เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เพนกวิ้นท่องเที่ยวpenguintravel3
สิ่งที่มันกำลังเกิด [เชียงราย-เชียงใหม่]
  • เมื่อการเดินทางสมัยนี้มันง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส...


    ใช่ พวกเราหมายถึงการกดซื้อตั๋วเครื่องบินน่ะ ง๊ายง่าย 


    จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงกลางฤดูหนาวปี 2560 อากาศกำลังดีเลยล่ะ เมื่อเปิดเข้าไปดูในเพจ Ae Jirakorn ตารางงานเดือนพฤศจิกายนของพี่เอ๊ะพาขึ้นเหนือหลายวันเชียว ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าตอนที่เห็นน่ะใช้เวลาประมวลผลถึงนาทีไหม จำได้อีกทีก็มีตั๋วใบเสร็จค่าตั๋วเครื่องบินอยู่ในมือ ก็บอกแล้วว่าเทคโนโลยีสมัยนี้มันเข้าถึงง่าย ไม่นานหลังจากนั้นนักเดินทางสองอัตราก็พากันเก็บหัวใจแพ็คใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องบินขึ้นเหนือกัน 


    เรามีเชียงรายเป็นจุดหมายแรก


    อากาศดีๆ สัมผัสผิวพวกเราทันทีที่ลงจากเครื่อง ที่เชียงรายเรามีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่จะพาเราไปเที่ยวกัน (เป็นเพื่อนที่ได้มาเพราะความชอบในพี่เอ๊ะเหมือนกันนี่ล่ะ) แสงแดดเช้าส่องสว่างเห็นทิวทัศน์เมืองเหนืออย่างชัดเจน เรานั่งมองวิวสวยๆ กันไปตลอดทาง


    ที่แรกที่พวกเรามาเยือน ศิลปกรรมทางศาสนาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของศิลปินชั้นครู วัดร่องขุ่น ตัวสิ่งปลูกสร้างสีขาวหมดจดให้ความรู้สึกสงบ นอกจากนี้ยังมีภาพปั้นต่างๆ ที่สวยงามและแฝงปรัชญาไว้มากมากมาย อยากให้เพื่อนๆ ได้มาเห็นด้วยกัน


    สวยจนตะลึง

    งานศิลปะที่ดูเผินๆ เหมือนจะน่ากลัวแต่ก็แฝงปรัชญา

    เข้ากับอีกาดำมาก


    แน่นอนว่าวันนี้พวกเราจะต้องใช้เวลาให้คุ้มด้วยการเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจากวัดร่องขุ่น เราก็มาถึง อ่างเก็บน้ำแม่สรวย หรือที่ใครๆ ก็เรียกว่าเขื่อนแม่สรวย ความสดชื่นลอยเอื่อยๆ มาสัมผัสผิว ผืนน้ำส่องประกายวิบวับตอนที่แสงแดดตกกระทบ 


    สวยจนต้องถ่ายภาพเก็บเอาไว้

    หลังจากที่เราท่องเที่ยวกันจนพอใจ ทีนี้ก็ได้เวลาสำหรับการติ่ง (เย้~) เราเก็บของเข้าที่พักกันเรียบร้อยพร้อมเตรียมตัวไป ร้านฝรั่ง Farang Bar & Restaurant ที่นี่เราเต็มที่กับคอนเสิร์ตของพี่เอ๊ะกันมาก บรรยากาศดีและสนุก เพราะที่ร้านมีส่วนที่เปิดโล่งทำให้มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า สนุกกันแทบลืมเวลา


    แสงสีมาเต็ม

    คิดอะไรอยู่เหรอ

    บินไปเลยพี่


    จบวันแรกด้วยความสนุกสนาน


    สำหรับวันที่สอง เราตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางทั้งที่นอนดึกกันมาก เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าเราจะขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันน่ะสิ คณะท่องเที่ยวพากันขับรถขึ้นไปที่ พระธาตุม่อนเจ้าหลาย ถนนที่ชันไม่ได้ทำให้ความอยากไปลดลงเลย ยิ่งเราพยายามทุ่มเทมากเท่าไรเป้าหมายของเรายิ่งมีความหมายมากเท่านั้น


    มีทะเลหมอกกก

    แสงแดดตอนเช้า


    ไม่รอช้า หลังจากรับวิตามินจากแสงแดดยามเช้ากันไปแล้วพุงน้อยๆ ของพวกเราก็เริ่มเรียกร้องหาอาหาร เราไปกันที่ ไร่ชาฉุยฟง พื้นที่สีเขียวสบายตาของไร่ชาเก่าแก่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ต้นชาที่ถูกปลูกเป็นขั้นบันไดก็เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนที่ได้มาเห็น อากาศสบายๆ (น่านอนมาก) 


    พาอีกาดำกับพี่เอ๊ะจิ๋วมาเที่ยวด้วย

    แล้วเราก็ออกเดินทางไปเชียงใหม่กัน ระหว่างทางก็แวะกินขนมไปเรื่อย เราเชื่อแล้วที่เคยมีใครสักคนบอกว่าสำหรับการเดินทางจุดหมายไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง เพราะบทสนทนาสัพเพเหระของพวกเราบนรถที่แล่นฉิวน่าจดจำมากพอๆ กับสถานที่ท่องเที่ยว


    ไหนมาแล้วก็กินขนมซะเลย


    การติ่งในวันที่สองนี้ เราไปกันที่ ร้านลีลาวดี ซึ่งเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีเชียวล่ะ สำหรับคอนเสิร์ตของพี่เอ๊ะก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเช่นเคย


    บางทีก็เท่

    บางทีก็เท่มาก


    ตกดึกเราก็กลับที่พักกัน (คราวนี้พักบ้านเพื่อน) เล่นกับน้องหมาน้องแมวก่อนนอน


    วันที่สาม เราตื่นกันแต่เช้า (อีกแล้ว) ไปกันที่ พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้นานาพันธุ์เข้ากันดีกับสีฟ้าจัดของท้องฟ้า แบบนี้ให้ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ พวกเราเดินกันรอบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกันเลยทีเดียว


    อีกาจะบิน

    อีกาดำในมุมอ่อนโยน


    คอนเสิร์ตพี่เอ๊ะในวันนี้ เรามากันที่ Ocean Café บรรยากาศมืดๆ ทึมๆ เหมาะกับชาวร็อค และดูเหมือนที่ร้านนี้พี่เอ๊ะของพวกเราจะป๊อปปูล่าเป็นพิเศษ เพราะปริมาณคนหนาแน่นมาก มากซะจนเราไม่สามารถถ่ายรูปงานคอนเสิร์ตในวันนี้ได้เลยล่ะ จริงๆ อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้ในทุกคอนเสิร์ตเลย ยอมไม่ถ่ายรูปเลยเอ้า


    แล้ววันที่สามก็หมดไปอย่างสนุกและเหนื่อยอ่อน


    ในวันที่สี่ของเรา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายสำหรับการมาเที่ยวแล้ว คิดแล้วก็ใจหายเวลาแห่งความสนุกหมดไปเร็วมากเลย วันนี้เราไปกันที่ ลานประเสริฐแลนด์ สำหรับงานนี้ขอบอกเลยว่าเป็นการปิดทริปที่สวยงามมาก เพราะคนจำนวนมหาศาลที่มารอดูคอนเสิร์ตพี่เอ๊ะ เสียงดนตรีกับเสียงกรี๊ดของคนดูดังพอๆ กัน ทุกคนทั้งโดด ทั้งเต้น สนุกกันมากๆ


    ได้อยู่ห่างๆ เพราะคนเยอะ

    ท่าประจำพี่เขาล่ะ

    จับไม้จับมือ


    จบสี่วันที่เหมือนจะสั้นแต่ก็ยาวนานในความรู้สึก


    ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงติ่งของพวกเราไม่หยุดแค่นี้แน่นอน :)



    ป.ล. ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้เราอยากให้มาฟังเพลงเพราะๆ จากพี่เอ๊ะกันหน่อย ถือเป็นการพักอารมณ์ ซึ่งเพลงนี้เราว่ามันเข้ากับบรรยากาศดีเลยล่ะ


    - สิ่งที่มันกำลังเกิด -​






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in