เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Digital Nomad Lifeananinanita
เดินทางมาเกือบปี... ใส่อะไร?
  • วันนี้จะมาพูดถึงเสื้อผ้าที่เราแบกใส่เป้เดินทางตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปี จากวันแรกที่จัดกระเป๋าจนถึงเสื้อผ้าที่มีในปัจจุบัน จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ชิ้นไหนขาดไม่ได้ ชิ้นไหนไม่ต้องคิดจะแบกให้เมื่อยไหล่ เดี๋ยววันนี้ได้รู้กัน

    ท้าวความก่อนว่าตอนนี้เราเดินทางพร้อมเป้ขนาด 70+10 ลิตร ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมากเพราะตอนตอนที่ซื้อทรัพย์สมบัติเยอะมาก แต่แบกไปแบกมาเริ่มไม่ไหวว่ะ รู้สึกว่าจะต้องกลั่น ต้องเคี่ยวข้าวของที่มีให้เหลือแต่ essentials จริงๆ ไม่งั้นได้มีไหล่พัง เข่าเดี้ยงกันไปข้าง ตั้งแต่นั้นมาก็เลยตั้งใจพิจารณาว่าชิ้นไหนที่เราจำเป็นต้องมี จำเป็นต้องแบกจริงๆ จนสรุปออกมาได้เป็นเสื้อผ้าหมวดหลักๆ สามหมวด ได้แก่

    Essentials

    หมวดนี้ไม่เกี่ยวกับการ spark joy ใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเป็นเสื้อผ้าโหมดกันตาย คือถ้าไม่มีตายห่าแน่นอน เป็นไอเทมเน้นประโยชน์ใช้สอยล้วนๆ ได้แก่ ชุดชั้นใน ถุงเท้า รองเท้าและโสร่ง ชุดชั้นในเราใช้แบบเสื้อทับเสริมฟองน้ำเพื่อลดจำนวนของที่ต้องแบกและกันหนาวไปด้วยในตัว วันไหนร้อนก็ใส่เสื้อทับตัวนี้ตัวเดียว ตอนนี้เรามีแค่สองตัวกับเสื้อชั้นในแซ่บๆ อีกตัวสำหรับออกแรดเท่านั้น ชุดชั้นในเป็นอะไรที่เราใส่ทุกวัน ก็เลยเลือกซื้อโดยใช้เกณฑ์คุณภาพมาก่อนราคา 

    ไอเทมต่อมาคือถุงเท้า เราเป็นคนไม่มีกลิ่นเท้าเพราะฉะนั้นคู่หนึ่งจะใส่ได้หลายครั้ง เซ็ตที่ลงตัวที่สุดตอนนี้คือแพ็คสามคู่ แบ่งเป็นแบบหนาพอดีสำหรับใส่กับรองเท้าเดินป่าเพื่อไม่ให้เจ็บเท้าสองคู่ กับแบบหนามากสำหรับช่วงหนาวสัสๆ หนึ่งคู่ วิธีการใส่คือ เหตุการณ์ปกติใส่หนึ่งคู่ ถ้าหนาวหน่อยใส่คู่ธรรมดาซ้อนกันสองคู่ ถ้าหนาวโคตรๆ (ย่ำหิมะไรงี้) ใส่คู่ธรรมดากับคู่หนา จากประสบการณ์ฟอร์มูลานี้ทำให้เราผ่านอากาศช่วง -5 ถึง 25 มาได้แบบนิ้วยังไม่หลุดออกจากเท้า

    ไอเทมที่สามก็คือรองเท้า สำหรับเราเลขสามคือเลขเมจิก เราจัดทุกอย่างในหมวดนี้เป็นเซ็ตสาม รวมถึงรองเท้า ซึ่งก็คือ หนึ่ง รองเท้าเดินป่า สำหรับการเดินหนักๆ และการเดินป่า เราเลือกแบบที่กันน้ำได้ระดับหนึ่ง (จะได้ไม่แพงมาก ฮ่าๆ) ไม่อับมาก พื้นต้องหนาดีเพื่อไม่ให้เจ็บเข่า พื้นรองเท้ายึดเกาะได้ดี (เพราะอีนี่ลื่นไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง) หุ้มถึงข้อเท้าได้จะดีถ้าเป็นคนเท้าพลิกง่าย คู่ที่สองเป็นรองเท้าเดินเล่น ใส่เดินในเมือง ออกทริปแบบไปเช้าเย็นกลับ เน้นใส่สบาย เบา สุภาพ หุ้มข้อ เข้าสถานที่ทางศาสนาได้ เข้าผับได้ เข้าได้กับทุกชุด รองเท้าที่เราว่าเหมาะที่สุดสำหรับการเดินทางนานๆ ที่ไม่รู้ว่าชีวิตจะพาไปเจอกับอะไรบ้างคือรองเท้าทรงบัลเลต์หรือทรงอ็อกซ์ฟอร์ด เพราะใส่เดินได้ตั้งแต่ตักบาตรยันโซ๊ยข้าวต้มหลังผับปิดแบบไม้เคอะเขิน เชื่อเรา! คู่สุดท้ายคือรองเท้าแตะ คู่นี้เราเอาไว้ใส่เข้าห้องน้ำรวมในโฮสเทลหรือใส่พักเท้าวันสบายๆ โดยเราเน้นที่ความเบาและประหยัดเนื้อที่

    ไอเทมสุดท้ายที่เราถือว่าสารพัดประโยชน์มากก็คือโสร่ง คือแม่งเป็นได้ทุกอย่าง เราใช้เป็นผ้าเช็ดตัว เป็นผ้าโพกหัว เป็นบีชแวร์ เป็นผ้าปูนั่ง เป็นกระโปรง เป็นผ้าพันคอ เป็นผ้าคลุมไหล่ คือสารพัดนึกมาก ของมันต้องมีจริงๆ อันนี้

    Daily Wear

    หมวดนี้คือเสื้อผ้าที่ตอนแรกเราจัดโดยเน้นภูมิศาสตร์และความสวยงาม มีทั้งแบบใส่ในเมือง ใส่ลุย ใส่นอน สรุปแบกแม่งจนหลังจะหักแล้วบางตัวยังไม่เคยได้หยิบมาใส่ สุดท้ายก็เลยต้องทำป๊อปปูลาร์โหวต ตัวไหนสวยแต่รูปจูบไม่หอมก็ต้องมีการเทรดดิ้ง* กับของที่ใช้ได้จริงหรือเอนกประสงค์มากกว่า

    เสื้อผ้าหมวดนี้ถ้าจะให้แนะนำคือท่อนบนกับท่อนล่างต้องแมชกันได้ทุกชุดและสามารถนำมาใส่ทับกันได้ตามสภาพอากาศ สำหรับท่อนบน อย่างที่บอกว่าเลเยอร์แรกของเราเป็นเสื้อทับในมีฟองน้ำ ชั้นที่สองของเราจะมีเสื้อยืดแบบระบายอากาศได้ดี 3 ตัว สำหรับอากาศสบายๆ จนถึงร้อน เอาแบบใส่เดินในเมืองได้ ใส่เดินป่าได้ ใส่ผัดข้าวในแอร์บีเอ็นบีก็ได้ (เสื้อโยคะเหมาะมากสำหรับหมวดนี้เพราะมันเป็นเสื้อที่ระบายอากาศได้ดีแต่ไม่ได้ดูสปอร์ตี้จ๋า) เสื้อแขนยาวสำหรับอากาศหนาว 3 ตัว (เรามีเทอร์มอล 1 สำหรับออกทริปหนาวๆ ขนอัลปากา 2 ขนอัลปากาดีตรงระบายอากาศดีแต่อุ่น ใส่ได้ในที่ที่มีช่วงสภาพอากาศกว้างอย่างแถบที่ราบสูงหรือทะเลทรายที่กลางคืนหนาวจัดส่วนกลางวันร้อนจัด) เสื้อเชิ้ต 1 ตัว เดรส 2 ชุด (ตอนนี้เรามีเดรสกลางวันกับกลางคืนเพราะความแรด แต่ว่าอยู่ในช่วงตามหา Perfect Little Black Dress ที่ใส่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่) ท่อนล่างมีกางเกงยีนส์ 1 ตัว กางเกงเลกกิ้งแบบหนา 2 ตัว กางเกงเดินป่า 1 ตัว กางเกงขาสั้น 3 ตัว (จริงๆ ใช้แค่ตัวเดียว อีกสองตัวโดนป้ายยามาจากกระบะเซลล์ ตอนนี้กำลังเตรียมเทรดดิ้งเพราะไม่ได้ใส่เลย) กระโปรง 2 ตัว (เตรียมเทรดดิ้งหนึ่งตัว) โทนสีของเราจะอยู่กลางๆ ขาว ดำ เทา เพื่อให้จับคู่มิกซ์แอนด์แมชได้แบบชาวบ้านไม่ตกใจ และความง่ายในการเก็บรักษา

    สำหรับการเลเยอร์ก็ง่ายๆ วันไหนร้อนมากก็ใส่เสื้อทับตัวเดียว อากาศปกติใส่เสื้อทับ + เสื้อยืด/เสื้อเชิ้ต เย็นๆ หน่อยใส่ เสื้อทับ + เสื้อเชิ้ต + เสื้อแขนยาว ถ้าหนาวเพิ่มเลเยอร์เสื้อยืดเข้าไปก่อนเสื้อเชิ้ต ท่อนล่างเลเยอร์เลกกิ้งกับกางเกงยีนส์ได้ ตอนที่หนาวสัสๆ เราเคยใส่กางเกงเดินป่าทับข้างนอกอีกที 

    เราคิดว่าการจัดเซ็ตเสื้อผ้าที่ดีคือเมื่ออยู่ในช่วงที่หนาวที่สุดของทริป คุณจะต้องประโคมใส่เสื้อผ้าทุกชิ้นที่แบกมาได้ ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ได้ใช้เพราะไม่มีประโยชน์หรือมีแต่ของที่มีคุณสมบัติเดียวกัน

    Seasonal Items

    หมวดนี้จะน้อยสุดและไม่ค่อยได้ใช้แต่ก็ต้องมีไว้กันตายเหมือนกัน เราจะมีแค่ถุงมือ 1 คู่ ผ้าสารพัดเสก 1 อัน (เรียกไม่ถูก มันเป็นผ้าที่เป็นหมวกก็ได้ ใส่ไว้ที่คอก็ได้ ปิดหน้าเป็นไอ้โม่งเลยก็ได้ พันไว้ซับเหงื่อที่ข้อมือก็ได้) หมวก 1 ใบ ชุดว่ายน้ำ 1 ชุด แจ็กเกตกันหนาว 1 ตัว แจ็กเกตกันฝน 1 ตัว จบ!
    จริงๆ ก่อนหน้านี้มีเต๊นท์กับถุงนอนด้วย แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้เน้นแคมป์ปิ้งมาก ก็เลยเทรดเต๊นท์กับยกถุงนอนให้แฟนไปใช้ ถ้าจะแคมป์อีกค่อยว่ากัน

    ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราเองก็ยังอยู่ระหว่างการค้นหาปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะต่างเวลา ต่างสถานการณ์ มันก็ต้องใช้ของที่ต่างวัตถุประสงค์กัน เราแค่พยายามหาของที่เอนกประสงค์และมีประโยชน์กับเรามากที่สุด โดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนทุกๆ สามเดือน ทั้งนี้ก็เพื่อลดขยะและใช้ของที่มีอยู่อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง ที่สำคัญ ไม่ต้องแบกให้หนัก!

    *การเทรดดิ้งคือการหลอยเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ตามที่พัก... ถ้าเดินทางนานเท่าเราจะรู้ว่าโฮสเทลต่างๆ เป็นเหมือนศูนย์รวมนักเดินทางเขี้ยวลากดิน จึงหลายเป็นเหมือนแหล่งแลกเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ข้อมูลไปจนถึงข้าวของ ใครไม่อยากแบกอะไรแล้วก็จะจงใจลืมทิ้งไว้ ส่วนคนที่ผ่านมาเจอของที่เหมาะกับสถานการณ์ของตัวเองก็รับช่วงต่อไป เราชอบวิถีนี้มากเพราะมันเหมือนการช็อปของมือสองแบบไม่ใช้เงินเป็นตัวกลาง ของบางอย่าง ถึงมันจะไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว ก็อาจจะเป็นของที่เขาตามหามานานแสนนานแล้วก็ได้
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ferncomfygirl (@ferncomfygirl)
มีช่องทางไหนให้เราติดตามได้อีกมั้ยคะ