เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Before Bed short storyแ ว ว วั น.
แมวหาย ผ้าม่าน บานหน้าต่าง
  • ☕️??

    ชาสมุนไพร
    กระดาษรีไซเคิล
    ดินสอไม้

    ทั้งสามถูกวางอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่าง
    เพื่อนๆ ทั้งสามนอนหลับไปหมดแล้วที่ระเบียงห้อง
    เจ้านายตัวน้อยเดินวนเวียนอยู่ใกล้

    “ทำยังไงดีล่ะโอลิเวีย ผมคิดงานไม่ออกเลย”
    แบคฮยอนอุ้มเจ้าแมวขนปุยขึ้นมานั่งบนตัก ถูไถแก้มของตนกับใบหูของเธอ
    “เธอก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดีใช่มั้ยล่ะ สามคนนั้นก็หลับกันหมดแล้วด้วยซี”
    เขามองไปที่กระถางกุหลาบทั้งสามที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมระเบียง
    ฮารุ นามิ และโซระ

    ดวงอาทิตย์สละสิทธ์การยึดครองท้องฟ้าให้ดวงจันทร์
    และดวงจันทร์เปิดทางให้แสงดาว
    คืนนี้ดวงดาวน้อยใหญ่ได้มีโอกาสแสดงตนบนเวทีกลางเวหา
    ต่างแข่งกันส่องแสงสกาวเต็มท้องฟ้า

    “ผมว่าจะออกไปเดินเล่นแถวตลาดหน่อยนะ”
    แบคฮยอนเดินไปที่ประตูห้อง คว้ากระเป๋าย่ามสีกากี
    แมวหนึ่งตัวและต้นอีสเตอร์ลิลลี่สามต้นยังคงอยู่ในห้อง



    ตลาดนัดกลางคืนผู้คนพลุกพร่าน
    รอบตัววุ่นวายเกินกว่าจะนึกถึงเรื่องแรงบันดาลใจ
    แบคฮยอนแทรกตัวในฝูงชนมาจนถึงบริเวณลานกว้างที่อยู่เกือบท้ายตลาด
    เขาเกือบจะเดินผ่านไปยังริมแม่น้ำหากไม่ใช่เพราะเสียงหนึ่งได้ตรึงเขาไว้

    เสียงทุ้มแหบขับร้องบทเพลงยอดนิยม
    ทำนองดนตรีถูกดัดแปลงให้เข้ากับกีต้าร์โปร่งที่ใช้เป็นเครื่องบรรเลง
    ช่างเป็นบทเพลงที่ไพเราะราวกับมีเวทมนต์
    และแบคฮยอนก็คิดแบบนั้นจริงๆ ตอนที่พบว่าตัวเองมาท่ามกลางฝูงคนพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ตัวแบคฮอยนไม่ได้สั่นเทิ้มเพราะลมหนาว
    เป็นหัวใจของเขาที่สั่นและหวั่นไหวด้วยน้ำเสียงของคนแปลกหน้า
    คนแปลกหน้าที่ตอนนี้แบคฮยอนมองเห็นเพียงเรือนผมเท่านั้น
    ความสูงของเขาไม่ได้มากพอจะมองข้ามผู้คนที่ชมการแสดงนี้ไปยังคนที่กลางล้อม

    เสียงปรบมมือดังขึ้นมาแทนเพลงที่เพิ่งจบไป
    ผู้คนแยกย้ายเมื่อนักดนตรีกล่าวขอบคุณ
    วงล้อมสลายไป
    แบคฮยอนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
    ตรงหน้านักดนตรีอิสระที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยเพียงเสียงขับร้อง
    ทั้งคู่สบตากัน
    และเป็นแบคฮยอนเองที่หลบสายตา



    ชาสมุนไพร
    กระดาษรีไซเคิล
    ดินสอไม้

    ทั้งสามถูกวางอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่าง
    เพื่อนๆ ทั้งสามนอนหลับไปหมดแล้วที่ระเบียงห้อง
    เจ้านายตัวน้อยเดินวนเวียนอยู่ใกล้

    “ทำยังไงดีล่ะโอลิเวีย ผมคิดงานไม่ออกเลย”
    การออกไปเดินเล่นที่ตลาดเมื่อคืนไม่ได้ช่วยให้งานเขียนของเขาเดินหน้า
    เวลาผ่านไปจนครบสิบสองชั่วโมงแล้วหลังการแยกจากโดยไร้คำพูด
    กระนั้นแบคฮยอนก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
    ตรงที่ผู้คนแหวกตัวออกให้เขาได้สบตากับคนแปลกหน้า
    เสียงแทรกรบกวนจากนิ้วที่รูดไปตามสายกีต้าร์ตอนเปลี่ยนคอร์ด
    เสียงทุ้มแหบที่ให้สะกดผู้คนที่เดินผ่าน
    แบคฮยอนไม่สามารถลบเลือนออกไปจากใจได้เลย

    ราวกับว่าเขากำลังตกหลุมรัก


    “ผมว่าผมออกไปเดินเล่นก่อนดีกว่าเนอะ”
    แบคฮยอนปิดสมุดโน้ต เขาลูบหัวแมวแสนรักแล้วหยิบเอาของจำเป็นใส่ย่ามสีกากีใบเดิม
    “จะรีบกลับก่อนมื้อเย็นเธอนะครับ”
    ก้มตัวลงไปบอกเพื่อนร่วมห้องอีกครั้งแล้วเปิดประตูออก
    เอ๋?
    “เมี้ยว~”



    แบคฮยอนประหลาดใจในแบบที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
    ตรงหน้าเขาคืออาคารขนาดเล็กสีเหลืองอ่อนที่เขาเคยผ่านมาแล้วเมื่อคืนนี้
    มันคือส่วนหนึ่งพื้นที่ตลาดนัดกลางคืนของเมือง
    มือขวาของเขาถือย่ามสีกากี
    และมือซ้ายคือตะกร้าแมวที่ไม่ได้ถูกหยิบมาใช้เสียนาน

    เขาพบแมวเก้าแต้มที่หน้าประตูห้อง
    มันนั่งมองหน้าเขาราวกับเรารู้จักกันมาก่อน
    เมื่ออุ้มเจ้าตัวขนขึ้นมาเขาก็พบว่าที่ปลอกคอของมันมีที่อยู่ระบุไว้ชัดเจน
    และนั่นคือสิ่งที่นำพาเขามาอยู่ที่นี่

    …หน้าห้องเบอร์ 412 ที่มีเสียงกีต้าร์เล็ดรอดออกมา

    หัวใจของเขาเต้นแรงอีกแล้ว
    จากนั้นมันก็แทบหยุดเต้นพร้อมกับอาการชาจากใบหน้าถึงหลังเท้าเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา



    ลมพัดเข้าทางหน้าต่าง
    ผ้าม่านผืนขาวปลิวขึ้นมาเล็กน้อย
    แต่มันก็มากพอที่จะให้แมวตัวขึ้นแทรกตัวกระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง

    “เจ้านั่นชื่อบีโทเฟ่นน่ะ”

    วันนี้ท้องฟ้าเปิด
    แสงแดดตอนบ่ายสว่างมากพอที่จะไม่ต้องเปิดไฟซักดวง
    นั่นเป็นเรื่องที่ดี
    แต่ไอแดดที่มาด้วยกันนั้นร้อนอะรุราวกับจะแผดเผาเมืองนี้เสียให้ได้
    มันทำให้เจ้าของห้องต้อวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกจนหมด

    และนั่นก็เป็นเรื่องี่ดีมากๆ

    “ส่วนผมชื่อชานยอล”
    “แบคฮยอน”
    ทั้งคู่จับมือทักทาย
    ความต่างของขนาดฝ่ามือช่างดูน่าขัน
    “มือคุณสวย”
    “ขอบคุณ”

    พวกเขาสนทนากับแบบถามคำตอบคำ
    อาจเพราะต่างเป็นคนแปลกหน้า
    หรือไม่ก็เพราะทั้งคู่กำลังอยู่บนเตียงเดียวกัน

    ห้องนี้ไม่ได้เล็กเกินไปสำหรับทั้งสอง
    เรียกได้ว่ากำลังพอเหมาะ
    แต่เพราะเครื่องดนตรีมากมายและกระดาษโน้ตเพลงของศิลปินหนุ่มได้ยึดพื้นที่เหล่านั้นไปเสียหมด

    แบคฮยอนกำลังนั่งบนขาของตัวเอง
    เขาวางสายตาไว้ที่ผ้าม่านที่ยังคงปลิวสะบัดตามกระแสลม
    มันเป็นเพียงผ้าดิบสีขาวที่ถูกย้อมด้วยสีส้มอ่อนของแสงแดด

    ชานยอลกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่ปลายเตียง
    เขากอดกีต้าร์ตัวโปรดอยู่
    เขาวางสายตาไว้ที่คนที่กำลังทำทางสนใจผ้าม่านของเขาราวกับมันตกทอดมาจากจักรวรรดิโรมัน

    กระเป๋าย่ามสีกากี
    เขาจำมันได้
    คนที่เขามองเห็นชัดเจนที่สุดในบรรดาผู้ชมของเขาเมื่อคืน
    ดวลาผ่านไปมากกว่าสิบสองชั่วโมงแล้ว
    แต่เขายังคงจำมันได้ดี

    “ผมสอนดนตรีน่ะ”
    ชานยอลทำลายความเงียบ
    “ครับ คุณบอกผมแล้ว”
    “งั้น...ผมชอบออกไปเล่นดนตรีที่ตลาดหน้าตึกทุกวัน”
    “ครับ เมื่อคืนผมก็เจอคุณ”

    ชานยอลได้พยายามแล้ว
    เขามาได้เพียงเท่านั้น
    แบคฮยอนยังคงเลือกที่จะมามองผ้าม่านตรงหน้าต่างมากกว่าเขา
    ชานยอลสงสัยจริงๆ ว่ามันมีอะไรน่าสนใจกว่าท่อนบนที่เขาจงใจเปลือยให้อีกฝ่ายเห็นกันนะ

    แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ
    ช่างถูกใจเขาอย่างที่คิดไว้เลยจริงๆ

    “คุณจะกลับเลยก็ได้นะ เอาไว้คราวหน้าคุณพาโอลิเวียของคุณมาด้วยสิ เดี๋ยวผมจะทำอาหารเลี้ยงเป็นการตอบแทนที่พาบีโทเฟ่นมาส่ง”
    ชานยอลลุกขึ้น
    เขาวางกีต้าร์ทิ้งไว้บนเตียง
    พยายามทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วยการใช้เท้าเขี่ยของที่ถูกวางกระจัดกระจายออกเป็นทางเดินแคบๆ ไปยังประตู
    แบบนี้แบคฮยอนจะได้ไม่ต้องกระโดดโหยงเหยงราวกับหลบกับระเบิดอย่างตอนเข้ามา
    “…”
    “ยังไม่อยากกลับหรอ”
    “คือ...”
    แบคฮยอนยังคงนั่งนิ่งเป็นเข่าตัวเอง
    เขาจับหัวเข่าทั้งสองข้างไว้ มีเพียงศีรษะที่หันไปทางชานยอล
    “ขอนั่งอยู่ครู่นึงได้มั้ย เหน็บกินขาน่ะ”


    ดวงอาทิตย์กำลังอำลาท้องฟ้า
    ชานยอลกำลังสูบบุหรีอยู่ที่ริมหน้าต่าง
    เขาไม่ได้สวมเสื้อหรือกางเกง
    มีเพีงผ้าขนหนูที่พันไว้และกำลังจะหลุดออกไปเพราะแมวตัวแสบที่คอยตะกุย

    บีโทเฟ่น
    เจ้าแมวรู้มากที่แอบเดินตามแบคฮยอนไปในคืนแรกที่เจอ

    ชานยอลแกล้งเตะมันเบาๆ ที่ท้อง
    มันกระโดดหนีขึ้นมาที่ขอบหน้าต่าง
    และนี่เป็นครั้งที่สามที่มันทำให้เขาได้เจอกับคนนั้น

    “รู้ดีนักนะ”
    ชานยอลขยี้ก้นบุหรี่กับขอบหน้าต่าง
    มันคงจำเสียงฮัมเพลงของแบคฮยอนได้
    ชานยอลคว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นที่กองอยู่แถวนั้นมาสวม
    หวังว่าคนที่อุ้มกระถางต้นไม้เดินผ่านไปเมื่อครู่ยังจะไปได้ไม่ถึงไหน


    แรงกดเบาๆ ที่ปลายจมูกทำเอาแบคฮยอนสะดุ้งเฮือก
    “ไง”
    แบคฮยอนเลิกคิ้วใส่คนที่เดินมาทัก
    วันนี้ชานยอลใส่เสื้อเชิ้ตแบบติดกระดุมแล้ว
    เขาเสียดายนิดหน่อย
    จากนั้นก็หันไปสนใจชั้นหนังสือตรงหน้าต่อตอนที่คิดได้ว่าเป็นชานยอลเองที่จิ้มปลายจมูกเขา
    “ไม่เห็นคุณมาดูผมเล่นกีต้าร์ที่ตลาดเลย”
    ชานยอลหน้าเสียเล็กน้อยที่แบคฮยอนหันหน้าหนีกันแบบนี้
    “ผมกำลังยุ่งๆ กับต้นฉบับอยู่น่ะ”
    ถ้าเขาไปดูชานยอลร้องเพลงพร้อมกับมองหน้ากันแบบนั้นทุกวันคงได้หัวใจวายก่อนปิดต้นฉบับอย่างไม่ต้องสงสัย
    “แล้วนี่คุณจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
    ชานยอลเท้าแขนข้างหนึ่งกับชั้นหนังสือ ก้มตัวลงเล็กน้อยตอนถามคำถาม
    แบคฮยอนเห็นจากหางตา เขาคิดว่ามันเป็นท่าทีที่คุกคามคู่สนทนาพอสมควร
    “ไปนั่งริมน้ำน่ะ”
    แต่เขากลับชอบที่เป็นชานยอลทำท่าคุกคามตัวเองแบบนี้เสียอีก


    “นั่งริมน้ำจริงๆ ด้วย”
    ชานยอลและแบคฮยอนนั่งอยู่ริมตลิ่ง
    มีต้นไม้หนึ่งกระถางกั้นอยู่
    ต้นเดียวกับที่ชานยอลเห็นว่าเขาเดินอุ้มผ่านหน้าที่พักไปนั่นแหละ
    “ใช่”
    “ไม่มีอย่างอื่นทำไปด้วยเลยหรอ”
    “ไม่อ่ะ”
    “แล้วต้นไม้นี่คือ?”
    “เธอชื่อนามิน่ะ...”
    แบคฮยอนรู้สึกว่าเธอกำลังเศร้าที่เสียดอกไม้ของตัวเองไป เขาจึงพาเธอมาเดินเล่นด้วย
    “อ่อ...”
    ทั้งคู่นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
    แบคฮยอนมองเหม่อออกไปที่แม่น้ำ
    ชานยอลสมาธิสั้นเกินกว่านั้น
    เขาจึงมองใบหน้าด้านข้างของแบคฮยอนแทน
    “ทำไมคุณต้องจ้องผมแบบนั้นด้วยเล่า!”
    แบคฮยอนเขินมากเสียจนต้องขึ้นเสียง
    เขายกเจ้านามิขึ้นมากั้นสายตาของอีกฝ่ายเอาไว้
    ชานยอลมองการกระทำน่ารักนั้นด้วยความอดทน
    แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้แบคฮยอนจะถูกใจเขามากเกินไปเสียนิดหน่อย
    “ก็นะ...”

    ชานยอลเล็งเป้าหมายไว้ที่มุมปาก
    เขาจู่โจมมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำตอนที่แย่งต้นอีสเตอร์ลิลลี่กระถางนั้นมาได้
    จุ๊บ!
    “…ก็คุณน่ารักดี”

    แบคฮยอนไม่เขินด้วยเลยซักนิด
    เพราะเขากำลังโกรธที่ชานยอลทำให้เขาเขิน
    และเขาจะต้องเอาคืนให้ได้

    แบคฮยอนเล็งเป้าหมายไว้ที่มุมปาก
    เขาจู่โจมมันอย่างรวดเร็วแต่ดันพลาดเป้า
    ริมฝีปากของเขาประกบเขาของชานยอลอย่างพอดิบพอดี
    แบคฮยอนเอาคืนไม่สำเร็จเมื่อเป็นเขาอีกแล้วที่เขินจนใบหูแดง
    และยังทำให้อีกฝ่ายมีอะไรทำระหว่างที่เรานั่งอยู่ริมตลิ่งอีกต่างหาก

    อย่างเช่นการจูบเขาด้วยสันดานดิบ เป็นต้น

    จบ.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in