เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lilith: Death's OrderAki_Kaze
บทที่ 17 ตัวตนของคนร้าย
  • บทที่ 17

    ตัวตนของคนร้าย

     

                ความร้อนใจของคาร์ฮาร์ตแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านการเหยียบคันเร่งของเขา เสียงไซเรนดังไปทั่วทุกที่ที่เขาขับรถผ่าน แปดนาทีต่อมา เราก็มาถึงสถานีตำรวจ ฉันสาวเท้ายาว ๆ ตามสายสืบเข้าไปด้านใน รู้สึกถึงการบีบแน่นในหน้าอกอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับยมทูตได้


                ผู้หญิงที่มาแจ้งความนั่งอยู่ในห้องรับรองพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงอีกหนึ่งท่าน เธอชื่อไอลีน อายุ 26 ปี มีผมยาวสีบรูเน็ต สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลราวกับการมานั่งอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นเรื่องผิดพลาด เธอสวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาว จากภาพถ่ายที่ทางเจ้าหน้าที่บันทึกไว้พบว่า ตามใบหน้าและร่างกายของเธอเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ เธอต่อสู้อย่างหนักเพื่อหนีจากคนร้าย เจ้าหน้าที่ทำการตรวจร่างกายไปก่อนหน้าแล้วและกำลังอยู่ระหว่างรอผล


                “ไอลีน ผมสายสืบเอียน คาร์ฮาร์ต” เธอมองหน้าเขาก่อนพยักหน้ารับ สีหน้าผ่อนคลายกว่าเดิม ดวงตาของเธอส่อประกายแห่งความหวัง “ผมเข้าใจว่าคุณไม่อยากนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก แต่ช่วยอดทนอีกนิดแล้วเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น คุณจำอะไรเกี่ยวกับคนร้ายได้บ้าง”


                “ฉันจำได้แม่นเลยค่ะ” น้ำเสียงของเธอหนักแน่นกว่าที่ฉันคิด สีหน้าก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวอีกต่อไป อาจเป็นเพราะการปรากฏกายของคาร์ฮาร์ตก็เป็นได้


                ว่าแต่คนที่ทำร้ายเธอจะใช้ฆาตกรหรือเปล่านะ


                “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ฉันกำลังเดินทางกลับบ้านตามเส้นทางปกติ จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งล็อคตัวฉันไว้จากด้านหลัง ฉันตกใจมาก พยายามกรีดร้องและขัดขืน แต่เขาปิดปากฉันแน่นพร้อมกับลากฉันเข้าตรอกแคบ ๆ ข้างทาง พอฉันขัดขืนเขาก็ต่อยเข้าที่ช่องท้อง...”


                สิ่งที่ไอลีนเล่าชวนให้เหตุการณ์ในคืนนั้นหวนกลับมา ฉันกุมมือแน่น อยากเดินหนีจากไปให้เร็วที่สุดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ฉันกลัวเกินกว่าที่จะขยับเขยื้อนไปไหน เหมือนกับตอนที่ฉันกลัวเขาในคืนนั้น


                “...ฉันโชคดีที่หันไปเห็นท่อนไม้ในระยะมือเอื้อม ช่วงเวลาที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังครอบครองฉัน ฉันก็คว้าท่อนไม้มาฟาดเขาสุดแรง ตอนนั้นฉันรู้เลยว่าถ้าไม่หนี จะต้องโดนเขาฆ่าตายแน่ ๆ ฉันผลักเขาตอนที่เขายังไม่ทันตั้งตัวแล้วออกวิ่งสุดชีวิต ไม่สนว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ตอนที่ขึ้นรถแท็กซี่ได้ฉันทำได้แค่ปล่อยโฮ ฉันรู้ว่าตัวเองควรมาแจ้งความให้เร็วที่สุด แต่ฉันไม่กล้า ฉันไม่กล้าที่จะให้ใครรู้ว่าตัวเองถูก...”


                ไอลีนกัดฟันแน่น มือบนหน้าตักสั่นเทิ้ม ตำรวจหญิงยื่นมือไปหาเธอ


    “ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เธอพยักหน้าขอบคุณตำรวจหญิงคนนั้น


    “คุณเคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อนหรือเปล่า” คาร์ฮาร์ตถามต่อ


    “ไม่ค่ะ” เธอตอบ “แต่เขาพูดเหมือนเรารู้จักกัน เขากล่าวหาว่าฉันนอกใจเขา เป็นนางแพศยาที่ต้องได้รับการสั่งสอน ขณะที่เขาทำแบบนั้น เขาเอาแต่บอกว่าฉันต้องเป็นของเขาเท่านั้น”


    เกิน 70%ในใจของฉันเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน เขาเองก็ด่าทอฉันอย่างกับฉันเคยทำอะไรไม่ดีกับเขา ทั้งที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน


    “สิ่งที่ฉันแปลกใจคือเขามีมีดพกอยู่กับตัวแต่กลับไม่ได้ใช้มีดเป็นอาวุธเพื่อทำร้ายฉัน” ไอลีนพูดต่อ “เขาดูพอใจกับการตบตีฉัน”


    สายตาหวาดกลัวกลับมาอีกครั้ง เธอจับใบหน้าตัวเอง บริเวณที่มีรอยฟกช้ำหลงเหลืออยู่


    “คุณอยากพักก่อนไหม” คาร์ฮาร์ตถามขึ้น


     เมื่อเห็นไอลีนส่ายหน้า พวกเขาก็เคลื่อนย้ายไปอีกห้องเพื่อเริ่มทำการสเก็ตภาพคนร้ายจากคำให้การของไอลีน ทั้งฉัน ทั้งคาร์ฮาร์ต ต่างก็ยืนจ้องพวกเขาเขม็ง ขาของเราขยับไปมาเยี่ยงคนอยู่ไม่สุก นี่มันตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนรอผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยอีก ฉันอยากจะข้ามขั้นตอนทั้งหลายแหล่แล้วไปถึงตอนที่พวกเขาเปิดเผยภาพให้เห็นใจจะขาด


    ถึงจะผ่านไปไม่กี่นาทีแต่ฉันรู้สึกเหมือนหลายชั่วโมงก่อนที่เจ้าหน้าที่จะให้คาร์ฮาร์ตดูภาพที่ผ่านการตรวจสอบจากไอลีนเรียบร้อยแล้ว


    ฉันใจหายวาบตอนเห็นภาพใบหน้าของชายคนนั้น สายตาของเขาเหมือนค่ำคืนนั้นไม่มีผิด มือของฉันกำแน่น ตำรวจรู้จักใบหน้าของเขาแล้ว


    “คิดว่ายังไงครับ” สายสืบอีกคนขอความเห็น


    “มันยังเร็วไปที่จะสรุปว่าเป็นคนเดียวกันกับ...นักแกะสลัก” เห็นได้ชัดว่าสายสืบคาร์ฮาร์ตไม่เห็นด้วยกับการตั้งฉายาให้ แต่เขาเรียกเพื่อให้มันง่ายต่อการสื่อสาร “ยังไงเราต้องตามหาตัวผู้ชายคนนี้ให้พบ แจ้งประกาศภาพนี้ให้ทั่วนะ”


    “ครับ”


    “ไอลีนคุณเห็นพาหนะของเขาหรือเปล่า หรืออะไรก็ตามที่จะระบุตัวตนของเขา”


    นี่เป็นโอกาสดีที่ฉันจะบอกสายสืบคาร์ฮาร์ตถึงป้ายทะเบียนรถของเขา ฉันก็แค่ต้องทำให้ไอลีนพูดแทนฉัน ในหนังมีมากมายที่วิญญาณสามารถสิงร่างของมนุษย์เพื่อสื่อสาร มือของฉันทะลุร่างของไอลีนและพอฉันนั่งลงตรงตำแหน่งเดียวกันกับเธอ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันอาจยังไม่รู้วิธีสิงร่างมนุษย์ หรือไม่ยมทูตก็สิงร่างมนุษย์ไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป


    “ไม่ค่ะ ฉันไม่เห็นรถของเขา เขาจู่โจมฉันจากด้านหลัง ตอนหนีออกมาก็ไม่ได้มองอะไรนอกจากมองหาแท็กซี่”


    ฉันพลาดโอกาสสำคัญไปแล้ว


    สายสืบคาร์ฮาร์ตจมปลักอยู่ในห้วงความคิด เขารู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับฆาตกร เขาจะมองออกหรือเปล่าว่าเป็นคนเดียวกัน อย่างที่เขาพูดไว้มันยากที่จะด่วนสรุปหากยังตามหาผู้ชายในภาพสเก็ตไม่เจอ ขณะที่ฉันรู้ว่าเป็นคนเดียวกัน


    คาร์ฮาร์ตกล่าวขอบคุณไอลีนก่อนจะพาเธอเดินออกจากห้องไปพร้อมเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในห้องจึงมีแค่ฉันกับโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ยังคงล็อกอินค้างไว้ ฉันมองนาฬิกาจากมอนิเตอร์และพบว่าตัวเองยังมีเวลาอยู่ในโลกคนเป็น เป็นเวลาที่มากพอที่จะตามหาผู้ชายคนนั้น


    ในเมื่อฉันบอกคาร์ฮาร์ตไม่ได้ ฉันก็หาเองเลยเสียสิ 


    การจับเมาส์และพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดไม่ง่ายอย่างที่คิด หลังจากวืดมาหลายครั้งในที่สุดฉันก็มีสมาธิมากพอจนสามารถพิมพ์ได้เหมือนมนุษย์ ฉันใส่ป้ายทะเบียนเพื่อหาข้อมูลเจ้าของรถ


    เจสซิก้า เพิร์ล เป็นเจ้าของรถซีดานสีขาวป้ายทะเบียนดังกล่าว มีที่อยู่ของเธอในข้อมูลด้วย ฉันไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนจึงค้นหาผ่านเว็บไซต์ ตรวจสอบเส้นทางจากตำแหน่งที่ฉันรู้จักเพื่อบลิงก์ไปให้ใกล้ที่สุด ถึงจะยังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครและเกี่ยวข้องกับฆาตกรอย่างไร อย่างน้อยฉันก็มีอะไรให้ตามสืบ


    ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักสืบในหนังอย่างไรอย่างนั้น


                ฉันเดินออกจากห้องและพบไอลีนกำลังกล่าวลาสายสืบคาร์ฮาร์ต ผลการตรวจของเธอออกมาแล้ว พวกเขาได้ข้อมูลดี ๆ จากหลักฐานที่เก็บจากเล็บของเธอ ถึงจะไม่พบในฐานข้อมูลแต่ตอนนี้พวกเขาก็มีอะไรให้เปรียบเทียบตอนเจอตัวชายในภาพสเก็ต ขณะที่ทางตำรวจกำลังกระจายข่าวภาพคนร้ายตามสื่อต่าง ๆ ฉันก็บลิงก์มายังสุสานในย่านบรูคลินที่เคยมาตอนมารับดวงวิญญาณ จากตรงนี้ใช้เวลาเดิน11นาที ไปยังบ้านหลังดังกล่าว


    บ้านของเจสซิก้าเป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้นสีขาว – ฟ้า มีรั้วเตี้ย ๆ เปิดอ้าอยู่ หน้าบ้านไม่ปรากฏรถซีดานสีขาว ระดับความหวังในการเจอตัวฆาตกรลดลงไปส่วนหนึ่ง


    ฉันเดินทะลุประตูบ้านเข้าไป พบทางเดินมุ่งสู่ชั้นสอง มีห้องนั่งเล่นติดกับห้องครัว กลิ่นของเครื่องเทศโชยมา หลังจากตายไปแล้วฉันก็พลาดของกินดี ๆ หลายอย่าง เครื่องดื่มในเจอริโก้ไม่มีรสชาติก็จริง แต่ฉันก็น่าจะยังรับรู้รสชาติของอาหารในโลกคนเป็นได้อยู่ จริงไหม ?


    ฉันส่ายศีรษะให้กับความคิดฟุ้งซ่าน เดินตามกลิ่นหอม ๆ ไปยังห้องครัว เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังฮัมเพลงไป คนแกงกะหรี่ในหม้อไป จากปริมาณแกงแล้วมันยากที่จะบอกว่าสำหรับหนึ่งที่หรือมากกว่านั้น อย่างฉันเองตอนเรียนมหาลัยก็ทำอาหารเตรียมสำหรับหลายมื้อ


    เจสซิก้าดูมีความสุขกับการทำอาหาร บรรยากาศอบอุ่น รื่นเริงเช่นนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีฆาตกรอยู่ในบ้าน ฉันเดินเลยไปห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกัน มันเป็นห้องธรรมดา ๆ เหมือนบ้านทั่วไป ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ตรงมุมห้องสังเกตเห็นวอลเปเปอร์เริ่มหลุดลอก บนตู้สูงขนาดเท่าเอวไม่มีกรอบรูปที่แสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้อาศัยในบ้าน หรือครอบครัวของเธอ


    เมื่อห้องนั่งเล่นกับห้องครัวไม่ตอบโจทย์ ฉันเลยตัดสินใจที่จะขึ้นไปชั้นสอง ห้องนอนน่าจะมีอะไรบ่งบอกถึงจำนวนผู้อยู่อาศัยได้ ขณะที่กำลังเดินไปที่บันได ประตูที่อยู่ข้างกันก็ดึงดูดสายตา ทาวน์เฮ้าส์หลังนี้มีห้องใต้ดิน ความลับมักเก็บอยู่ในห้องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ


    นี่ฉันดูหนังมากไปหรือเปล่านะ


    สายตาของฉันจ้องประตูบานนั้นเขม็ง บางอย่างบอกฉันว่ามีอะไรสำคัญอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับตอนที่รู้ว่าตำรวจกำลังจะพบศพของฉัน


    จังหวะที่ฉันกำลังจะก้าวเท้า ภาพการตายของชายคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวสมองพร้อมกับโน้ตระบุชื่อ ปรากฏขึ้นในมือ


    วันนี้เป็นวันที่ฉันได้รับสิทธิพิเศษ ทำไมเดธถึงยังส่งรายชื่อให้ฉันอีก แถมยังเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีด้วย ฉันเคยได้รับชื่อกะทันหันแบบนี้มาก่อน แต่ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้


    ฉันจ้องประตูบานนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจแล้วบลิงก์ไปทำงาน โดยให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะหาโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in