“วันนี้ คุณฝึกฝนใจตัวเองแล้วหรือยัง”
หลายต่อหลายคน เริ่มต้นปฏิบัติธรรมเพราะเป็นทุกข์จึงพึ่งธรรม หรือเพราะตามๆกันไป แต่ส่วนตัวของเรา เริ่มต้นอาจจะดูแปลกจากคนอื่นนิดนึง ตรงที่ว่า เพื่อนพี่สาว อยู่ดีๆ ตัดสินใจทิ้งความก้าวหน้าทุกอย่างไปเป็นแม่ชี เราเลยเริ่มต้น ลองเข้าวัด อยู่วัด และปฏิบัติธรรมดู
-1-
เริ่มต้นสู้กับอารมณ์
เราเริ่มต้นสนทนาธรรมกับหลวงพ่อสำรวม (ตอนนี้ท่านมรณภาพไปแล้ว) แล้วเราเกิดความเลื่อมใสอย่างมาก เพราะท่านเป็นพระปฏิบัติเคร่งครัดในพระวินัย และปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบจริงๆ เพราะสิ่งที่ท่านพูด อบรมสั่งสอนเรา ตัวของท่านทำให้ดู ดังนั้น เราเกิดศรัทธา และตั้งใจปฏิบัติธรรมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เราตั้งใจจริงๆ ตั้งใจอดทน อดกลั้น สู้กับอารมณ์ที่มันเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราตั้งใจที่จะพิจารณาและรู้เท่าทันมัน หลายต่อหลายครั้งทำให้เราเครียดและสับสน หลายครั้งทำให้เราคิดว่า ยุ่งยากหรือลำบากกว่างานทางโลกที่เราทำอีก หลายต่อหลายครั้ง เราติดอยู่ในอารมณ์จนไม่สามารถก้าวผ่านได้
แต่เพราะพระคุณของหลวงพ่อสำรวมที่ท่านพร่ำสอน ให้คำแนะนำ จนเราสามารถที่จะรู้เท่าทันอารมณ์หลายๆอย่างไปได้ด้วยดี เวลาที่เราปฏิบัติ เมื่อติดขัดอะไร เราได้สอบถามท่าน ท่านให้คำแนะนำ คำเตือน และคำสอนมาจนสามารถผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้
ถึงแม้ท่านจะจากไป แต่คำสั่งสอนยังอยู่ในใจและในทุกการปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ว่าอิริยาบถไหน เรานึกถึงคำสั่งสอนนั้นและปฏิบัติตามอยู่ตลอดเวลา
-2-
วัดป่า สงบจริงหรือ
เราเคยคิดเสมอว่า วัดป่าต้องสงบมากๆ แต่เปล่าเลย วัดป่าไม่ได้สงบอย่างที่คิด เสียงของเจ้านกยูง เสียงของไก่ สัตว์ป่าทั้งหลายที่อยู่ในวัด มีแต่ทำให้เราปวดหู ปวดหัว และสับสน แต่เมื่อเรามองลึกลงไป ไม่ใช่เพราะเสียงพวกนี้หรอก แต่เสียงในใจเราต่างหากที่ไม่รู้เท่าทันความหงุดหงิดและยุ่งยากใจนี้
-3-
ทำความสะอาดวัด
วัดนี้เป็นวัดป่าที่สะอาดมาก เพราะเราต้องทำความสะอาดตลอดเวลา ทำความสะอาดขี้นกและอีกหลายอย่าง แล้วพวกสัตว์พวกนี้ มันก็ฉลาดรู้งานเหลือเกิน เพราะในขณะที่ทำความสะอาด มันจะมองพวกเราเฉยๆ แล้วเมื่อทำเสร็จ มันถึงค่อยก้าวเข้ามา
อย่างเช่น เราเคยทำความสะอาดบันไดเกือบร้อยขั้น และกวาดพื้นจนสะอาดในแต่ละขั้น กวาดไป ก็ดูใจไป ดูความโกรธ ความรำคาญใจ ความหงุดหงิด ความเบื่อไป
และเราเริ่มต้นขัดพื้นให้สะอาด นกยูงกับกวางเดินเข้ามา พอเห็นเราทำความสะอาดอยู่ มันหยุดยืน มองเรามา เราบอกมันว่า หยุดก่อนนะ เราทำความสะอาดให้อยู่ แล้วพอสะอาดจะได้ร่มเย็นไง มันรอจริงๆ
มันรอจนทำทุกอย่างสะอาด และพวกมันก็โผล่กันมาหลายตัว ทั้งไก่ นก กวาง และอีกหลายตัว ยืนดูแบบเงียบๆ ไม่พูดอะไร แนวส่งสายตาให้กำลังใจมา หลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พวกมันก็ค่อยมาเดินเล่นอย่างสงบสุขและร่มเย็น
สิ่งเหล่านี้ช่วยฝึกทำความสะอาดวัดไม่พอ ยังฝึกทำความสะอาดใจตัวเองด้วยเช่นกัน
-4-
เนสัชชิก
เนสัชชิก คือ การปฏิบัติโดยไม่นอนทั้งคืนในวันพระ ซึ่งเน้นอิริยาบถแค่ ๓ อิริยาบถ คือ ยืน เดิน และนั่งเท่านั้น
ตอนแรกที่เราเริ่มต้นทำ เรากังวล กลัวมากว่า จะทำไม่สำเร็จ เราตั้งใจเต็มที่ เราไม่สนใจมองดูคนอื่นที่หายไปเรื่อยๆ ทุกคนกลับห้องพักไปนอน ทุกคนแอบไปนอนด้านหลัง เราคิดอยู่อย่างเดียว ว่า ถ้าวันนี้ เราทำไม่ได้ เรายอมแพ้ต่อความง่วงของเรา เราต้องยอมแพ้ตลอดเลย ดังนั้น วันนี้เราต้องทำให้ได้
ไม่รู้เพราะความตั้งใจและศรัทธาตัวเองที่ต้องทำให้ได้ ทำให้เราทำสำเร็จทุกครั้งเลย เราไม่มีครั้งไหนที่ทำไม่สำเร็จเลย เพราะเราคิดอย่างเดียว เราต้องทำให้ได้
หลายต่อหลายครั้งที่เราปวดหัว อยากหลับมาก และทนไม่ไหว แต่เราคิดถึงคำพูดของพระพุทธเจ้า ว่า ให้ไปมองแสงจันทร์ ล้างหน้า เราพยายามหายใจเข้าและออกช้าๆไล่ความง่วงและความขี้เกียจออกไป ซึ่งมันก็ได้ผลดีกับตัวเราเองมาก และนี่ยังช่วยแก้โรคปวดหัวไมเกรนของเราได้เช่นเดียวกัน
-5-
บริหารใจต่อไป
วันนี้ เรามาตักบาตรเทโวโรหณะในวันออกพรรษา โดยที่พระเดินทางลงมาจากเขา และเราค่อยๆตักบาตรกันแต่ละองค์ เป็นการสร้างบุญและกุศลไปในตัวด้วย
และเราอยากบอกทุกคนว่า ในทุกวัน ชีวิตของคนเรายังต้องบริหารชีวิตและบริหารเวลา เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าลืมที่จะบริหารจิตใจตลอดไปด้วย
5 เหตุผลที่เลือกเที่ยวที่นี้
1. ทำจริง ปฏิบัติจริง
ถ้าเมื่อไหร่ที่เราทำจริง ปฏิบัติจริงแล้ว เราต้องพบว่า คำสอนของพระพุทธเจ้ามีจริงแน่นอน เราเคยยอมรับว่า เราเคยจะเปลี่ยนศาสนา แต่โชคดีที่ไม่ได้เปลี่ยนศาสนา เพราะเมื่อได้ปฏิบัติธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้พบว่า พระพุทธเจ้ามีจริง
“เมื่อมีความศรัทธาในคำสอนท่าน
และลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง
เราพบกับทางสว่างในชีวิตและทางหลุดพ้นในที่สุด”
2. สงบกาย
อาหารที่นี้ สำหรับเราคิดว่า เป็นดั่งอาหารทิพย์ เพราะการกินแต่ละครั้ง หรือดื่มแต่ละครั้ง เราต้องมีสติ ไม่กิน ไม่ดื่มแบบทิ้งขวาง ดังนั้น อาหารที่กินเข้าไป เป็นไปเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น และไม่ประมาทต่อชีวิตในทุกอิริยาบถ ทำให้เราคิดว่า ทานอาหารทิพย์ เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข ไร้โรคภัย ให้ร่างกายแข็งแรง
“พอเราพิจารณาอาหาร เราจะพบว่า อาหารที่ชาวบ้านตั้งใจทำมาให้กินในแต่ละวันนี้ เป็นอาหารที่ดีที่สุด
และทุกอย่างที่ทานเข้าไป ช่วยสงบกายและแข็งแรงได้”
3. สงบใจ
เมื่อเราเรียนรู้อยู่ในวัด ถึงแม้เสียงดังจากสัตว์ มารบกวนเราขนาดไหน เสียงดังจากอารมณ์ของเราอีก แต่เมื่อเราเริ่มเรียนรู้ว่า ใจเราคิดอะไร อารมณ์เราเป็นแบบไหน ความสงบใจเข้ามาแทนที่
“ความสงบใจที่เกิดจากการรู้เท่าทันอารมณ์
นั้นย่อมสำคัญสุด”
4. ฝึกความอดทน
หลายต่อหลายครั้ง เราต้องอดทนกับอารมณ์ง่วง อารมณ์เบื่อ อารมณ์เครียด ปวดหัว กลัวตาย กังวล ทำให้จิตใจเราเข้มแข็งมากขึ้น เพราะเมื่อไหร่ที่เรามีความขันติ ตั้งใจปฏิบัติ เราจะพบกับทางออกต่อใจที่ไม่เคยพบมาก่อน
“ขันติ อดทน อดกลั้น
ต่ออารมณ์ที่มีสิ่งเร้ากระตุ้นทั้งหลาย
เมื่อไหร่ที่สามารถทำได้ เมื่อนั้น
เราพบกับความสบายใจ”
5. ฝึกการปฏิบัติตนเอง
หลังจาก เรากลับมาจากวัด เรายังไม่ทิ้งการปฏิบัติ และเราตั้งใจปฏิบัติต่อไปไม่ให้หยุดหย่อนนะ ไม่ว่าจะทำงาน ทำอะไรอยู่ ก็ตั้งใจให้มีสติ สัมปชัญญะ และพยายามปฏิบัติต่อไป ถึงหลายครั้งก็พ่ายแพ้ใจตัวเอง แต่เราต้องฮึด เอาใหม่ สู้ใหม่ อยู่ตลอดเวลา
“ขอถวายลมหายใจนี้
เพื่อปฏิบัติถึงความหลุดพ้นต่อไป”
เราเรียนรู้ตัวเองจากการปฏิบัติกาย วาจา และใจให้สงบ ให้เราฝึกฝนตัวเองอย่างแท้จริง ดั่งหลวงพ่อสำรวมเคยกล่าวไว้ว่า
“อย่าเชื่อใจ อย่าปล่อยใจ อย่าตามใจ”
"การฝึกฝนกายใจให้รู้ทุกข์
เรียนรู้สุขยามใจสงบนั้น
เมื่อไรใจกังวลทุกล่วงวัน
ใจวันนั้นพบทุกข์ตลอดเอย
ใจเราเต็มด้วยความโกรธนี้
ไม่เพียงมีแต่โลภมากหนา
เพียงใจติดหลงในมายา
ชีวิตกว่าจะหลุดยากเอย"
“ขอบคุณสำหรับการอ่านประสบการณ์ปฏิบัติธรรมนี้ด้วยกัน ขอให้ทุกคนเจริญในทางโลกและทางธรรมค่ะ”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in