ชื่อหนังสือ: แมวและฉันในวันธรรมดา
ชื่อผู้เขียน: แอซยุง (Ae Shoong)
สำนักพิมพ์: Bibli
ครั้งที่พิมพ์: พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2565
จำนวนหน้า: 207 หน้า
ราคา: 255 บาท
รูปภาพนี้ เซอร์ไพรส์กับร้าน Amorfati ที่ Shopee
เมื่อเรารู้ว่า ไอจีที่เราตามอย่าง ae_shoong ทำหนังสือและประเทศไทยมีนำมาแปล เราเลยตัดสินใจซื้อ และมาพบกับร้านนี้จากการแนะนำของเพื่อนและพบว่า เซอร์ไพรส์มาก เพราะของแถมน่ารัก แถมห่อหนังสืออย่างแน่นหนาและมีบัตร Loyal Card ให้สะสม เพื่อใช้ในส่วนลดในครั้งถัดไป ซึ่งเรารู้สึกถึงความใส่ใจและคุ่มค่ามาก
รูปภาพนี้ คุณนักเขียนกับแมวนามมิวมิว
อย่างที่เราบอกค่ะ เราเคยตามไอจีคุณแอซยุงมาก่อนที่จะอ่านหนังสือ เพราะชอบแมวและงานวาดของคุณเขา จนกระทั่ง เราพบว่า มีหนังสือเเปล เราตัดสินใจซื้อมาอ่าน
รูปภาพนี้ คุณนักเขียนกับแมวในวันสบายๆ
คุณแอซยุงเจอมิวมิว เจ้าแมวน้อยโดยบังเอิญ จากที่พี่สาวแนะนำ และช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุณเขาก็ทำงานฟรีแลนซ์อยู่คนเดียว แบบเงียบๆ และเมื่อมีมิวมิวมาอยู่ด้วย ทำให้เธอคลายเหงาอย่างมาก
รูปภาพนี้ คุณนักเขียนพาแมวเดินเล่นในวันสบาย
มิวมิวชอบซุกตัวอยู่ในลิ้นชักชั้นสามอย่างมีความสุข โดยเปิดลิ้นชักเองและเข้าไปอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น มิวมิวยังชอบเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ไปคลุกผ้านุ่มๆที่ห่อหุ้มตัวมิวมิวอีกอย่างมีความสุข โดยวันหนึ่ง คุณเธอไม่รู้ว่า มิวมิวอยู่ในตู้เสื้อผ้า มิวมิวร้องเสียงดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า และเมื่อเปิดออกมาก็พบมันกำลังร้องเพลงอย่างสุขี
รูปภาพนี้ มิวมิวในอิริยาบถน่ารัก
เราได้อ่านมาถึงหน้า 145 ที่นักเขียนได้กล่าวว่า "ไม่ว่าต้องพบเจอความเจ็บปวด หรือมองเห็นแต่ความขรุขระไม่ราบเรียบของชีวิตอีกสักเท่าไร ให้เราย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นแห่งความสงบสุขอีกครั้งกันเถอะ" โดยที่จริงๆ ชีวิตของคนเรามักพบอุปสรรคหลายอย่างในชีวิตและเครียด แต่เราลืมไปแล้วหรือเปล่าว่า เราเคยเริ่มต้นมีความสุขก่อนที่จะเจออุปสรรคพวกนี้นะ
รูปภาพนี้ มิวมิวกำลังใช้มือจับหนังสือ (หนังสือข้า ใครอย่าแตะ)
คุณนักเขียนเริ่มต้นเขียนเล่าเรื่องที่ตัวเองไปญี่ปุ่น ไปทำงานที่โอซาก้าอยู่ 1 ปี ตอนนั้นเธอเป็นทั้งมังสวิรัติ และเริ่มต้นคุยกับคนแปลกหน้าอย่างไม่เก้อเขิน และตั้งใจทำงานที่นั้น จนกระทั่งถึงจุดที่บริษัทจะปิดตัว เธอก็ลาออกกลับเกาหลี และเธอค้นพบว่า "ไม่ต้องพยายามจะทำอะไร ไม่ต้องพยายามจะเป็นใครสักคนก็ได้ (หน้า 159)"
รูปภาพนี้ มิวมิวในกระบะทราย
และเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงเรื่องราวที่กำลังจะจบลงที่เธอกลับมาพูดถึงความน่ารักของมิวมิวต่อว่า เจ้าเหมียวชอบนอน ชอบกินและเธอเลี้ยงจนอุดมสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธออยู่ใกล้มิวมิวเท่าไหร่ เธอยิ่งคิดถึงมิวมิว เอาใจใส่มิวมิว เวลาซื้ออะไรก็นึกถึงมิวมิวว่า ต้องใช้ด้วยกัน และเมื่อยิ่งคิดก่อนซื้อก็ยิ่งสุข แถมเธอยังคิดว่า การที่เธออยู่กับมิวมิวทุกวัน ทำให้เธอมีความคิดว่า "ตัวฉันคือกำแพงที่ต้องพังทลายลงมาเสมอ (หน้า 183)"
“ชีวิตแมวชีวิตคนน่าค้นหา
ชีวาตามล่าขุมสมบัติ
เราไม่เรียนรู้ที่จะขัด
หาทางลัดศึกษาชีวิตเอย ”
เรื่องราวก็เดินทางมาถึงบรรทัดสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ ที่ยิ่งอ่านก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เต็มไปด้วยความอิ่มใจ เต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่ต้องหันมามองตัวเอง และเข้าใจความสัมพันธ์ของคนกับแมวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องคนเขียนเป็นภูมิแพ้ และแพ้ขนแมว แต่ก็มีวิธีแก้ไข โดยทำความสะอาดบ่อยๆ และมีวินัยในการเก็บขนแมว เป็นต้น
“เรามั่นใจว่า คนเขียนคิดว่า
มิวมิวไม่ใช่แค่เพื่อนแต่คือชีวิตของเธอ
เพราะเราอ่าน เรายังคิดแบบนั้นเลย”
Look A Breathe
(Read A Book)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in