……….
ตอนที่ 31 : พบหน้า
“มันต้องการอะไรของมันวะ” ไบรอันพูดไปตาก็หาเส้นทางที่ตนจะต้องไปต่อซึ่งหมู่บ้านนี้ค่อนข้างโล่งเพราะตัวบ้านอยู่ไม่ติดกันทำให้ตัดปัญหาไปได้เลยว่าจะหนีไปเจอทางตันเข้า
ไบรอันขับมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วเขาขับออกมาจากบริเวณค้าขายของหมู่บ้าน จนมาถึงพื้นที่อาศัยซึ่งมีบ้านสองชั้นตั้งอยู่ประปรายไปตามสองข้างทางแต่ละบ้านก็ประดับประดาด้วยหมู่ต้นไม้นานาชนิด ทำให้หมู่บ้านนี้ดูร่มรื่นไปเลยเมื่อบวกกับพื้นหลังของหมู่บ้านที่เป็นป่าใหญ่ด้วย
“นั่นมันจะทำอะไรของมันวะนั่น” ไบรอันถามตัวเอง เห็นหนึ่งในพวกมันชะโงกออกมาจากรถเพียงครึ่งตัวแต่แล้วไบรอันก็หายสงสัยแต่เปลี่ยนเป็นตกใจแทนเมื่อเห็นเจ้านั่นถืออาร์พีจีกำลังเล็งมาทางตน “เล่นของหนักเลยนะ”ไบรอันเร่งเคลื่อนเต็มกำลัง ข้างหน้าเป็นทางแยกซ้ายขวามีป้ายบอกทางที่ทำด้วยไม้แต่ไบรอันไม่ได้สนใจมันหรอกเมื่อมีสิ่งที่ต้องกังวลอยู่ข้างหลัง
ซู่ม ! เสียงลูกจรวดพุ่งออกมาจากเครื่องยิงพร้อมกับควันที่พุ่งโขมง มันพุ่งตรงดิ่งจะถึงรถเอสยูวีของไบรอันในไม่ช้าแต่ตนก็เร่งความเร็วช่วงสุดท้ายได้ทัน ทำให้ไม่โดนมันเต็มๆ
จรวดดิ่งลงพื้น ท้ายรถไบรอันที่อยู่ห่างไปไม่ถึงเมตรยกตัวขึ้นด้วยแรงระเบิดทำเอารถเอสยูวีตีลังกาไปข้างหน้าก่อนหงายคว่ำกับพื้น ไถลครูดไปกับพื้นถนนมุ่งหน้าไปสู่ทางแยกข้างหน้าไบรอันไม่อาจหยุดความเร็วลงได้แม้แต่น้อย
ตัวรถไถลไปชนเข้ากับราวกั้นที่ทำขึ้นไม่ให้สิ่งใดก็ตามตกลงไปยังแอ่งข้างล่างแต่ดูเหมือนราวกั้นก็ยากจะรับน้ำหนักตัวรถไว้ได้นาน ไบรอันพยายามดึงกระเป๋าอุปกรณ์ของตนที่ติดอยู่กับตัวเบาะแน่น สุดท้ายเขาก็ต้องตัดใจเปิดประเป๋าปล่อยให้ของข้างในตกก่อนหยิบเอาสิ่งที่สำคัญเท่าที่หยิบได้ก่อนใช้ปืนพกยิงกระจกข้างคนขับจนแตก ปล่อยตัวลงทิ้งกับเพดานรถที่ตอนนี้กลายเป็นพื้นไปซะแล้ว
ไบรอันคลานออกมาอย่างยากลำบากถึงแม้จะไม่ได้บาดเจ็บอะไรนักแต่การกระแทกแรงๆจากแรงระเบิดก็ใช่ว่าจะไม่สร้างความเจ็บปวดแก่ร่างกาย
รถฮัมวี่สามคันกำลังมุ่งหน้ามาทางตน ดูเหมือนพวกมันจะไม่รีบด้วยซ้ำไบรอันหันไปมองระหว่างคลาน เห็นพวกมันจอดรถกำลังลง แต่ที่ทำให้ไบรอันรีบคลานและลุกขึ้นก็คือดูท่ามันจะยิงจรวดอีกระลอก
ไบรอันกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากที่รถคว่ำเมื่อกี้ทำให้ขาของตนเกิดอาการเจ็บขึ้นเหมือนขาโดนยึดอยู่กับที่แล้วคงไปกระแทกอะไรเข้า
ซู่ม ! สิ่งที่ไบรอันคิดได้ถูกยิงอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้เล็งมาทางตนกับเล็งไปทางรถเอสยูวีของเขา ตูม ! รถลอยเคว้งบนอากาศสองสามเมตรพร้อมกับควันไฟที่พุ่งสูง ไบรอันลอยกระเด็นไปด้วยแรงระเบิดหลายเมตรก่อนล้มล้งกระแทกพื้นถนนดังตุ้บ ! ข้าวของที่ตนคว้ากระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนคว้างไปหมดพร้อมกับเสียงวิ้งที่ดังก้องอยู่ในหัวแต่สติของไบรอันบอกให้ตนต้องลุกขึ้นได้แล้ว
เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปทางไหนได้แต่คืบคลานอย่างช้าๆ เมื่ออาการจากแรงระเบิดยังไม่หายไป
ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่ออยู่ดีๆ ก็ร่วงตกถลาลงไปตามแนวลาดชันของแอ่งข้างทางที่ตนเพิ่งเห็นว่ามันมีรั้วกั้นอยู่ตอนแรก ชายหนุ่มกลิ้งลงไปเรื่อยๆผ่านหญ้าที่ขึ้นสูงรกชันจนหยุดนิ่งอยู่ข้างล่างจมลงไปในแอ่งน้ำที่ตอนนี้แห้งเหือดเป็นดินโคลน หญ้ารอบตัวสูงร่วมเมตรมันช่วยอำพลางตัวเขาได้ดีพอสมควร แต่ก็ไม่น่าจะทำให้รอดจากพวกที่ตามล่าได้
ไบรอันคลานเข่าไปตามพุ่มไม้คิดเพียงแต่ต้องรีบออกไปจากบริเวณนี้โดยเร็วไม่งั้นได้โดนฆ่าแน่ๆ
“ยังไม่ถึงคาดสินะ ฮะๆ” ไบรอันพูดกับตัวเองเมื่อเห็นท่อระบายน้ำข้างหน้า
ปัง ! ไม่ทันไรกระสุนก็ไล่กราดยิงมาทันทีเหล่ากิ่งไม้เล็กใหญ่พลันแตกหักกระเด็นปลิวว่อนไปทั่วบนอากาศ ทำให้ไบรอันรีบคลานขึ้นอีกก่อนเข้าไปในท่อระบายน้ำข้างหน้า
ความสูงในท่อไม่มากนักเมื่อหัวไบรอันเกือบจะชนเพดานท่อข้างในมืดสนิทและสกปรกจากข้าวของที่ถูกทิ้งกลายเป็นขยะและน้ำขังที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเจิ่งนองไปตามทางที่มืดมืดไบรอันเปิดไฟฉายตรงปลายปืนกล HK ที่ตนฉวยออกมาได้ทันก่อนที่พวกมันจะระเบิดรถ ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวออกไปช้าๆ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรบ้างแต่ในใจคิดว่าก็ยังดีกว่ากลับหลังไปเผชิญกับพวกเคลโอแน่ๆ
..........
“เอาไงต่อครับ?” ชายในชุดทหารสีดำถามหัวหน้าตนที่ยืนมองเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้รถของเจ้าหนุ่มที่เพิ่งหนีรอดจากตนไปได้แบบหวุดหวิดแต่เจ้าตัวคนถามก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหัวหน้าตนคิดจะจับล่ะก็พรวดเดียวก็จับเจ้าหนุ่มผมทองนั่นได้แล้ว
“ปล่อยมันไปก่อน” หัวหน้าในชุดทหารเหมือนกันแต่จุดที่แสดงได้ถึงความเป็นผู้นำคงเป็นท่าทีที่ดูห้าวหาญเหมือนกับผ่านสมรภูมิรบมาช้านาน
……….
“ดูท่าไบรอันจะงานเข้าซะแล้ว” โจว่าขณะเดินรั้งท้ายกลุ่ม
“ไบรอันไม่เป็นไรหรอกน่า หมอนั่นรอดได้ตลอดแหละ” อลิซพูดแต่น้ำเสียงไม่มั่นใจในประโยคที่ตนพูดออกมาเท่าไหร่
“รีบหาตำแหน่งของผู้รอดชีวิตเร็วเข้า” แคลหันไปพูดกับโจ
แคลเดินนำกลุ่มย่อยนี้เดินลัดเลาะไปตามทางเท้าถนนสอดส่องหามนุษย์ที่ยังไม่ติดเชื้อทั้งสามเพิ่งจะเดินมาได้สักพักหลังจากลงมาจากยอดตึก
“ได้คับลูกพี่” โจรับคำยังไม่ทันจะหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาก็ได้ยินเสียงแคลบอกให้เงียบ
“ชู่ว !” แคลชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศเป็นสัญญาณให้หยุดทั้งสามเงียบกริบ โจเก็บแทบเลตในมือเปลี่ยนมาถือปืนพกแทนทั้งสามเดินตามแคลที่นำหน้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด
แคลหยุดอยู่ตรงมุมตึกทางซ้ายเป็นทางเลี้ยวไปอีกบล็อกถนนหนึ่ง ปรากฏชายในชุดพร้อมรบสีดำสามคนกำลังเดินแบบไม่ค่อยระวังตัวเท่าไหร่นัก โจเดินดุ่มมาข้างๆ แคลพลางยื่นหน้าออกไปมองบ้าง
“นั่นใช่หน่วยจู่โจมรึเปล่า?” โจถาม
“ใช่หรอ? สามคนเนี้ยนะ” อลิซแย้ง
“อาจเป็นชุดลาดตระเวนของพวกเคลโอก็ได้” แคลพูด
“แต่พวกมันตามไบรอันไปหมดเลยนะ เท่าที่จับสัญญาณได้ตอนอยู่บนดาดฟ้า”โจว่า
“งั้นมันพวกไหนกันล่ะ” อลิซถามขึ้น
“ระวังตัวไว้ก่อนแล้วกัน” แคลสรุปแต่แล้วทั้งสามก็ต้องรีบหันกลับไปข้างหลังทันทีเมื่อทั้งหมดได้ยินเสียงรถอันคุ้นเคยกำลังแล่นมาทางพวกตนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกมันเห็นทั้งสามเข้าแล้ว
“เอาแล้วไง” โจว่ามองไปยังรถฮัมวี่ที่มุ่งหน้ามา
“วิ่งสิเจ้างั่งจะยืนรอพวกมันรึไง” อลิซผลักโจไปข้างหน้าทั้งสามเลี้ยวไปทางเดียวกับพวกที่ตนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
“เดี๋ยวนะ ! แล้วเลี้ยวมาทางนี้ทำไมเนี่ยถ้าเจ้าพวกข้างหน้ามันเห็นเราเข้าล่ะ” แคลถามขึ้นเมื่อตนกับอลิซเผลอวิ่งตามโจมาได้เกือบครึ่งทางแล้ว
“พวกนั้นมันอยู่ซะที่ไหนล่ะ” โจว่า ชี้มือไปยังทางเดินข้างหน้าที่ก่อนหน้าพบชายในชุดทหารเหมือนพวกเคลโอสามคน
“กูอยากจะบ้าตาย !” เสียงผู้ชายดังขึ้นข้างหน้าทั้งสาม ก่อนจะเห็นชายรูปร่างท้วมเดินออกมาจากหัวมุมถนนก่อนสะดุ้งเล็กน้อยที่เห็นพวกตน
“มึงจะหยุดเดินทำไมเนี่ย !” เสียงชายอีกคนดังขึ้นก่อนจะปรากฏหนุ่มร่างเล็กอีกคนผมสีน้ำตาลทองมีสไนเปอร์ไขว้อยู่ข้างหลัง ในมือถือปืนพก
“เจอพอดีเลยแฮะ” ชายคนที่สองพูดขึ้นทำเอาทั้งสามที่ยังตั้งตัวไม่ถูกต่างพากันยกปืนขึ้นจ่อไปทางชายปริศนาข้างหน้าไว้ก่อนทำเอาพวกนั้นกระวนกระวายยกใหญ่
“เป็นอะไรของพวกมึงเนี่ย ?” อีกเสียงดังขึ้นถามเพื่อนตนที่ทำท่าทางแปลกๆ ก่อนที่ชายคนสุดท้ายจะเดินออกมาจากมุมตึกให้ทั้งสามเห็น ดูจากท่าทางแล้วหมอนี่ดูเป็นผู้นำของกลุ่มนี้
“อ้าว ! พวกเธอนี่เอง ไม่คิดว่าจะเจอเร็วขนาดนี้”ชายคนสุดท้ายว่า เมื่อเห็นพวกตนทั้งสาม
“นายมัน !” อลิซร้องขึ้น
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in