เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lilith: Death's OrderAki_Kaze
บทที่ 23 วิญญาณเร่ร่อน
  • บทที่ 23

    วิญญาณเร่ร่อน

     

     

                ข่าวสารในเจอริโก้ว่องไวไม่แพ้ในโลกมนุษย์ ตอนที่ฉันเรียนในมหาวิทยาลัย ต่อให้ไม่สนใจข่าวซุบซิบแต่ก็ได้ยินอยู่เป็นระยะ ๆ จากเพื่อนร่วมคณะ ไม่ว่าใครทำอะไรที่ไหน เดตกับใคร เลิกกับใคร ข้อมูลพวกนั้นจะไปไกลมาก แม้แต่คนนอกคณะยังรับรู้ เหตุการณ์ในเจอริโก้ก็มีความไวระดับนั้นเช่นกัน

                ขณะที่ฉันกำลังยิงปืนอยู่ที่ซุ้มตามลำพังเนื่องจากออกัสออกไปทำงาน ฉันก็ได้ยินยมทูตสามคนคุยกันถึงยมทูตคนหนึ่ง

                “ได้ยินเรื่องของแพทหรือยัง” ยมทูตสาวผมทองว่า อีกสองคนทำหน้าตากระตือรือร้นทันที “เขาออกไปรับวิญญาณที่โลกคนเป็น แต่กลับไม่พาวิญญาณกลับมาด้วย”

                “เดี๋ยวนะ นี่เธอจะบอกว่า” หนุ่มผมเกรียนตาโต

                “ใช่ เขาปล่อยเธอไป”

                “พวกนั้นรู้เรื่องแล้วหรือยัง” ยมทูตสาวอีกคนถาม ฉันชอบชุดนักเรียนของเธอเหลือเกิน ส่วนสูงของเธอเหมาะกับกางเกงขายาว และเสื้อสูทกับเนคไทก็ทำให้ยิ่งทะมัดทะแมงมากขึ้น

                “จะเหลือเหรอ” ยมทูตคนแรกว่า “ตอนนี้เขาโดนลงโทษอยู่ ส่วนเจดกับเรจจี้ก็กำลังตามหาวิญญาณตนนั้นอยู่ วุ่นวายกันใหญ่เลย”

                “คิดยังไงนะถึงได้ปล่อยไป” ยมทูตหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิด “เป็นแฟน หรือคนรู้จักงั้นเหรอ”

                “งานแบบนี้ไม่เหมาะกับคนใจอ่อน” ยมทูตสาวในชุดนักเรียนออกความเห็น

                “แต่เราก็ผ่านจุดนั้นกันมาหมดล่ะเนอะ ความลังเล ความเห็นใจ ความอยุติธรรม ขนาดฉันที่ไม่คิดว่าจะเห็นใจใครได้...” สาวผมทองถอนหายใจ

                “ได้เวลาน้ำปั่นแล้วสหาย!

    ชายตัวใหญ่กับเคราแพะอลังการ หรือที่ฉันมารู้จักที่หลังว่าชื่อเบนจี้ เปิดบูธแจกน้ำปั่น ถึงจะไม่รับรู้รสชาติแต่ทุกคนก็พร้อมใจกันเดินไปรับ มันน่าแปลกที่น้ำปั่นของเขาทำให้ทุกคนอารมณ์ดีขึ้น แม้กระทั่งยมทูตทั้งสามคนนั้นที่มีสีหน้าหดหู่ ยังยิ้มร่าที่ได้ดื่มน้ำปั่น

                ฉันเดินไปรับน้ำปั่นเช่นกัน ระหว่างนั้นก็อดไม่ที่จะนึกถึงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในโลกคนเป็น อีกฝ่ายเป็นใคร แล้วทำไมยมทูตคนนั้นถึงปล่อยเธอไป แพทไม่ใช่ยมทูตหน้าใหม่ เขาอยู่มานานพอที่จะรู้ว่าการปล่อยให้วิญญาณหลงอยู่ในโลกคนเป็นเรื่องอันตราย เมื่อวิญญาณเร่ร่อนพวกนั้นกลายเป็นวิญญาณอาฆาต จะทำลายระบบชีวิตและความตาย

    ถึงผู้คุมกับโลกคนเป็นคงวุ่นวาย แต่เจอริโก้ก็ยังคงมีชีวิตชีวาไม่เปลี่ยน แถมน้ำปั่นยังทำให้รู้สึกดีมากอีกต่างหาก ฉันควรเลิกกังวลกับเรื่องนั้นแล้วตั้งใจทำงานของตัวเอง

    แมนดี้นั่งดื่มน้ำปั่นอยู่ที่ม้านั่งประจำของตัวเอง เธอยอมรับกับการจากไปของเด็กซ์ได้เร็วกว่าที่ฉันทำใจเรื่องการตายของตัวเองอีก

    “คนเรามีพบก็ต้องมีจาก” แมนดี้พูดไว้เช่นนั้น บางครั้งคำพูดและการกระทำของเธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าฉัน ถึงร่างกายจะดูเด็กกว่าแต่ก็เป็นไปได้ว่าเธอเกิดก่อนฉัน

    มีหนทางเดียวที่จะเป็นยมทูต พอได้เห็นแมนดี้หรือยมทูตที่รุ่นราวคราวเดียวกับเธอแล้ว มันก็ชวนสลดใจเหมือนกัน แต่ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปตัดสินใครได้

    “ลิลิธ” แมนดี้ทักเสียงใส รอยยิ้มของเธอทำให้ฉันยิ้มตาม หลังจากที่เธอรู้เรื่องของฉันแล้ว เธอก็ยังปฏิบัติกับฉันเหมือนเดิม “น้ำปั่นอร่อยเนอะ”

    “อืม” ฉันนั่งลงข้างเธอ มองดูท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดงที่เห็นมาเกือบสองปี แต่ก็ยังมองได้เรื่อย ๆ

    “พี่ได้ยินเรื่องของแพทยัง”

    “เพิ่งได้ยินมาเอง ตั้งแต่ฉันมาเป็นยมทูตนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ แต่เธอคงเคยเจอมาก่อน”

    “ฉันเคยได้ยินที่กัสเล่า ล่าสุดที่เคยมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็หกเดือนก่อนฉันมาเป็นยมทูต”

    “มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”

    “จำยมทูตที่ฉันเล่าว่าถูกขังในความว่างเปล่าเป็นสัปดาห์จนเขาเปลี่ยนไปได้ไหม” ฉันพยักหน้า เธอจึงพูดต่อ “นั่นแหละ เขาไม่ได้รับวิญญาณกลับมา เรจจี้ อืม เรจินัล พี่ยังไม่เคยเจอเขา โมโหมากเพราะการตามหาวิญญาณเร่ร่อนมันยากกว่าการตามหาตำแหน่งเป้าหมายหรือตำแหน่งของพวกเรา หลังจากสอบปากคำยมทูตคนนั้นอยู่นานพวกเขาก็พอคาดเดาได้ว่าวิญญาณน่าจะไปหาแฟนเก่าที่เธอเคียดแค้น ตอนที่พวกเขาไปเจอวิญญาณตนนั้น เธอก็กลายเป็นวิญญาณอาฆาต สิงสู่อยู่ในห้องพักของแฟนเก่าแล้ว”

    จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนขนลุกขึ้นมา ถ้าคืนที่ฉันตาย ฉันตัดสินใจหนีจากออกัสล่ะก็ ฉันคงกลายเป็นวิญญาณร้ายจ้องทำร้ายฆาตกรแน่ ๆ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ไอเดียที่เลวร้ายเสียทีเดียวสำหรับฉัน แต่สำหรับยมทูตคงวุ่นวาย ดีไม่ดีออกัสคงโดนลงโทษไปด้วย

    ฉันโชคดีที่เดธยอมให้เป็นยมทูต ถึงจะไม่รู้เหตุผลของเขาก็ตาม

    “สุดท้ายพวกเขาก็พาวิญญาณเธอกลับมาได้ใช่ไหม”

    สีหน้าของแมนดี้เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำถามจากฉัน

    “พวกเขาทำลายวิญญาณของเธอ” แมนดี้ตอบ “วิญญาณอาฆาตไม่สามารถเดินผ่านประตูไม้ในความว่างเปล่าได้ พวกเขาเกินเยียวยา พวกเขาจำเป็นต้องถูกทำลายเท่านั้น”

    พอได้ยินแบบนั้น วิญญาณเร่ร่อนก็ไม่ใช่ไอเดียที่ดีอีกต่อไป แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่หลังประตูบานนั้นก็ตาม

    “แล้วเธอรู้ไหมว่าแพทปล่อยวิญญาณใครไป”

    แมนดี้ส่ายหน้า

    “แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามมันคงเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ขนาดแพทที่แม้แต่หนังสือยังไม่เคยลักลอบนำกลับมาที่นี่ ยังปล่อยวิญญาณไป”

    “ฉันได้ยินว่าเขาเคร่งพอ ๆ กับออกัส แต่ออกัสก็แอบเอาหนังสือกลับมานี่นะ”

    “คนนั้นเขาเคร่งกับเรื่องวิญญาณคนตายเท่านั้นแหละ” แมนดี้อมยิ้ม

    พวกเราหัวเราะคิกคักกันสองคน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็ตีหน้านิ่งเมื่อเจ้าตัวเดินมาแถวทะเลสาบ

    ออกัสเลิกคิ้วมองเราทั้งคู่ก่อนจะพูดขึ้น

    “ลิลิธ เรามีงาน ไปกันเถอะ”

    จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังต้องทำงานพร้อมออกัส แม้ว่าเราสองคนต่างก็ได้รับชื่อแยกกันแล้วก็ตาม บางครั้งทั้งฉันและเขาก็เลือกที่จะทำงานคนเดียว เป็นไปได้ว่าที่เดธไม่ได้ให้รายชื่อฉันบ่อยเพราะไม่อยากให้กลับไปโลกคนเป็นบ่อยครั้งก็ได้ ถึงอย่างนั้นออกัสก็มักมาชวนฉันไปทำงานด้วยในช่วงเวลาที่ฉันเบื่อพอดี เขาเป็นคนใจดี แต่ถ้าฉันพูดออกไปคงโดนเขาทำหน้าตาบึ้งตึงใส่

    “ไว้เจอกันนะแมนดี้”

    เธอโบกมือลาเราสองคนที่บลิงก์ไปยังโลกคนเป็น และแน่นอนว่าพออยู่กับออกัส เขาก็ไม่ยอมให้ฉันบลิงก์เอง

    นานแล้วที่ฉันไม่ได้รู้สึกอยากอาเจียนจากการเดินทางพร้อมออกัส ถ้าเลือกได้ ให้ฉันบลิงก์เองยังดีกว่า ความรู้สึกพะอืดพะอมแบบนี้มันทำให้ฉันไม่อยากไปไหนต่อแล้ว

    “อ่อนหัดจริง ๆ” ออกัสไม่พลาดที่จะล้อเลียน

    “ไว้คราวหน้าฉันจะพาคุณบลิงก์บ้าง จะได้รู้ว่ามันแย่ขนาดไหน”

    เขายักไหล่แทนคำตอบ

    เรามาที่ย่านซันเซ็ท พาร์คในบรูคลิน เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังแว่วมาจากโรงเรียน ฉันถึงกับใจเสียหันไปมองหน้าออกัสทันที แต่พอเห็นว่าเป้าหมายของเราไม่ได้อยู่ในโรงเรียนก็เบาใจ เสียงหัวเราะเฮฮาพวกนั้นยังตามเรามาแม้จะข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็ตาม มันทำให้ฉันอดยิ้มออกมาไม่ได้ 

    ระหว่างทางมีโบสถ์ขนาดเล็กทางขวามือ จากชื่อแล้วฉันก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นย่านลาติน บ้านเรือนแถวนี้มีขนาดและรูปทรงคล้าย ๆ กัน จะต่างกันก็สีที่ใช้ บางตึกก็มีภาพวาดขีดเขียนอยู่บนผนัง เราเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมถนน ฉันไม่รู้เลยว่าออกัสกำลังพาไปที่ไหน เขายังคงไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนเดิม

    “คุณได้ยินเรื่องของแพทหรือยัง”

    “ได้ยินตอนกลับไปเจอริโก้นี่แหละ” เขาตอบ เสียงพูดคุยของชาวบ้านและเสียงรถราบนท้องถนนดังแว่วเป็นระยะ

    “มันใช้เวลานานขนาดไหนกว่าพวกเขาจะหาวิญญาณเร่ร่อนเจอ”

    “ขึ้นอยู่กับว่าแพทจะเล่าให้ฟังเมื่อไร ผู้คุมจะไปสอบสวนเขาเพื่อถามสาเหตุ ยิ่งตอบเร็ว พวกเขาก็จะเจอวิญญาณเร็ว ช่วงแรก ๆ ยมทูตก็จะปิดปากเงียบทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเพราะอยากซื้อเวลาให้วิญญาณพวกนั้น หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเล่าอยู่ดี ผู้คุมมีวิธีทำให้เราพูดได้เสมอ”

    ฉันเคยเจอแค่เจดคนเดียว และเขาเป็นคนที่ใจดีที่สุดในบรรดาผู้คุม แต่ตอนที่ฉันโดนลงโทษ ฉันก็ได้เรียนรู้แล้วว่าเขาเองก็เจ้าระเบียบเช่นกัน ถ้าเทียบกับผู้คุมแล้ว ออกัสดูดีไปเลย

    “ฉันอดคิดไม่ได้ว่าอะไรทำให้เขาปล่อยวิญญาณไป คุณเคยมีความคิดแบบนั้นไหม” พอถามออกไปแล้วฉันก็รู้สึกได้ว่าถามผิดคน อย่างออกัสคงไม่ทำอะไรแบบนั้น

    “ฉันก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อนนะ ลิลิธ”

    คำตอบของเขากำกวมแต่ถ้าให้ฉันแปลก็คงแปลว่าเคย ต่อให้ไม่ได้ลงมือทำ ก็คงมีความคิดแบบนั้นแวบเข้ามาในสมองได้ นั่นสินะ มันต้องมีบ้างล่ะถึงจะเป็นออกัสก็เถอะ

    “ทุกวันนี้ฉันก็ปล่อยให้มีวิญญาณเร่ร่อนอยู่ไม่ใช่เหรอ”

    “ฉันไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนนะ” ฉันรีบแย้ง แต่เห็นออกัสหัวเราะเลยรู้ว่าเขาล้อเล่น อารมณ์ขันของเขามันชวนโมโหเสียจริง “ถึงฉันจะมีความแค้นกับฆาตกร แต่ฉันก็ไม่ใช่วิญญาณอาฆาตสักหน่อย ฉันไม่ได้ตามหลอกหลอนฆาตกรหรือสิงอยู่ในบ้านเขาสักหน่อย วิญญาณอาฆาตมักทำแบบนั้นเหรอ”

    ออกัสยักไหล่

    “อย่างในหนังก็มีบ้านผีสิง มีโรงเรียนเฮี้ยน พวกนั้นเกิดจากวิญญาณอาฆาตสินะ”

    “เท่าที่ฉันรู้ เรื่องพวกนั้นมันมีแค่ในหนังเท่านั้นแหละ”

    “แต่ที่เราอยู่กันแบบนี้มันไม่ใช่ในหนังนี่ ถ้าฉันไม่เจอคุณคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายมทูตมีจริง”

    “ก็คนที่รู้จริงเขาไม่ได้กลับไปเล่าให้คนฟังนี่นะ” ออกัสหัวเราะอีกครั้ง และใช่ อารมณ์ขันของเขานอกจากชวนโมโหแล้วยังชวนเหนื่อยใจอีกต่างหาก

    พอมีเรื่องให้คุย เวลาก็ผ่านไปเร็ว ในที่สุดเราก็มาถึงร้านอาหารเม็กซิกันอันเป็นเป้าหมายของงานครั้งนี้

    “เออร์เนสโต้ คอร์เทส อายุ 58 ปี เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย”

    ตอนที่เรามาถึง ร่างของเออร์เนสโต้ก็ล้มลงกับพื้นไปแล้ว คนในร้านต่างก็วุ่นวายกันใหญ่ ขณะที่พนักงานโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล คนอื่น ๆ ก็ได้แต่ยืนดูเพราะทำอะไรไม่ถูก ไม่ถึงห้านาทีวิญญาณของเออร์เนสโต้ก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าพวกเรา

    ออกัสแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา วิญญาณตนนั้นตื่นตระหนก หันมองร่างตัวเองแล้วก็ได้แต่โวยวาย ฉันเข้าไปช่วยออกัส ประคองร่างผู้ชายคนนั้น เราทั้งคู่พาเขาเดินไปยังหลุมอากาศสีดำที่ออกัสสร้างขึ้น

    ช่วงเวลานั้นฉันมองเห็นบางอย่างวิ่งผ่านหน้าไป ขาของฉันหยุดชะงัก แต่มันไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว ออกัสก็เห็นเช่นกัน

    “นั่นมัน...”

    “วิญญาณเร่ร่อน”

    “เจสซิก้า”

    เราพูดขึ้นมาพร้อมกัน

    ถึงจะแค่ชั่วพริบตาเดียวแต่ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร วิญญาณเร่ร่อนผู้คุมกำลังตามหาคือเจสซิก้า เพิร์ล...ผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับฆาตกร



    -------------------------------------------------

    สวัสดีค่าช่วงนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ 


    แวะมาขายรูปเล่มมาสั่งกันได้นะคะ >>> Google Form <<<


    ภาคลิลิธเหลืออีกสองตอนจบแล้วค่ะ

    ตอนจบจะตรงกับจันทร์หน้าที่ไปต่างจังหวัดพอดี เว็บไหนที่ตั้งเวลาอัปนิยายได้ออยล์จะตั้งไว้นะคะ ส่วนอันไหนไม่ได้อาจจะช้ากว่าเล็กน้อย ยังไม่แน่ใจ


    เรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรีจนถึงสิ้นเดือนนะคะ


    พบกันใหม่วันพฤหัสฯ ค่า


    Aki_Kaze

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in