เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : ฆ่า(ข้า) ต้อง รอด !NO.W
ตอนที่ 18 : ทางแยก # 2
  • ……….

     

    ตอนที่ 18 : ทางแยก # 2

     

    หลังจากรถพยาบาลที่มารับแคลลับสายตาไปพวกเราก็เดินเข้าสู่เขตเมือง ผมสังเกตว่ายิ่งเดินเข้าสู่ศูนย์กลางของเมืองก็ยิ่งพบว่าตนแทบจะถูกล้อมรอบไปด้วยป่าคอนกรีตผมไม่รู้ว่าเมืองนิวเคลโอแห่งนี้นั้นไปสุดที่ไหน เพราะเห็นอ๋องบอกว่าทางเมืองกำลังเร่งขยายอาณาเขตเพื่อให้พอต่อประชากรเห็นริกกล่าวเสริมว่าตอนนี้นิวเคลโอกำลังเร่งพัฒนาเหล่าผู้คนที่อาสาจะออกไปสำรวจสภาพพื้นที่รอบๆเพื่อหาสิ่งที่พอจะนำมาใช้หรือพื้นที่ที่สามารถเข้าไปอยู่ได้และฝึกฝนคนที่จะสามารถปกป้องเมืองให้คงอยู่ด้วย

     

                พวกเราเดินออกมาจากทางเดินสวนสาธารณะรอบๆที่จอดรถ ออกมาสู่ถนนใหญ่ ผมแอบแปลกใจเล็กน้อยที่ผู้คนเมืองนี้ไม่ค่อยจะเอะใจเท่าไรนักเมื่อมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งเป็นปื้นๆแถมแต่ละคนยังพกอาวุธอีก

     

    “อาชีพทหารหรือพวกนักสำรวจเป็นอาชีพที่เป็นที่น่านับถือสำหรับคนนิวเคลโอน่ะ”นอร่าบอก  เธอคงเห็นสีหน้าสงสัยของผมเข้า

    “ทำไมล่ะ?”

    “ก็เพราะตอนนี้พวกเคลโอเก่ามันมีอมนุษย์ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าซอมบี้แล้วน่ะสิและพวกมันก็ยังไม่หยุดพัฒนาด้วย” ริกหันกลับมาตอบ พวกเราหยุดยืนอยู่ริมทางเท้าเพียงก้าวออกไปก็จะเป็นถนนที่รถราต่างวิ่งกันไปมา

    “เดี๋ยวคงมา” อ๋องพูด

    “อะไร” ริกถาม

    “คนที่จะมารับเราไง ทำยังกับไม่เคยมางั้นแหละ”  อ๋องตอบหันหลังเดินไปนั่งม้านั่งริมถนน

    “มาแล้ว”  ริกหันไปบอกอ๋องที่ยังไม่ทันจะได้นั่ง

     

                รถเอสยูวีสีดำมันวาวเด่นหรามาแต่ไกลขับเลี้ยวไปมาก่อนจะมาชะลอลงและจอดอยู่ข้างหน้าพวกเราริกเอื้อมมือเปิดประตูให้นอร่าเข้าไปเป็นคนแรกตามด้วยตน

     

    “เดี๋ยวผมนั่งข้างหลังแล้วกัน” ผมเดินไปหลังรถ เปิดประตูหลังขึ้นขึ้นนั่งบนที่ว่างข้างหลัง อ๋องตามขึ้นมาก่อนปิดประตูลงดังปึง รถเคลื่อนออกทันที

     

                ผมนั่งพิงตัวรถสายตามองออกไปนอกกระจก สภาพแวดล้อมของเมืองถือว่าสวยงามและไม่แออัดมากนักคงเป็นเพราะจำนวนประชากรยังไม่มากเท่าไร และผมก็เพิ่งจะสังเกตด้วยว่าพาหนะต่างๆ ที่วิ่งบนท้องถนนส่วนใหญ่จะเป็นขององค์กรร้านค้า บริษัทต่างๆ เท่านั้น ไม่มีรถยนต์ของคนธรรมดาขับซะเท่าไรนอกจากจะมีรถประจำทางสาธารณะสำหรับผู้คนไว้ให้ผมเดาว่าวัตถุดิบในการผลิตคงเป็นสิ่งที่หายากและสำคัญสำหรับการพัฒนาเมือง

     

    “รู้มั้ย พวกคณะกรรมการพากันหัวเสียเรื่องเขตก่อสร้างที่เพิ่งโดนถล่มไปหมาดๆ”เจ้าหน้าที่ข้างคนขับพูดขึ้น

    “ความผิดพวกเราว่างั้น” ริกถามกลับ

    “ก็ไม่อยากจะบอกว่าพวกนั้นคิดกันอย่างนั้นหรอกนะ”

    “ช่างเหอะ พวกนั้นมันทำอะไรเราไม่ได้หรอกยังไงมันก็ต้องพึ่งพวกเราให้ฝึกคนให้อยู่ดี ” อ๋องตอบจากข้างหลังรถ

    “นั่นสินะ ไงก็ระวังๆ ไว้หน่อยละกัน”  เจ้าหน้าที่ว่า

    “จะระวังไว้ละกัน”  ริกรับคำ

     

                ผมเริ่มรู้สึกว่าป่าคอนกรีตรอบๆตัวเริ่มเลือนรางหายไปช้าๆ รอบตัวเริ่มมีการตกแต่งที่แปลกตาสิ่งของที่ประดับประดาเริ่มดูทางการขึ้น ผมหันไปมองผ่านกระจกหน้ารถตอนนี้เราอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าเข้าสู่อาคารวิจัยอะไรสักอย่าง

     

                ตัวอาคารเป็นสีขาวสะอาดออกแบบให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าต่อๆ กัน ตัวรถชะลอลงเมื่อถึงราวกั้นทางเข้าพนักงานเดินเข้ามาขอดูบัตรคนขับก่อนเดินกลับไปกดปุ่มยกราวกั้นขึ้น รถเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งมุ่งหน้าไปยังตัวอาคารก่อนหยุดจอดอยู่หน้าประตูเข้าอาคาร ทุกคนพากันเปิดประตูเพื่อก้าวลงริกกล่าวขอบคุณคนขับและเจ้าหน้าที่ข้างๆ ก่อนปิดประตูรถ ตัวรถถอยออกอีกครั้งก่อนแล่นจากไป

     

                รอบนอกอาคารตกแต่งด้วยต้นไม้สูงใหญ่นานาชนิดมีที่สำหรับนั่งเล่น เป็นส่วนหย่อมเล็กๆ ใต้ร่มเงาไม้ เหมาะสำหรับออกมาสูดอากาศสดชื่นให้โล่งปอดก่อนเข้าไปลุยงานอันหนักหน่วงอีกครั้ง

     

                พวกเราก้าวเข้ามาในตัวอาคารประตูกระจกใสสองข้างเลื่อนเปิดให้อัตโนมัติ มีพนักงานเดินไปมา บ้างก็ยืนคุยกันอ๋องเดินตรงไปยังลอบบี้

     

    “บอกเจ้าหน้าที่เคิร์กด้วยว่าพวกเรามาถึงแล้ว”  อ๋องบอก พนักงานหยิบโทรศัพท์ข้างๆตัวขึ้นกดเลขสามสี่หลักก่อนพูดกับคนทางปลายสาย

    “เจ้าหน้าที่เคิร์กรอพวกคุณอยู่ชั้น 4” พนักงานตอบพลางวางหูโทรศัพท์อ๋องกล่าวขอบคุณ ก่อนพาพวกเราไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้น 4

    “ไปกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปเปลี่ยนชุดก่อน ชุดนี้เน่าเต็มทีและ” อ๋องพูดเมื่อพวกเรามาถึงชั้นสี่แล้ว

    “กูไปด้วย งั้นฝากนอร่าพาไปหาเคิร์กทีนะ เดี๋ยวพวกเราตามไป” ริกพูดก่อนเดินตามอ๋องไป

    “งั้นเราก็ไปกันเหอะ”  ผมเดินตามนอร่าไปตามทาง สองด้านเป็นผนังสีขาวอันที่จริงทั้งภายนอกและภายในอาคารแห่งนี้ล้วนแทบจะเป็นสีขาวเกือบทั้งสิ้นยกเว้นก็แต่เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันโดดเด่นท่ามกลางพื้นหลังสีขาว

    “เธอไม่คิดจะไปเปลี่ยนเสื้อกับเขามั่งรึไง” ผมถามนอร่า

    “ไม่ล่ะ เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนก็ได้หรือนายอยากให้ฉันเปลี่ยน”  เธอถามกลับพลางก้มมองดูเสื้อตัวเอง

    “ ก็แล้วแต่เธอสิ แค่ถามไปงั้นแหละ” ผมตอบ

    “เฮ้ ! นอร่า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีนะ”   ชายวัยกลางคนในชุดกราวน์สีขาวโผล่มาตรงทางแยกข้างหน้าก่อนเข้ามาสวมกอดนอร่า เธอกอดตอบเป็นมารยาท

    “ก็เรื่อยๆ แหละ แล้วลุงล่ะ”

    “บอกว่าอย่าเรียกลุงไง ฉันเพิ่ง 40 ต้นๆ เองนา” เขาตอบ

    “จะห้าสิบแล้วไม่ใช่รึไง?” นอร่าย้อน

    “เอาเถอะ เรียกลุงก็ลุง ว่าแต่นี่รึคนที่เจ้าพวกนั้นมันต้องการตัวน่ะ”เคิร์กมองมาที่ผมด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ราวกับกำลังสแกนหาสิ่งผิดปกติในร่างกายผมอยู่

    “สวัสดีครับผมเจค” ผมยื่นมือออกไป

    “ฉันชื่อเคิร์กนะ”  เคิร์กยื่นมือจับทักทาย  “อย่ามัวเสียเวลาเลยฉันอยากรู้จะแย่แล้วว่าทำไมพวกนั้นมันถึงต้องการตัวเธอนัก”  เคิร์กว่าก่อนหันหลังเดินนำไป  ผมมองหน้านอร่าเธอทำสีหน้าประมาณว่าไม่เป็นไรหรอก ก่อนจะเดินตามเคิร์กไป

     

    เคิร์กทาบบัตรกับเครื่องข้างๆ ประตูก่อนที่บานประตูเหล็กจะเลื่อนเปิดออก

     

    “ทำไมเป็นห้องนี้ล่ะ”  นอร่าถาม ทำเอาผมสงสัยไปด้วย

    “จะได้รู้ไงว่านายนี่สามารถทำไรได้บ้าง”  เคิร์กตอบ เดินนำเข้าไป

     

                ในห้องไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ใช่  ไม่มีแม้แต่เก้าอี้หรืออะไรก็ตามที่คุณคาดหวังจะได้เจอมันเป็นเพียงแค่พื้นปูนโล่งๆ ประมาณครึ่งสนามบาสได้ เคิร์กเดินไปเปิดระบบอะไรสักอย่างก่อนที่ประตูที่กลมกลืนกับผนังจะเปิดออก

     

    “อันนี้เป็นห้องทดลองทางกายภาพมันเชื่อมกับห้องวิจัยด้วยน่ะ” เคิร์กพูดก่อนเดินเข้าไป

     

                ครืด...เสียงประตูข้างหลังเราเลื่อนเปิดออกอีกครั้งก่อนจะเผยร่างของอ๋องและริกที่ทั้งคู่ไปเปลี่ยนจากชุดทหารมาเป็นชุดสูทสีดำเหมือนกับพวกเคลโอไม่มีผิด

     

    “เสร็จแล้วรึ?”  ริกพูดเหมือนเสียดายที่ตนพลาดไป

    “ยังไม่เริ่มต่างหาก”  นอร่าตอบ ทำเอาริกออกอาการดีใจ

    “เอาล่ะ”  เคิร์กเดินออกมาจากห้องวิจัยที่ติดกับห้องนี้ในมือถือแผ่นกระดานจดบันทึก

    “รู้รึเปล่า สิ่งแรกที่ทำให้นายไม่เหมือนคนอื่นคืออะไร” เคิร์กมองมาที่ผม

    “ฉันว่าทุกคนน่าจะรู้นะ นอร่า แผลที่ต้นแขนโดนมาเมื่อไร”

    “สู้กับพวกมันข้างล่างนั่นแหละ” นอร่าตอบผมหันไปมองที่ต้นแขนเธอ เกิดรอยขาดจากใบมีดบนเสื้อหนังของเธอ

    “หายสนิทรึยัง?” เคิร์กถามต่อ

    “คงพรุ่งนี้แหละ” นอร่าตอบกลับ

    “เอาล่ะเจค ทีนี้นายก็ถอดเสื้อออก”

    “เออน่า ถอดๆ ไปเถอะ จะองจะอายอะไร” ริกพูดเมื่อเห็นผมยังเก้อๆกังๆ ผมถอดทั้งเสื้อหนังแขนยาวและเสื้อยืดวางไว้บนพื้น เอะใจขึ้นมาว่านอร่าก็แต่งตัวคล้ายๆผมนี่หว่า

    “ทีนี้ก็เห็นกันแล้วสินะ ความแตกต่างของหมอนี่กับนอร่า” เคิร์กพูด

     

                ตอนแรกผมก็งงๆ กับคำพูดเคิร์กก่อนจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไรเมื่อทุกคนต่างพากันหันมามองที่ผมและผมก็ต้องประหลาดใจสุดๆ เมื่อร่างกายผมดันไม่มีบาดแผลอะไรเลยสักอย่างทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีทั้งลูกธนูและกระสุนที่ผ่านร่างผมไปแท้ๆ

     

    “นายคงไม่ได้สังเกตสินะ แต่เรื่องพละกำลัง ความว่องไวต่างๆ ก็จะเหมือนๆ กับอีกหกคนที่เหลือแต่อาจเป็นไปได้ว่านายอาจจะเป็นรุ่นที่ดีที่สุดที่พวกนั้นทดลองมา”  เคิร์กว่า

    “งั้นมันก็ต้องการความพิเศษในตัวเจคเพื่อนำไปทดลองกับตัวอื่นๆ ให้มันเก่งกว่าเดิมสินะ”อ๋องถาม ผมก้มลงหยิบเสื้อขึ้นมาใส่

    “ก็คงเป็นยังงั้นแหละ แต่ฉันคิดว่าความพิเศษมันยังไม่หมดแค่นี้น่ะสิ ตามฉันมา”เคิร์กมองมาที่ผมก่อนจะบอกให้ทุกคนตามตนไปยังห้องวิจัยข้างๆ

     

                ผมเป็นคนสุดท้ายที่ก้าวเข้ามาภายในห้องนี้เต็มไปด้วยโต๊ะยาวติดผนัง บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องมือทดลองงานที่วางไว้เป็นระเบียบบนผนังเหนือโต๊ะมีตู้สำหรับเก็บของอีก ซึ่งน่าจะเป็นพวกหลอดทดลองไม่ก็อุปกรณ์อะไรสักอย่างมีตู้เหล็กสำหรับเก็บแฟ้มเอกสารอยู่ติดผนังตรงข้ามกับประตูห้องตรงกลางห้องเป็นก็เป็นโต๊ะยาวที่มีกล้องจุลทรรศน์สองสามตัวตั้งวางไว้และคอมพิวเตอร์ที่บนหน้าจอแสดงค่าอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

     

                แต่สิ่งที่ดึงความสนใจของผมก็คือห้องที่อยู่ทางขวามือของทางเข้ามันมีกระจกกั้นระหว่างห้อง ในห้องเป็นเตียงสีขาวตั้งอยู่กลางห้อง ล้อมรอบไปด้วยเครื่องมือมากมาย

     

    “เดี๋ยวนายต้องไปนอนตรงนั้นแหละ” เคิร์กพูดเมื่อเห็นผมมองมันอยู่

    “น่ากลัวไงไม่รู้แฮะ”  ริกพูด

    “เอ่า เข้ามาสิ แล้วใส่เสื้อทำไมเนี่ย ถอดก่อนขึ้นไปนอนบนเตียงล่ะ”  เคิร์กสั่ง

     

                ผมเดินเข้ามาในห้องกระจกมองเห็นทุกคนอยู่อีกฟากนึงผ่านกระจกใส สายตาริกแลดูตื่นเต้นและหวาดเสียวไม่เหมือนกับอ๋องที่เอาแต่ยืนมองเงียบๆส่วนนอร่ากำลังเดินดูรอบๆ ห้อง

     

                ผมถอดเสื้ออีกครั้งขึ้นไปนอนบนเตียง พอวางแขนเท่านั้นเสียง กริ๊ก ก็ดังขึ้น ก่อนจะเห็นว่าข้อมือสองข้างของผมโดนล็อคด้วยเหล็กเข้าซะแล้วร่วมทั้งข้อเท้าด้วย

    “ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรต้องคิดมาก”   เคิร์กว่าพลางเปิดสวิตซ์เครื่องนู่นนี่รอบๆ ตัว

     

                เสียง ครึก ดังขึ้นเตียงที่ผมนอนค่อยๆ ยกสูงและเอียงมาข้างหน้าเรื่อยๆ จนตั้งฉากกับพื้นห้อง เสียงวี้ดๆ ของเครื่องรอบตัวส่งเสียงและขยับไปมา

     

    “แค่ตรวจสอบร่างกายเท่านั้นแหละ” เคิร์กว่าก่อนที่จะมีเครื่องอะไรสักอย่าง รูปทรงสี่เหลี่ยม ค่อยๆ เคลื่อนลงมาจากหัวผมมันส่งเสียงร้องวี๊ดๆ ขณะเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนสุดที่ปลายขา  และเตียงก็ค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิม ก่อนที่ตัวล็อคจะปลดออกผมบิดตัวนั่งกับเตียง เคิร์กเดินเข้ามาพร้อมกับเข็มฉีดยา

     

    “ฉันต้องขอตัวอย่างเลือดด้วยน่ะ”  ผมยื่นแขนให้เคิร์กทำการแทงเข็มเข้าตรงข้อพับแขนแล้วค่อยๆ ดึงเอาเลือดผมออกไปช้าๆ

    “แล้วเราจะรู้ผลได้เมื่อไรล่ะ?”  อ๋องเดินเข้ามาถาม

    “เดี๋ยวคงได้แล้วล่ะ รอมันประมวลผลแปปนึง” เคิร์กว่า

     

                เมื่อเสร็จขั้นตอนหมดแล้วผมก็หยิบเสื้อขึ้นมาใส่อีกครั้งก่อนเดินออกจากห้องนี้ไปนั่งเก้าอี้เหล็กตัวเล็กหน้ากล้องจุลทรรศน์   

    “ใบนี้ใช่มั้ย?” ริกถามเสียงดังเมื่อกระดาษที่เต็มไปด้วยข้อความมากมายไหลออกมาจากเครื่องปริ้นท์ที่อยู่ข้างๆ ตน

    “นั่นแหละๆ เอามานี่ๆ” เคิร์กเร่งฝีเท้ามารับจากมือริกไปอ่านดูอย่างรวดเร็ว

    “ขอภาษาคนธรรมดาเขาฟังกันนะ” อ๋องที่นั่งอยู่ถัดไปจากผมพูดขึ้นซึ่งทุกคนต่างก็เห็นด้วย

    “เป็นไปไม่ได้...ไม่สิ...มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ต่างหาก”  เคิร์กพูดด้วยเสียงทึ่งปนตกใจ

    “แล้วมันทำไมเล่า”  ริกถาม น้ำเสียงอยากรู้เต็มที

    “เอาภาษาบ้านๆ เลยใช่มะ” เคิร์กถามย้ำ ริกพยักหน้า

    “จากผลที่ได้ก็คือ นายไม่มีวันแก่ตายรวมทั้งไม่มีวันเป็นโรคหรือป่วยตายด้วย”  เคิร์กว่า

    “มันหมายความว่าไง?”  ผมเริ่มจะมึนๆ กับสิ่งที่ได้ฟัง

    “ง่ายๆ เลยก็คือนายไม่มีวันตายไงเล่า นอกซะจากจะโดนฆ่าทิ้งน่ะ นายจะในร่างวัยหนุ่มของนายไปเป็นร้อยเป็นพันปีเลยถ้านายไม่โดนฆ่าหรือไม่เบื่อโลกจนฆ่าตัวตายไปก่อน”

    “เครื่องอ่านผลผิดรึเปล่า?” อ๋องถาม

    “ไม่ผิดหรอก เจ้าเครื่องนี้เป็นสุดยอดเทคโนโลยีที่เราลงทุนสร้างเลยนะ”เคิร์กว่า

    “โอ้หม่ายก็อด เจค นายมันเป็นอมตะนี่หว่า”  ริกหันมาพูดกับผมอย่างทึ่งๆ

    “งั้นเราก็รู้เหตุผลที่พวกมันจะมาเอาตัวนายไปแล้ว” นอร่าว่า

    “เดี๋ยวนะ ถ้างั้นถ้าพวกมันได้แค่เลือดเจ้านี่ไปก็พอแล้วนี่” อ๋องถาม

    “ใช่ว่าพวกมันจะทดลองสำเร็จภายในเลือดไม่กี่หลอดนี่มันต้องใช้เวลาอีกนานและใช้เลือดจำนวนมากเลยล่ะ มันจึงต้องพาตัวหมอนี่ไปด้วยไง”เคิร์กอธิบาย

    “งั้นนายยิ่งต้องไปฝึกให้เก่งกว่านี้ ไม่งั้นไม่รอดพวกมันแน่” อ๋องหันมาบอกกับผม

     

                ตื้ดด  ~ ตรื้ดด ...เสียงโทรศัพท์ของห้องวิจัยดังขึ้นเคิร์กเดินเข้าไปรับสาย พูดเพียงแค่ “เดี๋ยวบอกให้” ก่อนจะวางสายลงตามเดิม

     

    “เฮลิคอปเตอร์พวกนายมารับแล้วแน่ะ”

    “แล้วนายล่ะ”  ริกถาม

    “ฉันยังมีงานค้างอยู่น่ะ เดี๋ยวตามไปสักสองสามวันมั้ง” เคิร์กตอบ

    “งั้นพวกเราก็ไปกันเหอะ”  อ๋องว่าพลางลุกขึ้น

    “เอ่อ...มันเรื่องจริงใช่มั้ยที่บอกมาน่ะ”  ผมถามอีกครั้ง ยังไม่อยากจะเชื่อ

    “ก็ใช่น่ะสิ งั้นฉันก็ต้องไปทำงานของฉันต่อแล้วล่ะ” เคิร์กว่าพลางปิดการทำงานของเครื่องมือและเดินนำพวกเราออกไปจากห้อง

    “งั้นพวกเราแยกกันตรงนี้เลยล่ะกัน” นอร่าพูดขึ้นเมื่อเราออกมายืนกันบนทางเดินหน้าห้อง

    “งั้นไว้เจอกันนะทุกคน”  เคิร์กว่า โบกมือให้ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

    “สรุปฉันต้องไปกับพวกนายสินะ”  ผมพูด

    “ก็ใช่น่ะสิ ยินดีต้อนรับเข้าทีมนะจ้ะ พ่อหนุ่มอมตะ”  นอร่าพูด ก่อนเอื้อมมือมากอดคอผม

    “ก็ยังตายได้อยู่ดีไม่ใช่รึไง”  ผมตอบ

     

    ………

     

    “พวกมันจะพาเจ้าหนุ่มนั่นไปฝึก”  เสียงเคิร์กพูดตอบคนทางปลายสาย

    “แล้วผลเป็นไง” เสียงทางปลายสายถาม

    “ตรงตามที่นายบอก”

    “แล้วเราต้องรอนานเท่าไรพวกมันถึงจะออกจากฐานฝึก”

    “ไม่ต้องรอหรอก ฉันมีเลือดมันแล้ว” เคิร์กตอบ

    “แค่หลอดเดียวจะไปทำอะไรได้”

    “อย่าลืมสิว่าลูกน้องนายทั้งหลายรวมทั้งเชื้อที่ทำให้เกิดโรคระบาดไปทั่วอยู่ตอนนี้ฉันเป็นคนทำให้นายนะแค่เลือดหลอดเดียวฉันก็ทำให้มันสำเร็จได้สบายๆ”

    “ฮ่าๆๆ นั่นสินะ ฉันก็ลืมไป ถ้างั้นก็ฝากด้วยล่ะกัน”

    “แล้วฉันจะติดต่อกลับไป ตอนนี้ต้องวางแล้ว” เคิร์กว่า

    “โอเค บาย”  เคิร์กกดวางสายก่อนวางมือถือไว้บนโต๊ะทำงาน

    “คราวนี้ล่ะ ผลงานของฉันจะต้องประจักษ์ไปเป็นพันๆ ปี” เคิร์กหัวเราะลั่นห้องทำงานของตนพลางมองหลอดเลือดที่ตนเพิ่งได้มาจากหมายเลข 7

     

    ..........


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in