เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วัยเรียนที่คิดถึงกับเรื่องเล่าในอดีตในสายตาของคนปัจจุบันSAILOM
03 : ประถม 1-2 ว่าด้วยเรื่องครูประจำชั้น
  • ว่ากันว่าการได้พบพาและจากลาน่าจะเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเราเหล่าเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา คือเราไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นยังไงกับการที่จะต้องแยกจากกับเพื่อนที่เรารักและสนิทด้วยสมัยอนุบาล เพื่อมาเรียนชั้นประถมแล้วเสือกอยู่คนละห้องกันด้วยเนี่ย มันเศร้าใจมากเลยนะ แต่มันก็มีเรื่องดีๆเรื่องนึงที่ดีสัสๆเลยนั่นก็คือ อย่างน้อยห้องเราก็ได้ครูดีแหละว้า....

    จากตอนที่แล้วผมคุยไปถึงการคัดคุณภาพเด็กออกเป็นสองกลุ่ม ซึ่งผมเองก็ได้ไปอยู่ในห้องเด็กแสบ ที่ผลการเรียน เหี้ย และพัฒนาการด้านการเรียนอยู่ในระดับกลางๆนั่นแหละ อย่างแรกที่ผมรู้สึกก็คือเออ ทำไมเพื่อนที่เราเล็งไว้ถึงไปอยู่อีกห้องกันหมดเลยวะ แถมเด็กกลุ่มนั้นก็เป็นพวกนิสัยดีกันหมดเลย เรียนรู้ไว และก็เก่งด้วย สรุปเราเลยได้มาอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มจนได้ ไม่ใช่ว่าเพื่อนที่ห้องไม่ดีนะ คือมันเองก็คบได้แหละแต่มันลิงไง ดื้อซน หยาบกร้านและชอบแกล้งเรา แล้วเราจะสู้ทนแรงมือแรงตีนของเด็กเหล่านั้นได้อย่างไรกัน เออพูดไปก็ดราม่า ซึ่งก็ยังดีแหละที่เราได้มีเพื่อนผู้หญิงน่ารักๆ อยู่รอบกายของเรา ทำให้รู้สึกว่าเอออย่างน้อยกูก็น่าจะมีเพื่อนที่ดีได้บ้างแหละวะ ไม่ต้องแสตนอโลนอยู่สู้แรงมือแรงตีนเด็กผู้ชายขี้้แกล้งที่ชอบกร่างกับเราเหลือเกิน  คราวนี้เราคงจะต้องแยกกันจริงๆแล้วใช่ไหมเพื่อนรักที่ไปอยู่ห้องสอง

    คือให้นึกภาพในใจเลยว่า เป็นกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งที่อยู่คนละฟากแล้วมองมาที่เราที่อยู่คนเดียว ด้วยนัยตาเศร้าๆ กูก็ไม่อยากทิ้งมึงเหมือนกันนะ แต่คนเรามันต้องเดินต่อว่ะ เฮ้ยมึงกูเข้าใจนะมึงอย่าทิ้งกูแบบนี้สิ เฮ้ย แล้วอิพวกนั้นก็หายลับตาไปยังกับผี เหลือไว้เพียงเราเพียงคนเดียว แม่งเศร้ารุนแรงขนาดนั้นเลย เอาเข้าจริง เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเพื่อนเราเองมันจะมีความคิดเพ้อๆแบบนี่บ้างหรือเปล่าตอนแยกห้อง

    01 ว่าด้วยเรื่องครูสาวสองคนจากสองห้องเรียน

        ด้วยการที่เรานั้นเรียนคนละห้องกันนั่นแหละ ความแบ่งพรรคแบ่งพวกมันก็เริ่มเกิดจากตรงนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความคิดเหี้ยๆนี่มันเกิดมาจากไหนยังไง ที่คนอีกห้องจะต้องไม่เป็นเพื่อนกับอีกห้องเนี่ย มึงเอาความคิดส่วนไหนคิดหรอ.....
        ใช่ความคิดเหี้ยๆแบบนี้มันเกิดขึ้นมาพร้อมกับการแยกห้องเรียนสองสัปดาห์ให้หลังมั๊ง ชั้นเรียนของเราไม่ได้อยู่ติดกันนะ ห้องเรียนของเรานั้นอยู่กันคนละฝั่งฟาก โดยห้องของเราจะเป็นชั้นเรียนที่อยู่ติดกับชั้นประถมศึกษาปีที่สามขอ แล้วอีกห้องจะเป็นห้องของเด็กน้อยชั้นอนุบาลหนึ่ง ห้องพยาบาล แล้วจะเป็นห้องของชั้นป.1ก นั่นทำให้เราไม่สนิทกัน (?) เชี่ยแค่ห้องห่างกันแค่สองห้องแค่นี้เนี่ยทำให้ห่างกันขนาดนั้นเลยหรอ นั่นสิทำไมมันเป็นอย่างนั้นก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ
    ซึ่งแน่นอนและตื่นเต้นไปกว่าการได้เจอเรื่องเศร้าสร้อยท้อแท้สิ้นหวังในเรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่เราจะได้มีครูประจำชั้นคนใหม่มาทำหน้าที่ดูแลเราและเพื่อนๆอย่างเต็มที่ ทั้งการดำเนินการสอน การเรียนรู้ต่างๆ และแน่นอนแหละ การที่เราได้ครูที่ดีมีชัยมีความสุขและมีความแฮปปี้ตามมาแน่นอน เราหวังกันอย่างนั้น แน่นอนว่าสววรค์เข้าข้างเราสิ เราได้เจอครูดีแล้วเว้ย เชี่ยดีใจกับเราหน่อย เร็ว เย้...
    (คือทำไมต้องแสดงอารมณ์และสีหน้าดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้น) ก็ช่วยไม่ได้แหละคนมันจะดีมันก็ดีได้ด้วยครูดีเป็นประการละฉะนี้แล...

    ห้องเรียนอันสุดแสนจะน่าอยู่ของเรานั้นก็ได้พบกับครูคนใหม่ (ซึ่งปีนั้นเป็นครูสาวที่มาสอนที่นี่สองท่าน ท่านแรกเป็นอาจารย์ที่หน้าตาสวยและมีความเจ้าระเบียบ ถึงแม้ว่าโรงเรียนนี้จะมีอิเจ๊เจ้าระเบียบอยู่แล้วก็เถอะ (พิมพ์ไปก็เสียวสันหลังไปนั่นแหละว่าจะยังไงกลัวๆข้อมูลหลุดไปเหมือนกันนะ เพราะเรากะจะเผาเรื่องเราตอนประถมตั้งแต่ประถม1 -ประถม6 นั่นหมายความว่าครูในโรงเรียนเกือบทุกคนที่ผมจำได้จะโดนผมเล่นงานแน่นอน) และอีกคนเป็นครูผู้หญิงที่น่ารักและจิตใจดี คือดูจากหน้าตาก็รู้แหละว่าแกมีจิตใจดีแน่ๆ ไม่น่าจะซ่อนความร้ายกาจอันใดอยู่ในนั้นเลย โดยในช่วงเปิดเรียนวันแรกเราเองก็มาเรียนอย่างตั้งใจแหละ เพราะยังไงก็ตามตอนเช้าเราเองก็จะได้เล่นกับเพื่อนอีกห้องได้อยู่ดีนั่นแล โดยเราเองก็ไม่ได้รับรู้หรือว่าล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับการจะมีครูคนใหม่มาสอนที่โรงเรียนเราหรอกนะ และเราเองก็รู้สึกเตรียมตัวเตรียมใจมาประมาณหนึ่งแล้ว ดังนั้นการที่เราไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับการจะมีครูคนใหม่มาทำหน้าที่สอนเรามันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆเลย 

    เอาล่ะ ในเมื่อเรารู้ว่ามีครูใหม่มาถึงสองคน คนนึงอิเจ๊หน้าดุนัมเบอร์สอง และ อีกคนเป็นครูสาวใจดี เด็กๆล้วนแล้วแต่จะถวิลหาการได้เรียนกัับครูสาวใจดีอยู่แล้วแหละ ไม่มีไรมาก เพราะยังไงแล้วการเรียนกับครูดุมันก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่ดีจริงไหมล่ะ เราโชคดีที่ครูสาวใจดีได้มาสอนที่ห้องเรา ก็ไม่คิดนะว่าแกจะได้สอนห้องเรา เพราะเราคิดว่าแกอาจจะมีสิทธิ์ที่จะได้สอนอีกห้องนึงหรือชั้นปีอื่นก็ได้ ตามประสาพวกเด็กหวังน้อยและไม่อยากคาดหวังอะไรเลย  ก็เซอร์ไพส์อ่ะ ไม่รู้จะอธิบายคำยังไงให้รับความรู้สึกดีใจอย่างแรงนั้นได้อย่างไร ด้วยตัวเราเองก็อายุมากและความทรงจำสมัยประถมอันเลือนลางคงอธิบายประโยคหรือถ้อยคำการพูดแบบเป๊ะๆได้หรอกจริงมะ เอาเป็นว่าเราจะพยายามเล่าให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะ ก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละในเมื่อครูที่มาสอนเรานั้นเป็นครูสาวใจดีและครูสาวน่ายักษ์ล่ะแกจะไปสอนใคร เราเองก็แอบหวังและว่าไม่น่าจะมาสอนพวกเด็กประถมต้นหรอก อย่างน้อยคงป.สี่ขึ้นไป เปล่าเลยจ่ะ แกมาสอนป.หนึ่งอีกห้อง ถือเป็นการแข่งขันด้านเทคนิคการสอนและการพัฒนาการเรียนรู้ของเราผ่านการสอนของครูใหม่สองคนเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นในนามของผู้ใหญ่มันคงจะเป็นสนามการแข่งขันย่อมๆเลยก็ว่าได้นะ เพราะครูสองคนได้สอนชั้นเดียวกันแต่คนละห้องเนี่ย มันย่อมทำให้เห็นเลยว่ามันจะต้องแข่งกันด้วยว่า การสอนของใครจะแน่กว่ากัน เด็กที่ผ่านชั้นนี้ไปจะเป็นยังไงบ้าง ซึี่งแน่นอนว่ามันก็น่าจะเป็นความกดดันอย่างหนึ่งในวงการครูเหมือนกันนะ เราเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเราไม่เคยได้รู้สภาพนั้นในสถานะของครูผู้สอนก็แหงล่ะเราเองไม่ได้เป็นครูนี่นา เราคงไม่มีวันรู้หรอก แต่ถ้าในแง่ของผู้เรียนนั้น จะเป็นหนึ่งในกลุ่มของผู้ได้รับผลกระทบจากการสอนโดยตรงทัั้งด้านดีและไม่ดีด้วยนั่นเอง เรามาติดตามการสอนและลักษณะการสอนของครูสาวสองคนได้เลยนะครับ

    ครูสาวแสนสวย (ครูปฏิมา)

        ครูสาวที่มาสอนห้องของผมนั่นเองพูดง่ายๆ อย่างไม่เข้าข้างครูเพราะผมไม่เคยคิดเข้าข้างครู ผมว่าแกสอนดีแหละ แกมีบทเรียนเสริมและแบบฝึกหัดนั่นนี่ที่เยอะมาก แบบมว๊าก(เป็นขั้นกว่าของคำว่ามากที่แสดงให้เห็นว่ามันโคตรเยอะ) แต่ก็น่าจะเป็นแบบฝึกหัดที่ง่ายแหละ มีโจทย์ทำเพิ่มเติมจากในหนังสือเรียนหรือสมุดแบบฝึกหัดที่เป็นแบบเรียนมาตรฐานที่ตอนนั้นยังเป็นแบบเรีียนสามเล่มนั้นได้อยู่เลย

    เห็นเราอายุน้อยเราก็ทันแบบเรียนสามเล่มที่ขึ้นชื่อ ว่าโคตรหนามากนั่นได้เลยนะ ซึ่งมันครอบคลุมทุกวิชาเลยนะ พิมพ์ไม่หน้าสี ไม่น่าเรียน เพราะมันเยอะเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่าข้างในจะบรรจุอะไรลงไปบ้างวะ ประกอบด้วยทุกวิชาตั้งแต่สังคมศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ งานบ้าน งานประดิษฐ์ บลาๆ ซึ่งมันเก๋แหละในความเก๋คือมันสามารถแบกหนังสือสามเล่มแล้วจบเลยอ่ะ บวกพ่วงกับคณิตและภาษาไทยไปด้วยก็ได้นะ เพราะจำได้ว่าเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงๆจังๆก็ตอนป.สี่โน่น ตลกดีนะ ซึ่งยังไงซะมันก็ทำให้ประหยัดเงินมามากจนกว่าจะมาจับแยกรายวิชาเป็นแปดวิชาก็โอเคมากเรียนห้าวิชา จ่ายค่าเทอมก็น้อยหนังสือก็รีไซเคิลได้ ถ้าไม่มีเงินซื้อหนังสือก็ขอยืมพี่หรือคนชั้นโตมาก็ได้นะ
    มีการสันทนาการนั่นนี่ เล่นโน่นนี่เยอะแยะมากส่วนใหญ่นี่เราชอบเรื่องร้องเพลงมาก งานสันทนาการต้องมาเลย แต่ไม่ยักจะชอบลูกเสือแฮะ 

    สงสัยแกจะจับทางเด็กห้องนี้ได้แหละว่ามันชอบเสียงเพลงและการเล่นสนุกแกจึงชอบออกแบบการสอนแบบให้เด็กมันเล่นและเรียนไปด้วยคือเอาการเล่นเป็นฐานในการเรียน สร้างการละเล่นให้เป็นการเรียนเชี่ยแม่งโคตรจะตอบโจทย์การเรียนการสอนของเรามากเลย เราว่าครูน้อยคนนะที่จะสามารถสอนเด็กให้เรียนไปด้วยแล้วสนุกไปด้วยได้เนี่ย นอกจากนั้นก็มีการวาดภาพระบายสี เออทำไมกันนะเราถึงลืมได้ว่าเราก็ชอบเรื่องพวกนี้ เพราะมันไม่ต้งองคำนวณเหี้ยอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ต้องคำนวณอย่างเดียวก็คือการจะทำยังไงให้กูระบายภาพออกมาให้สวยได้ (ในช่วงนั้นเด็กวาดเหี้ยมากครูแกเลยเอาภาพการ์ตูนกอปปี้มาสำเนาแจกเพื่อนๆให้ระบายเก็บคะแนนวิชาศิลปะ สนุกสัส เพราะบางภาพมันจะเป็นการ์ตูนเปล่าๆมาแบบไม่มีฉากเฉิกเลยให้เด็กระเลงสีลงบนกระดาษไปก่อน ช่วงหลังๆจึงให้เด็กวาดรูปง่ายๆไปก่อน)

    ครูสาวแสนดุคนที่สอง  
    (ครูโนเนมเพราะจำชื่อแกไม่ได้และไม่เคยคิดจะจำ)

        ครูคนนี้แกเป็นที่ปรึกษาของอีกห้องนึงไง เลยไม่ค่อยรู้ว่าแกสอนเป็นยังไงบ้างแต่ขึ้นชื่อเลยว่าแกเป็นคน โหดคือวิธีที่แกสอนมานั้นโคตรจะถูกต้องตามหลักครูสอนในแบบทั่วไปที่มีในโรงเรียนเลยเราจะพบการทรมานและเคี่ยวเข็นเด็กและมีการสอนทีีี่เราเชื่อว่าน่าจะถูกจริตคนในเมืองมากกว่าเด็กชนบทอย่างเราแน่นอน เพราะการสอนของแกนี่จะจริงจังมาก กิจกรรมลิสต์งานจะเน้ไปทางการกทำวิชาการและการเป็นอัจฉริยะภาพตัวจิ๋ว ซึ่งก็คือการสอนที่เน้นการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ ภาษาไทยเป็นหลัก อย่างน้อยจบชั้นนี้เด็กจะต้องอ่านเป็น คิดเป็นเขียนเป็น เข้าใจอะไรเล็กๆน้อยๆได้มากกว่าอีกห้องให้ได้ (ซึ่งก็คือห้องเรา) ไม่รู้ว่าแกเกลียดอะไรครูและห้องเราหรือเปล่าอันนี้ไม่มั่นใจ มีการลงโทษเด็กด้วยนะด้วยแบบถ้าเด็กทำไม่ถูกก็จะตีใช่ตีเลย อุปกรณ์ลงโทษนี่ก็คือไม้บรรทัดเหล็ก และแปลงไม้กระดาน มีการกำราบความดื้อด้วยไม้เรียวด้วย ซึ่งต่างจากครูห้องเรา เชี่ยป้าคนนี้นี่ยังกับหลุดมาจากหนัง แกไปได้คาแรคเตอร์การสอนแบบนี้มาได้ยังไง ทุกวันนี้ยังอยากรู้เลย แล้วเพื่อนๆเราก็ถูกอบรมแบบนี้ตลอดชั้นประถมหนึ่งเลย มันจึงทำให้ทุกคนเร่งเรียนรู้เพราะกลัวการถูกลงโทษ และการแข่งขันของห้องนั้นสูงมากสูงแบบเอาเป็นเอาตายเลย  ดีมากที่เราได้อยู่ห้องนี้เหอะๆๆ นานๆทีแกจะสอนร้องเล่นเต้นรำ อ่อส่วนลูกเสือแกก็สอนแหละ วิชานี้เราเองก็จะคิดไปเองว่าแกน่าจะเอาเด็กไปจัดระเบียบสังคมให้อยู่ในความเป็นผู้เป็นคนและเป็นเด็กดีแบบที่สังคมวางไว้ (คือเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เคารพผู้ใหญ่ ทำตามกฏระเบียบ และเป็นคนเรียบร้อย) คือดูเป็นผู้ใหญ่เข้าไว้น่าจะตามนั้น วิชาเรียนลูกเสือแกคงไม่เคยสอนร้องเพลงสันทนาการเลยแน่ๆ คือถ้าพวกเพื่อนห้องสองมาเห็นแนะนำว่าให้หลังไมค์มาด้วยนะ เพราะเราไม่มีข้อมูลการสอนของครูคนนี้เลย ดังนั้นพวกเธอน่าจะรู้จักครูคนนี้มากกว่าเรา เราอยากเห็นมิติอื่นของครูคนนี้บ้าง
  • ในคาบต่อไป เราคงจะเล่าถึงเหตุการณ์อื่นๆ ของชั้นเรียนแสนสุขของเราในหลายๆช่วงเวลาต่อไป ถึงแม้ว่าความทรงจำอันเลือนลางของสมัยประถมนั้นเริ่มไม่มีร่องรอยที่จะปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว แต่เราเองก็คงที่จะรู้แหละว่ายังไงมันก็ต้องมีความทรงจำดีๆ ที่ไม่เคยมีวันน่าจะลืมได้ถ้าหยิบยกมันขึ้นมาเล่าจริงๆแล้วเนี่ยเราจะจำมันได้แน่ๆ นั่นก็คือความประทับใจครั้งแรกและความเหี้ยประทับใจครั้งแรกนั่นแหละนะ ไว้มาติดตามในคาบต่อไปที่เราจะเล่าต่อไปนะ สัปดาห์หน้าพบกัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in