หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวชวนจินตนาการของเด็กๆในยุคสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้ ถ้ามาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะบอกว่า มีหนังสือหลายเล่มที่จินตนาการบรรเจิดกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในโลกของเด็ก การจินตนาการที่ไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเป็นเรื่องสำคัญที่นักเขียนควรทำให้เกิดขึ้นอย่างยิ่งค่ะ
“เมื่อพี่เลี้ยงเด็กมาถึงนี้
ชีวิตเด็กที่กำลังเริ่มขึ้นที่นี้
และเมื่อใครๆรู้ว่าดี
ก็พบมีหนทางของตน
ชีวิตของเด็กทั้งสี่
และเริ่มดีเมื่อเลิกซน
ชีวิตทั้งสี่กำลังเวียนวน
อยู่บนต้นทางแห่งจินตนาการ”
เมื่อลมเปลี่ยนทิศพัดแมรี่ พี่เลี้ยงเด็กมายังบ้านแห่งนี้ ที่มีเด็กซนทั้งหมดสี่คนอยู่ร่วมกัน และเรื่องราวสุดแสนจะวุ่นวายก็เกิดขึ้น
เมื่อเด็กทั้งสี่คนพบว่า พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่คนนี้ต่างจากคนอื่น เพราะไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กธรรมดา แต่กลับเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่มีมนต์วิเศษ และเพราะมนต์วิเศษนี่เอง ที่ทำให้เด็กๆได้ผจญภัยมากมายอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อเริ่มแรกที่เจอกัน เด็กๆก็ได้ทานยาที่มีรสชาติที่แตกต่างไปตามการชอบของเด็กๆ และวันหนึ่ง แมรี่พาเด็กๆไปพบกับลุงคนหนึ่งที่ทานอาหารในขณะที่โต๊ะลอยกับพื้น และยังมีการพูดคุยอย่างสนุกสนาน
แมรี่นั้นพาเด็กๆไปพบกับอาชีพอันหลากหลาย ที่เด็กๆอาจจะไม่เคยพบมาก่อน และพาผู้อ่านย้อนไปยังอังกฤษสมัยก่อน ที่เต็มไปด้วยความงดงามอีกแบบหนึ่ง ซึ่งนั้น ก็คือ คนขายนก และเด็กๆได้ซื้อนกนั้นมาไหม เพื่อนๆคงเดากันถูก
และวันหนึ่ง เจ้าเด็กจอมป่วนได้ไปเจอข็มทิศ ที่แมรี่บอกว่า เป็นของตน เพราะเข็มทิศนี่พาเด็กๆไปเที่ยวรอบโลกได้ ครั้งแรก เด็กๆทั้งหลาย ไม่มีทางเชื่อ แต่เมื่อเเมรี่ได้หมุนเข็มทิศ และเด็กๆได้ไปเที่ยวตามที่ต่างๆจึงทำให้เด็กๆสนุกและตื่นเต้นอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น เเมรี่ยังตัดสินใจพาเด็กๆไปหาเพื่อนๆในสวนสัตว์ และได้คุยกับสัตว์ทั้งหลายอย่างออกรสชาติ ก่อนที่จะถึงวันที่แมรี่ต้องจากเจ้าเด็กป่วนที่กลายเป็นเด็กน่ารักทั้งสี่คนแล้ว เพราะลมกำลังจะมาพัดพาเธอไป และเธอมอบจดหมายที่กล่าวว่า
“Au Revoir (โอ เรอวัวร์)
แปลว่า จนกว่าเราจะพบกันอีก”
หนังสือเล่มแรกถือว่าจบลงด้วยความน่ารัก ตามสไตล์ของวรรณกรรมเยาวชนหนึ่งเล่มล่ะค่ะ แต่เราอยากบอกว่า การอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเป็นการช่วยเรารอบด้าน อย่างเช่น สิ่งสำคัญสุดในการทำงานก็คือ การช่างสังเกต ที่เราจะพบได้ในทุกเรื่องของวรรณกรรมเยาวชนกันทีเดียว
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in