เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตามติดความเศร้าyou dont have to know me
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน วันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม
  • วันนี้ถามตัวเองว่า ทำไมยังติดอยู่ตรงกลาง ระหว่าง "จบชีวิตไปเลย" กับ "ไปหาหมอซะ"
    ผ่านมาน่าจะ 5 ปีได้ หลังจากที่รู้ตัวว่ามีภาวะซึมเศร้า
    ผ่านทั้งความรู้สึกอยากตาย กับ ความรู้สึกอยากไปหาหมอ สลับๆกันไป นับครั้งไม่ถ้วน

    วันนี้เป็นวันแรกที่มานั่งถามตัวเองว่าทำไม ไม่เลือกสักทาง ทำไมยังติดอยู่ตรงกลาง ปล่อยให้ตัวเองขึ้นๆลงๆ ไม่รู้ว่ามันคือความหวัง คือ ความกลัว ที่ทำให้ยังอยู่ตรงนี้
    ความหวังที่จะใช้ชีวิตปกติ กับ ความกลัวที่จะต้องตายจรงๆ มันคืออะไรกันแน่

    วันนี้ร้องไห้ หลังจากที่จมในหลุมดำมาหลายวัน เกือบจะทั้งสัปดาห์ได้ งานการไม่มีแรงจะทำ มีความสุขคือตอนกิน นอน เล่นเกม แต่ไมร้องออกมา วันนี้วันแรกเลยที่ร้อง พร้อมคำคำถามที่ก้องอยู่ในหัวว่า ไม่น่าลากชีวิตให้ยืดเยื้อมาจนวันนี้เลย ทำไมไม่หายไปซะตั้งแต่ก่อนที่จะมีคนรัก คนรักที่ดีมาก มากที่สุด คนที่เป็นเหมือนปาฏิหารย์ในชีวิต ถ้าเราทำอะไรลงไป คนๆนี้จะต้องเสียใจมากแน่ๆ

    เหมือนร้องไห้เพราะเสียดายที่ได้รับความรักจากคนดีๆ คนที่มีชีวิตปกติ คนที่มีการงานพร้อม คนที่ไม่น่าจะมาติดอยู่กับเรา กี่ครั้งที่เราพลอยทำให้เค้ามีสีหน้าอมทุกข์ ในเวลาที่เราจมในหลุม มันแย่ยิ่งกว่าแย่ เราอยากให้เค้ามีชีวิตที่ดี มีคนรักที่ดี ที่ไม่เป็นภาระหรือตัวถ่วง ความรักของคุณมีค่ามากจริงๆนะ แต่เราเองที่สัมผัสมันไม่ได้

    พิมพ์ไปร้องไห้ไป ยังไม่รู้คำตอบเลยนะว่าทำไม เราถึงไม่เลือกสักทาง
    แต่ก็อยากลองคิดนะว่าทำไม

    คิดดูแล้ว คำตอบที่เราใช้ตอบตัวเองบ่อยๆ สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมไม่ตายไป ก็คือ กลัวทำแล้วไม่ตายจริง (เพราะตอนทำคงไม่เด็ดขาด)

    ส่วนคำถามที่ว่าทำไมไม่ไปหาหมอ อันดับแรกคือ กลัวเสพติด เพราะการรักษาต้องใช้ยา ถ้าในใจเรายังไม่มีคำตอบให้ตัวเอง ยามันคงทำได้แค่บรรเทาความฟุ้งซ่าน อันดับต่อมาก็คือ มันต้องใช้ตัง  ในวันนี้ กับคนที่ไม่มีการงานประจำทำ มันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะคงไม่ได้ไปครั้งเดียวแน่ๆ อันดับสาม เรากลัวว่าจะสับสนกว่าเดิม เพราะคงเหมือนเป็นการอนุญาติให้ใครไม่รู้ รุกล้ำเข้ามาในความคิดและความทรงจำของเรา เข้ามาส่วนร่วม และบทบาทในชีวิตของเรา เราไม่อยากได้

    ที่ว่ามาทั้งหมดมีแต่ "ความกลัว" แล้วไหนล่ะความหวัง
    พิมพ์มาขนาดนี้แล้ว รู้สึกว่าจะเจอแล้วแหละ "ความหวัง" ที่ว่า น่าจะเป็นคนๆนั้นละมั้ง ที่อยู่เคียงข้างมาตลอด ตั้งแต่ตอนนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดไม่มีสาเหตุทุกวันตอนเย็นหลังเลิกเรียน กินเวลาสามชั่วโมงได้ในแต่ละครั้ง จนมาทำงาน อยู่หอพักราคาแพงหูฉีก เงินเดือนเท่าจิ๋มมด ก็ยังอยู่ด้วยกันเสมอ ไหนจะตอนที่สับสนกับทุกอย่าง ก็ยังมีสีหน้าและแววตาที่เป็นห่วงเอามากๆ

    เข้าใจคำว่า "รู้ แต่มันทำไม่ได้" เลยนะ คือ รู้ว่าเขารักและเป็นห่วงเรา
    แต่ทำไมใจมันชาแบบนี้ ก็ยังเหี่ยวเฉาเหมือนเดิม

    วันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in