เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกคัลเจอร์จิปาถะไนตี้
ไปตามหนัง ณ Rijksmuseum ที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
  • เรารู้จักกับไรจ์มิวเซียมครั้งแรกจากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The New Rijksmuseum ที่ทาง Documentary Club นำมาฉายเมื่อปีก่อน และเพราะว่าไม่เคยได้ออกไปที่ไหนไกลๆ เราจึงประทับใจและตื่นตากับความสวยงามของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาก จนคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนซักครั้งในชีวิตก็คงดี



    จนอยู่มาวันหนึ่ง เราก็มีโอกาสได้ไปเนเธอแลนด์เพราะเรื่องงานกับบริษัท ในตอนแรกเรารู้สึกว่าไม่อยากไปเล้ย เพราะเราคิดว่าเราคงไม่อินกับวัฒนธรรมยุโรปเท่าไหร่ นั่งเครื่องก็นาน ค่าเงินก็แพง จนมีอะไรสะกิดในหัวของเราว่า เธอลืมไปรึเปล่าว่าที่นู่นมีอะไร เราเลยไปเช็คดูจนพบว่า “เฮ้ยย ที่นั่นมีไรจ์มิวเซียมนี่นาาา” ไปๆ ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัมแค่วันเดียว แต่เราก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปเยี่ยมเยือนที่ไรจ์มิวเซียมให้จงได้


    เล่าให้ฟังก่อนคร่าวๆ ไรจ์มิวเซียมหรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ปิดปรับปรุงนานกว่า 10 ปี เพราะปัญหาสารพัด ตั้งแต่การออกแบบโครงสร้าง การประท้วงจากผู้ขี่จักรยาน และอื่นๆ อีกมากมาย จนในที่สุดก็สามารถเปิดทำการได้เมื่อปี 2013 นี่เอง ซึ่งในพิพิธภัณฑ์ นี้มีผลงานเด่นๆ ทางประวัติศาสตร์หลายชิ้น อย่างชิ้นที่ดังที่สุดคือ The Night Watch ของ Rembrandt van Rijn นอกจากนั้นยังมีผลงานศิลปะจากอีกหลายชาติหลายรูปแบบตั้งแต่คลาสสิคจนถึงร่วมสมัยรวมอยู่ด้วย


    สำหรับการไปไรจ์มิวเซียมแห่งนี้ก็ไม่ยาก สามารถนั่งรถรางในอัมสเตอร์ดัมมาลงที่สถานีไรจ์มิวเซียมได้เลย ส่วนจะมาอัมสเตอรืดัมยังไง อันนี้ก็คงแล้วแต่แต่ละคน จะขับรถมาหรือนั่งรถไฟใต้ดินมาก็ได้ ของเราขึ้นรถรางจากตรง Dam Square เอา


    เอาเป็นว่าถ้าเราลงที่สถานีไรจ์มิวเซียมก็จะเจอป้าย I <3 Amsterdam ที่ลานกว้างอันบะเริ่ม พร้อมมีผู้คนมาถ่ายรูปมากมาย มองไปแถวนั้นก็จะเจอ Museum Shop ของพิพิธภัณฑ์แวนโกะห์กับไรจ์ ถ้าเดินตามถนนจักรยานเส้นใหญ่ก็จะเจอไรจ์มิวเซียมตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ พร้อมป้ายทักทายเราว่า BREITNER!

    เดินเข้าไป จะเข้าด้านซ้ายหรือด้านขวาก็ได้ (ตรงกลางเป็นเลนจักรยาน อย่าลืมเดินบนทางเท้ากันนะ) เพราะจะเชื่อมกับส่วนของ Information ด้านล่าง ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋วได้จากที่นี่เลย (ประมาณ 17-18 ยูโร) หรือถ้ากลัวคนเยอะก็สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าบนเว็บไซต์ได้ แต่ตอนเราไปคนไม่เยอะ ไม่ต้องต่อแถวสามารถซื้อได้เลย ^^


    อันนี้โน้ตไว้นิดนึง ไรจ์มิวเซียมเปิดทุกวัน แต่จะปิดตอน 5 โมงเย็น ยกเว้นวันศุกร์วันเดียวที่ปิดตอน 3 ทุ่ม ช่วงเที่ยงๆ คนจะเยอะ อย่างเราไปถึงตอนบ่ายคนก็ยังเยอะอยู่ โดยเฉพาะภาพดังๆ มีคนตลอด แต่ข้างในกว้างมาก ไม่แออัด



    ซื้อตั๋วมาแล้วสามารถหยิบแผนที่ได้ตรง Information มีหลายภาษา (ยกเว้นภาษาไทย) ข้างในจะเป็นแผนผังพิพิธภัณฑ์และไฮไลท์งานต่างๆ


    หลังจากสุภาพกันมาประมาณ 1 หน้าเอสี่แล้ว ขอพูดแบบติ่งๆ บ้าง คือเข้าไปปุ๊บนี่แบบ 

    โอ้โห้แม่เจ้า สวยชิหัย สถาปัตย์ข้างในสวยเห้ๆ ตรงล็อบบี้เพดานเป็นกระจก มีแดดส่องลงมาสวยมากกกก ทั้งข้างนอกข้างในสวยยยย รูปก็สวยยยยยย การตกแต่งก็สวยยยยยยย โอ๊ย กร๊๊ด บางรูปนี่นะเห็นแต่ในเน็ตแล้วพอมาดูภาพจริงนี่แบบอู้หูอู้หามากกกกกกกกกกก รูปจริงใหญ่มากกก เพนท์กันไปได้ยังไง รักษากันได้ยังไง เข้าไปดูแล้วขนลุกซู่ซ่าเหนือคำพรรณาจะกล่าว




    โอเค ติ่งแค่ 1 ย่อหน้าพอ หลายคนคงกลัวว่าจะมีเวลาไม่พอ สำหรับเราแล้วถ้าดูแค่งานที่อยากดู แค่ 2 ชั่วโมงน่าจะพออยู่ แต่ถ้าดูแบบพินิจพิเคราะห์ อ่านทุกคำบรรยายภาพนี่คงไม่หมด เพราะนอกจากคำบรรยายข้างภาพแล้ว งานศิลปะหลายชิ้นจะมี MAP (ขอเรียกแบบนี้) เอาไว้อธิบายผลงานชิ้นนั้นๆ ทั้งด้านศิลปะและด้านประวัติศาสตร์กัน ตรงนี้เป็นจุดที่เราชอบมาก เพราะทำให้เราเข้าใจงานชิ้นต่างๆ ได้ลึกซึ้งเข้าไปอีก


    ตัวอย่างของ MAP ที่จะมีให้หยิบตรงผลงานชิ้นสำคัญต่างๆ (ดูเสร็จแล้วเอากลับไปคืนด้วยนะ)ในส่วนตรงนี้ขอไกด์คร่าวๆ ว่าแต่ละชั้นมีอะไรบ้าง

    ชั้นศูนย์
    ชั้นศูนย์ หรือชั้น Information นอกจากห้องน้ำ ร้านค้า คาเฟ่แล้ว ปีกซ้ายปีกขวาก็จะมีงาน Exhibition และผลงานอื่นๆ แสดงอยู่ด้วย ลองเช็คดูกันได้


    ชั้นแรก

    ชั้นแรก (ขึ้นจากชั้นศูนย์ไป) จะเป็นคือผลงานศิลปะที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เนเธอร์แลนด์ นอกจากรูปวาดแล้วยังมีอุปกรณ์เครื่องใช้อาวุธต่างๆ ด้วย รวมถึงผลงานบางชิ้นของแวนโกะห์จะอยู่ที่ชั้นนี้



    ชั้นสอง

    ชั้นสอง ห้องโถงกลางมี Nightwatch และผลงานศิลปะชิ้นสำคัญอื่นๆ อยู่ เวอร์เมียร์ก็อยู่ชั้นนี้ ชั้นนี้คนจะเยอะหน่อย อย่าลืมต่อแถวชมกันอย่างมีระเบียบนะ


    มุมยอดฮิตที่คนแน่นตลอดเวลา


    นอกจากผลงานระดับโลกแล้ว สถาปัตยกรรมการตกแต่งก็สวยงามมากๆ ถ้าเดินจากห้องโถงไปจนสุดท้ายก็จะเห็นกระจกสีก่อนที่จะเป็นทางเดินแยกไปอีกสองปีกด้านข้าง ซึ่งมีผลงานชิ้นอื่นๆ ให้เราดูอีก



    ส่วนชั้นสาม เป็นศิลปะร่วมสมัย ชั้นนี้เราไม่ได้ไปดู คือสารภาพว่าหาทางขึ้นไม่เจอ


    ย้อนกลับมาขอพูดถึงคาเฟ่กับร้านค้าหน่อย ร้านของที่ระลึกก็อยู่ที่ชั้นศูนย์ ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้านั่นแหละ ข้างในมีสินค้าที่ระลึกจากศิลปินต่างๆ ขาย รวมถึงหนังสือ ภาพยนตร์ ฯลฯ ชั้นล่างลงไปอีกก็จะมีร้านหนังสือทั่วไปอีกร้านหนึ่ง


    สำหรับของที่ระลึกมีตั้งแต่ โปสการ์ด ภาพปรินท์ขนาดใหญ่ สมุด ปากกา แม่เหล็ก ที่คั่นหนังสือ ของเล่น ฯลฯ มีไกด์บุ้คขายด้วยราคา 10 ยูโร สินค้าส่วนมากจะหาซื้อได้จากที่นี่ที่เดียว แต่ถ้าลืมซื้อ บางร้านข้างนอกมีช็อกโกแลตไรจ์มิวเซียมขายอยู่ (ที่สนามบินก็มี) หรือสินค้าที่ใช้ภาพของ Nightwatch เวอร์เมียร์ และแวนโกะห์ก็มีอยู่บ้าง (อย่างเช่นแม่เหล็กหรือแผ่นรองแก้ว) แต่เราไม่แน่ใจว่าเป็นสินค้าถูกลิขสิทธิ์หรือเปล่านะ

    Note: สำหรับคนที่อยากซื้อขอฝากที่นี่เยอะๆ ต้องเตรียมเงินมาเผื่อหน่อย ถ้าเป็นคนที่กิเลศเยอะๆ ซัก 50 เหรียญก็น่าจะอยู่


    ถึงจะมีแค่สามชั้น เอาเข้าจริงใช้เวลาเดินเยอะกว่าที่คิด เพราะภายในพิพทธภัณฑ์มีห้องหลายห้องอยู่ แต่ถ้าไม่ได้อะไรมาก เราว่าถ้าจะเดินดูไปดูงานที่สนใจก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปเดินดูรอบๆ ถ้างงหรือหลงทางก็สามารถถามเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนใครที่ไม่ได้สนใจสนใจเรื่องประวัติศาสตร์หรือศิลปะอะไรก็สามารถเดินชมความงามข้างในได้ หากงบของท่านอำนวย



    ดูเสร็จ ช็อปเสร็จ ออกมามีสวนกับน้ำพุให้นั่งพักผ่อนตากแดดกันด้วย มีกาแฟเครื่องดื่มขายด้วย สามารถแวะพักผ่อนกันได้ พอตกเย็นตรงลาน I <3 AMSTERDAM ก็จะคึกคัก มีการแสดงเร่ แสดงโชว์ต่างๆ มาให้ดูกันกัน ถ้าดูจบแล้วชอบก็ให้ทิปแทนค่าเหนื่อยพวกเค้ากันได้นะ


    ถ้าจะสรุปคะแนน เราคงสรุปไม่ถูก เพราะมันเป็นความพึงพอใจของแต่ละคน แต่ถ้าคนที่มีความอินกับงานต่างๆ สูงก็คือคุ้มมาก ขนาดเราที่อินแบบครึ่งๆ กลางๆ มาเพราะดูหนังแล้วชอบ ยังอยากไปอีกเลย ถึงจะกลับมาดูรูปที่ถ่ายไว้ก็ไม่รู้สึกเหมือนได้ไปดูเอง ถ้าอีกโอกาสอยากจะไปอีกเหมือนกัน เข้าแต่เช้า ออกตอนบ่ายงี้ ช่วงฤดูร้อนที่นู่นเองก็มืดช้า ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็อยู่ในเมือง ใครจะไปเดินเที่ยวต่อก็ไปได้ง่ายๆ สบายๆ

    ---------------------------------------------------------------

    TIP & TRICK

    • ที่นี่มีฟรี WI-FI ให้บริการ

    • เค้ามีบริการ Guide Tour ด้วย แต่เราไปแบบฉุกละหุกเลยไม่ได้ใช้ 

    • ไม่สามารถนำกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปได้ แต่ถ้าติดตัวมาแล้วมีจุดล็อกเกอร์รับฝากอยู่

    • สามารถถ่ายรูปและวีดีโอได้ แต่ห้ามใช้แฟลช

    • มีลิฟท์ให้บริการ

    • คาเฟ่กับร้านค้าปิดตอน 18.00 ส่วนตัวพิพิธภัณฑ์ วันปกติปิด 17.00

    • ทางพิพิธภัณฑ์มีกิจกรรมให้ร่วม เช่น #startdrawing ซึ่งน่าสนใจมากๆ เสียดายที่เราไปไม่ทันตอนเวลาเค้าเริ่ม

    • มี Application สำหรับท่องเที่ยวให้ดาวน์โหลดด้วย ลองเชิร์จหาคำว่า Rijksmuesuem ในสโตร์ของตัวเองกันได้ จะมีแผนการท่องเที่ยวให้ด้วย

    • บัตรที่พิพิธภัณฑ์เมื่อซื้อแล้วจะมีอายุ 1 ปี แต่สามารถใช้ได้ครั้งเดียว (แปลว่าจะซื้อแล้วไม่ต้องเข้าชมวันนั้นก็ได้)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in