกในปี 1996 และมีชื่อเสียงจากสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรคที่สามารถพบเห็นได้โดยรอบ
รูปนี้เป็นรูปที่เราชอบมากที่สุดในวันที่แปด ถ่ายจากสวน Mirabell ค่ะ
—
เปิดเช้าวันที่แปดมาด้วยข่าวที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เราเริ่มรู้สึกว่าเลนส์ 18-140 mm ของเรามีปัญหา AF วืดบ่อยมาก โฟกัสไม่ค่อยติด ยิ่งถ้าเป็นโหมด Liveview ก็คือไม่สามารถโฟกัสอะไรได้เลย เริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อวานตอนอยู่ Residenz Munich แต่คิดว่าอาจจะเป็นเพราะด้านในแสงน้อย ทำให้โฟกัสยาก หรือมือเราอาจจะไปโดนปุ่มอะไร เลยไม่ได้คิดมากและใช้ ๆ ไปก่อน แต่พอมาวันนี้อาการมันชัดขึ้นเรื่อย ๆ เลยว่ากล้องโฟกัสไม่ติด ทำให้หลังจากนี้ทั้งวันเราต้องใช้ MF ตลอด ซึ่งก็ใช้ได้ค่ะ แต่เหนื่อยมาก 5555555 กว่าจะได้รูปชัด ๆ คือต้องหมุนแล้วหมุนอีก ไม่ชินมือเลย
(สุดท้ายเอาไปเปลี่ยนที่ร้านแล้วนะคะ ร้านบอกกลไกข้างในน่าจะมีปัญหา เพราะเราก็ไม่ได้ทำตกพื้น ไม่ได้เอาไปฟาดอะไรเลย ถือถ่ายพอเสร็จก็เก็บใส่กระเป๋าตลอด ก็ต้องบอกลาน้องตัวนั้นไปและมาทำความน้องตัวใหม่อีกรอบ ;_; จริง ๆ คือขนาดเดียวกันหมดแต่เราจับแล้วไม่ถนัดมือยังไงก็ไม่รู้เลย 5555555)
เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วก็ซื้อตั๋ว Salzburg Card จากหน้า Reception เพื่อใช้เป็นตั๋วในการเดินทางรอบเมืองค่ะ จริง ๆ มีตั๋วเดินทางปกติเหมือนกันนะคะ และส่วนตัวคิดว่าคุ้มกว่าด้วย สิทธิประโยชน์ของ Salzburg Card คือสามารถเข้าบางสถานที่ในเมืองได้ฟรี ซึ่งเราก็ใช้เข้า Salzburg Museum ไป รีวิวการนั่งรถในเมืองนิดนึง เมืองอย่างเวียนนา มิวนิคเราเน้นนั่ง U-Bahn (รถไฟใต้ดิน) เมืองอย่างเชสกี้ ครุมลอฟ เรเกนส์บวร์กเล็กมากจนไม่ต้องนั่งรถสาธารณะเพราะเดินเอาได้ ส่วนซัลบวร์กจริง ๆ ก็เล็กพอสมควรนะคะ เดินเอาได้ หรือใช้รถสาธารณะก็ได้เหมือนกัน
อันนี้ก็จะเป็นสวน Mirabell ค่ะ ดอกไม้เยอะมาก นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินเล่นกันเยอะอยู่เหมือนกัน เป็นโลเคชั่นที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมาก ๆ ด้วย แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงซัมเมอร์ ทำให้อากาศร้อนพอ ๆ กับที่ไทยเลยค่ะ อีกนิดก็แตะ 30 องศาแล้ว บวกกับกล้องมีปัญหาเลยไม่ค่อยได้ถ่ายอะไร เน้นเดินดูรอบ ๆ มากกว่า แล้วจริง ๆ Mirabell เป็นวังด้วย ตัววังอยู่ติดกับสวนเลย ส่วนตัวเราไม่ได้เข้าแต่ถ้าใครมาสายเที่ยววัง ก็ลองเข้าชมดูได้นะคะ
หลังจากนั้นเราก็นั่งรถมาลงใจกลางเมืองแล้วเข้า Salzburg Museum ที่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ จริง ๆ ข้างในก็จะมีเล่าเกี่ยวกับประวัติเมือง เอาวัตถุโบราณและรูปมาให้ดู ไม่ค่อยมีคนเท่าไรค่ะ เงียบอยู่พอสมควร หลังจากเข้าชมเสร็จเราก็ออกมาเดินซื้อของตามร้านต่าง ๆ เจอคนไทยที่เข้ามาซื้อของแล้วทำงานอยู่ที่ออสเตรียด้วยเหมือนกันค่ะ พูดคุยกันเสร็จเราก็เดินถ่ายรูปอีกสักพักแล้วค่อยเดินไปที่บ้านเกิดของโมซาร์ทกันค่ะ
บ้านเกิดของโมซาร์ทหรือ Mozarts Geburtshaus (Mozart Birthplace) คือตึกสีเหลือง ๆ นี้เองค่ะ ถ้าหาไม่เจอก็ลองเดินลัดเลาะตามซอยเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะเจอตึกหลังนึงที่มีนักท่องเที่ยวยืนมุงกันเยอะ ๆ ตึกนั้นแหละค่ะที่เป็นบ้านเกิดของโมซาร์ท 55555 ส่วนตัวเราไม่ได้เข้าไปเพราะเคยไปอ่านรีวิวมาแล้วว่าข้างในก็จะให้ดูเฟอร์นิเจอร์ ฟังเพลง แล้วก็มีประวัติของโมซาร์ท ถ้าเป็นแฟนเพลงคลาสสิกเราแนะนำให้เข้านะคะ แต่เรายังเฉย ๆ เลยแวะมาถ่ายรูปพอค่ะ
จริง ๆ ในเมืองซัลบวร์กมีป้อมปราการอยู่ด้านบนเขาที่สามารถมองเห็นได้จากตัวเมืองด้วย ชื่อ Hohensalzburg (เป็นป้อมปราการใหญ่ ๆ ที่เห็นไกล ๆ ในรูปด้านล่างอะค่ะ) ตอนแรกเราก็แพลนจะไปที่นี่แต่ที่บ้านเรายังเฉย ๆ ก็พับแผนไปค่ะ แอบเสียดาย 555555 เคยอ่านมาว่าสามารถเดินเท้าขึ้นไปได้นะคะ ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร หรือจะเลือกนั่งเคเบิลขึ้นไปก็ได้เหมือนกัน ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ
จริง ๆ เท่านี้ก็หมดแล้วสำหรับซัลบวร์ก เรารู้สึกว่าตัวเองเที่ยวที่นี่ได้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไรเลย คิดว่ามันเริ่มมาจากการที่กล้องมีปัญหาเนี่ยแหละค่ะเลยซึม ๆ บวกกับอากาศค่อนข้างร้อนเลยเหนื่อย ๆ 555555 แต่มั่นใจว่าถ้ามีโอกาสกลับมาที่นี่อีกจะมาแก้ตัวใหม่แน่นอนค่ะ
ก็แค่นี้สำหรับโพสต์นี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันแล้วก็สวัสดีปีใหม่ค่ะ
— themoonograph
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in