เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Minimore SessionSongpol Wuttikaisriarkom
เชียงใหม่...ไม่คอมพลีท | จากทริปแก๊งค์สู่การเดินทางคนเดียว
  •       จากก๊วนเพื่อนซี้ในนาม "แก๊งค์เงินเดือนห้าหมื่น"  เรามีกัน  5  คน  ชาย 2 หญิง ตกลงปลงใจตั้งแต่ต้นปี  ว่าจะเริ่มเที่ยวไกลด้วยกันเป็นครั้งแรก จุดหมายแรกที่ทุกคนอยากไป  เชียงใหม่ในปลายปี

          เรียกได้ว่า  เห่อทริปเที่ยวนี้เอามากๆ  จองตั๋วเครื่องบิน  จ่ายสตางค์เรียบร้อย  แต่เวลาเปลี่ยน  ตารางชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยน เส้นทางสู่เชียงใหม่ที่ไปกันเป็นกลุ่มเหลือเพียงหนึ่งเดียว

          ไม่มีแพลน  ไม่มีเป้าหมายที่อยากทำ ระหว่างทางไม่มีเพื่อนซี้  แต่ที่มีคือเพื่อนเก่า  ณ เชียงใหม่  ซึ่งบวชเรียน  จำพรรษาอยู่ และมีเกณฑ์ลาสิกขา  หลังจากผมเดินทางถึงที่หมาย 1  วัน

          แดดช่วงสายๆ  ของวันแรกจากดอนเมืองสู่เชียงใหม่ ไม่ร้อนมาก  แต่ผมกลับรู้สึกเย็นเยือกอย่างบอกไม่ถูก  เที่ยวบินถูกเลื่อนออกไปครึ่งชั่วโมงจากเวลาเดิม คล้ายกับว่าทุกอย่างไม่เป็นใจ ผมไม่ควรมาคนเดียว  ควรปล่อยตั๋วให้มันเลยกำหนดไป แต่เมื่อผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะยังไงมันก็ต้องเป็นไปในแบบของมัน  เพียงชั่วโมงเศษๆ เครื่องก็ลงจอดเทียบท่าอากาศยานเชียงใหม่ในตอนเที่ยงวัน 

          บ้านที่ผมพักเป็นฮอสเทลเล็กๆ  อยู่ในย่านนิมมานซอย  15  ซึ่งนับว่ามันอาจจะเดินทางไปยากสักหน่อย  หลังจากได้ยินพี่คนขับรถตู้ร้องอุทานทำนองเซงๆ พร้อมพูดกึ่งบ่นไม่ต่างจากหมีกินผึ้ง  แต่ไม่นานผมก็ถึงที่พัก  เจ้าของที่พักเป็นผู้หญิงชาวญี่ปุ่นพูดไทยได้ไม่มาก สุดท้ายเราก็ต้องใช้ภาษาฝรั่งสื่อสารกัน “Can you take a coffee here!”  เป็นประโยคแรกที่เธอบอกหลังเห็นหน้าเปื้อนเหงื่อของผม ผมได้รับคำแนะนำถึงสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรวม  พร้อมข้อมูลถึงที่เที่ยวหรือสิ่งที่น่าสนใจในแบบคนต่างถิ่นที่อยากศึกษาวัฒนธรรม  ความเป็นอยู่ แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้  เพราะคนที่ถูกถามก็คือคนต่างถิ่นที่อยู่มานานกว่าผมนั่นเอง โชคดีที่พอได้ข้อมูล  และแน่นอนผมได้รู้จักมิตรภาพที่ดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง

          จะว่าไปแค่มาถึง  ผมก็รู้สึกว่าเชียงใหม่น่าอยู่เสียมากๆ  และเวลาอีกกว่า 4  วันที่เหลือ ผมคิดว่าต้องได้ใช้อย่างคุ้มค่าแน่ๆ

          เดินทางมาไกลก็ต้องหาของทานเติมพลังกันหน่อย  หากจะพูดถึงอาหารเหนือที่เชียงใหม่  ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ชุดผักน้ำพริก  ดูจะเป็นอาหารอันดับแรกๆ ที่ใครๆ ก็นึกถึง  และแน่นอนไฮไลท์สำคัญในทุกๆ ร้านอาหาร  เราจะพบแคปหมูคอยเสิร์ฟรอบนโต๊ะ คล้ายกับว่าเป็นกับแกล้มที่ทานได้เข้ากับทุกชนิดอาหารได้เป็นอย่างดี  และที่ผมชอบในแต่ละร้านอาหารของเชียงใหม่  มันคือ  ถังขยะ ที่อยู่ข้างใต้ตามแต่ละโต๊ะ ซึ่งต่างจากร้านอาหารในห้างที่มีบ้างไม่มีบ้างอย่างชัดเจน 

          หลังจากอิ่มท้อง การเดินทางด้วยตัวเองคือสิ่งที่ตอบโจทย์ผม  ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์จึงเป็นจุดหมายต่อไป แต่ไม่ใช่ว่าใครๆ  จะอยากเช่ารถมอไซค์ก็จะเช่าได้ง่ายๆ  หรอกนะ บางทีมันก็ไม่ได้พอกับความต้องการของลูกค้าเสมอไป  ทั้งรถมีไม่พอ  รถหมด  รถยังไม่ได้คืน หรือแม้กระทั่งรถหาย  โดนขโมยขับเชิดหนีไปก็มี

          เวลาระหว่างวันช่างยาวนาน  แต่การกราบไหว้พระ  “ครูบาศรีวิชัย”  ไม่ใช่เรื่องน่างมงายสำหรับผม  แต่เพื่อความเป็นสิริมงคลและฝากตัวแสดงความจริงใจว่าอยากรู้จักเมืองที่ชื่อว่าเชียงใหม่  นอกจากนี้ร้านกาแฟที่ดูมีสไตล์  ดูจะน่าสนใจอยู่ไม่น้อย  แต่การขาดชีวิตอยู่ข้างๆ  ย่อมต้องการการถูกแทนที่ด้วยชีวิต  “สวนสัตว์เชียงใหม่”  จึงเป็นสถานที่น่าสำรวจสำหรับผมในตอนนี้ 

          ฟลามิงโก้สีชมพูชูคอสง่างาม

          แพนด้าช่วงช่วงที่ปราศจากคู่อย่างหลินฮุ้ย  กิน  นอน ขับถ่าย 

          หรือแม้กระทั่งสัตว์หลากชนิดทั่วทุกทวีปในโลกอยู่กระจัดกระจายตามส่วนของพื้นที่จัดแสดง  แม้ว่าบางชนิดอาจจะหลบซ่อน  เขินอาย ไม่กล้าปรากฎตัวต่อสายตาสาธารณชน  อย่างสัตว์จำพวกเสือ  เป็นต้น 

          ยังไม่พ้นแสงตะวันตกดิน  ฟิล์มในกล้องผมหมด  อดบันทึกความงามของเชียงใหม่ให้ได้จดจำอีก  ช่วงเวลาที่เหลือหมดไปกับการขับขี่รถ  ดูสถานที่ ซอกซอยของร้านค้าที่มีสไตล์  ไฟแสงสีของผับบาร์ย่านแหล่งบันเทิงส่องแสงสวนทางแสงแดดจากดวงอาทิตย์ค่อยยั่วให้ชวนหลง  ไม่ใช่หลงใหลที่จะดู  แต่หลงทางที่มันตั้งเรียงราย  ผุดขึ้นเยอะ จนไม่รู้ถึงความแตกต่าง

  •       เป็นคืนเดียวที่ผมอยู่ย่านนิมมาน แต่รู้สึกว่านาน  ผมสามารถซึมซับความเป็นเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี  หลังจากเช็คเอาท์ออก  เพื่อนเก่าก็โทรมาพอดี  เราคุยกันไม่นาน  พร้อมระบุพิกัดนัดเจอ  ต่อไปก็ถึงคราวต้องโยกย้ายอีกครั้ง  ผมไม่พลาดที่จะซื้อฟิล์มถ่ายรูปม้วนใหม่และของใช้อื่นๆ  ที่จำเป็นติดตัวไว้ก่อน  ระหว่างทางแวะทานอาหารล้านนาจากร้านริมทาง  แต่ความรู้สึกแปลกใจก็เข้ามาเยือนอีกครั้ง  เมื่อแม่โทรมาหาผม  พร้อมถามไถ่ว่าเป็นอย่างไร  สบายดีมั้ย?!  ยังไม่ทันที่ผมจะบอก  แม่เล่าว่า ป๊าออกไปข้างนอกแต่เช้า  เห็นมีคนโทรมาตามแต่ก็ไม่รู้ชัดเจนว่าเรื่องอะไรผมฟัง  แล้วก็เล่าแพลนในวันนี้ของตัวเองอย่างน่าสนใจ

          ผมออกเดินทางไปหางดง  บ้านของเพื่อนที่ลาสิกขาพอดี  โดยอาศัยรถตุ๊กตุ๊กขับพาไปส่ง  เป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ  2  ปี  ความรู้สึกไม่ได้ต่างไปจากเดิม  แต่ที่เปลี่ยนคือทรงผมของเพื่อนผมเท่านั้น  เราคุยกันถึงเรื่องที่เพื่อนผมไปทำงานและเรียนต่อที่ญี่ปุ่น  แต่ด้วยอุบัติเหตุก็ต้องกลับมาที่ไทย  ถามว่าเป็นอะไรมากมั้ย  เพื่อนผมได้แต่หัวเราะ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องให้ความสนใจที่ตัวผมตอนนี้แทน  ผมไม่ได้มองหาที่พัก เพราะตั้งใจและบอกล่วงหน้าแล้วว่าจะขออาศัยนอนบ้านด้วยหลังจากนี้  ซึ่งเพื่อนของผมก็เต็มใจต้อนรับอย่างดี

          เย็นวันนั้นเราไปเดินถนนคนเดินวัวลายในตัวเมืองโดยมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว  ระยะทางไม่ไกล ขับไปเรื่อยๆ  เพียงครึ่งชั่วโมง  เราก็ถึงถนนคนเดินชื่อดังในวันเสาร์ของเชียงใหม่แล้ว  ถนนคนเดินเส้นนี้มีทั้งของกินพื้นเมือง  เช่น หมูยอนมสด , เมี่ยงคำ , ออมเล็ตในกระทงใบตอง  หรือในส่วนของของทำมือ  เสื้อผ้า เครื่องประดับในแบบวัฒนธรรมของชาวเชียงใหม่ก็มี  ผมจึงได้ของฝากกลับไป  เป็นคู่ต่างหูจากปีกผีเสื้อ  และกระเป๋าคล้องคอลายสกรีนรูปใบไม้ที่มีคำว่า “Chiang Mai”  เขียนอยู่  ฝากแฟนสาวของผม

          ดูเวลา  ใกล้จะทุ่มครึ่ง  ผมบอกเพื่อน วันนี้มีบอลนัดสำคัญคู่มันระหว่างเชลซีกับลิเวอร์พูล  และเราก็ยังไม่อิ่มท้องกันดี  เราขับไปหาร้านอาหารที่ถ่ายทอดสดบอลแถวๆ  ม.เชียงใหม่ พอได้ร้านก็ได้เวลาเขี่ยลูกเริ่มเกมพอดี

          เราสั่งอาหารมาทานกับข้าวต้มโดยที่ไม่รู้สึกว่าต้องรอนาน  แต่ก็มีเรื่องให้หงุดหงิดนิดหน่อยเพราะทีมรักของผม  โดนเชลซียิงประตูขึ้นนำ 1-0  ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น

          “พล รีบบินกลับมาบ้านด่วนเลยได้มั้ย?”

          “แม่มีอะไรยังงั้นหรอ” ตกใจมาก  เพราะผมยังเหลือเวลาเที่ยวที่เชียงใหม่อีก

          แม่พูดด้วยเสียงที่แหบปนร้องไห้  อากุ๊งพ่อของป๊าแก อากู๊ อาซิ๋มถูกรถชนเสียชีวิต ตอนที่ักำลังขับรถไปไหว้อากุ๊งไท่ 

          ผมจับใจความได้ไม่มาก  รู้เพียงแค่ว่า  ผมสูญเสียญาติผู้ใหญ่ไป  3  คน  พร้อมกันในวันเดียว  และผมต้องรีบกลับบ้านเร็วที่สุด  เพื่อไปดูใจปะป๊ากะมะม้าทันที 

          ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร  ผมเดินกลับโต๊ะด้วยน้ำที่คลอนัยน์ตา  เพื่อนผมบอกสกอร์ว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลตามตีเสมอได้แล้ว  ผมไม่ได้ยินดีเช่นเคยแต่กลับรู้สึกเศร้ามากกว่า   พร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนของผมฟัง  เราดูเกมวันนั้นกันไม่จบ  รู้แค่ว่าผลชนะ  3-1

          วันรุ่งขึ้นผมรู้สึกเหงา  ว่างเปล่ายิ่งขึ้นไปอีก ทริปการเดินทางครั้งนี้ดูจะไม่คอมพลีทสำหรับผมเอาซะเหลือเกิน ตั้งแต่อุปสรรคตอนเริ่มแรกจนถึงวาระสุดท้ายของทริป  แต่ก็นับว่ามันเป็นโชคดีของผมที่ได้เผชิญหน้ากับทุกอุปสรรคได้อย่างไม่กลัว  มันทำให้ผมโตขึ้น ยอมรับในความเป็นไปของสิ่งมีชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  อาจจะทั้งสุขเศร้า  แต่เราก็ต้องก้าวผ่านพ้นมันไป  ยืนหยัดต่อไปให้ได้  เชียงใหม่ยังไม่คอมพลีทสำหรับผม เพราะโชคร้ายที่ผมมีเวลาน้อยเกินไปในการทำความรู้จัก  แต่แน่นอนมันก็เป็นโชคดีของผมอีกเช่นกัน  ที่สักวันผมจะกลับมาพบกันอีก  เหมือนเพื่อนเก่า  ณ  เชียงใหม่ของผมนั่นเอง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in