Note : เป็นฟิคที่แต่งร่วมกับนักเขียนท่านอื่นๆนะคะ
Relationship : Jooheon X Changkyun
Date : 18/04/2020
Twitter : @fallinforyuu
#jookyunfictionchallenge
/
ในทุกทุกที่จะมีเรื่องต้องห้ามเสมออย่างน้อยหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในครอบครัวที่ไม่ควรพูดถึง เรื่องเกี่ยวกับเบื้องบนที่ห้ามมีข้อสงสัย หรือบุคคลหนึ่งที่ผ่านเข้ามาทำอะไรบางอย่างและกลายเป็นบุคคลต้องห้ามในชีวิต
แต่สำหรับที่นี่คือ เมือง
เมืองต้องห้าม
สถานที่ใต้สุดของขอบเขต บรรจุประชากรราวๆสามพันชีวิต เนื้อที่เพียงน้อยนิดที่กัดกินพื้นที่สีทองทางใต้ พื้นที่ที่ใครต่อใครก็ลงความเห็นว่าต้องการตัดหางทิ้งไปให้ได้ไวที่สุด แต่ทำแบบนั้นมันไม่ง่าย คนพวกนั้นถึงจะไม่เป็นที่ต้องการแต่จะกำจัดไปเลยก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องการของใครเข้าจริงๆ พวกคนแบบนั้นก็เป็นแบบนี้ เป็นปีศาจแต่พอเอาเข้าจริงก็ใส่หน้ากากเป็นคนดีเพื่อที่ไม่ให้ใครมาว่าพวกเขานั้นเป็นคนอย่างนั้น
“นายเลิกมองไปทางนั้นสักทีเถอะน่า ยังไงก็ไม่มีวันได้ออกไปหรอก” เคน เพื่อนผมเอ่ยขึ้นขณะที่เดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่หลังต้นไม้ มองลอดลวดหนามออกไปอีกฝั่งที่อยู่แผ่นดินเดียวกัน แต่กลับแบ่งแยกเหมือนไม่ใช่
“อยากรู้ว่าที่นั้นมีอะไร” ถึงในระยะที่มองเห็นจะไม่มีตึกราบ้านช่องหรือผู้คนอาศัยอยู่ เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่า แต่กลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันไม่มีอยู่ที่นี่
ตั้งแต่เกิดผมไม่เคยตั้งคำถามว่าลวดหนามนั้นมีไวทำอะไร ผมเล่นสนุกกับเพื่อนๆ กับพ่อแม่อยู่ในพื้นที่ของตัวเองอย่างมีความสุข แต่พอโตขึ้น มีกลุ่มคนหนึ่งมักจะเข้ามาหาพวกเราทุกๆหกเดือน เพื่อมาตรวจสุขภาพ ฉีดเข็มเอาเลือดของคนบางคนไป และเอาบางอย่างฉีดเข้าร่างกายอีกคนไป เราไม่รู้ว่าที่แท้มันคืออะไร พวกเขาบอกว่าตรวจสุขภาพ พวกเราก็จะเชื่อแบบนั้น
วันหนึ่งถึงวัยที่ผมสามารถให้เลือดกับพวกเขาได้ ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับหมอคนหนึ่ง เขาอายุเยอะกว่าพ่อของผมด้วยซ้ำ เราได้คุยกันพอประมาณจนกระทั่งผมได้ถามว่าเขามาจากไหน เขาไม่ตอบ แค่ชี้ไปที่ประตูเหล็กบานใหญ่ที่มีคนคุมอยู่ตรงนั้นทุกยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาบอกกับผมอีกนิดหน่อยว่าข้างนอกนั้นสนุกกว่าที่นี้มาก แต่ไม่ได้บอกว่ายังไง
มันทำให้ผมสงสัย
และอยากออกจากที่นี้แทบบ้า
/
10 มกราคม ค.ศ.201X
วันที่ผมได้ออกมาจากลวดหนามนั้นเป็นวันแรก หลังจากวันที่ผมเอาแต่นั่งหลังต้นไม้นั้นมาเป็นเวลาเกือบห้าปี
‘ราเอล! เธอขวดเลือดพวกนั้นแตกหรอ!’
‘ฉันไม่ได้ทำ เธอซุ่มซ่ามเดินมาชนชั้นทำไมล่ะ’
‘กรี๊ดดด! ฉันจะไปฟ้องพี่อเล็กซ์’
‘รีบไปถอดชุดก่อนเถอะ ก่อนที่เลือดจะเข้าไปทำให้เธอกลายเป็นผีดิบ’
‘อีปากเสีย!!!’
ผมได้ยินบทสนทนานั้นทั้งหมด หลังจากให้เลือดเสร็จผมก็ทำทีไปช่วยเก็บกวาดขยะ และแน่นอนว่าไม่มีใครเห็นว่าผมแอบหยิบชุดที่พยาบาลคนนั้นถอดทิ้งไว้ แอบเอาไปไว้ที่ห้องนอนของผม เมื่อนำไปซักให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว วันหนึ่งผมหยิบมันขึ้นมาใส่ เดินไปที่ประตูนั้นด้วยขาที่สั่นเทา โกหกออกไปคำโตว่าเป็นหนึ่งในพยาบาลที่มาครั้งที่แล้ว แต่ได้ค้างที่นี่เพราะเหตุผลบางอย่าง ในตอนแรกดูเหมือนพวกเขาจะไม่เชื่อ แต่เพราะชุดที่ผมใส่อยู่นั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าผมไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน ที่นี้จะไม่มีใครได้ใส่ชุดผ้าดีแบบนี้แน่นอน
ผมออกมาจากที่นั้น เปลี่ยนชุดที่แอบเอาออกมาด้วย เดินเตร่แบบไม่รู้จุดหมายปลายทาง ผมตื่นตาตื่นใจมากที่ได้เห็นบ้านคนเป็นตึกสูงสิบๆชั้น มีร้านอาหารน่ากิน ร้านเสื้อผ้าสวยๆอยู่เต็มจนนับไม่ถ้วน
และในขณะที่ผมกำลังเดินไปอยู่เรื่อยๆก็เจอกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง เขามองมาที่ผมอยู่อย่างนั้น ผมรู้สึกไม่ดีจึงเลือกเดินกลับ แต่ทว่ากลับโดนทักขึ้นเสียก่อน
“น้อง เดี๋ยว"
ท่าทางเขาดูไม่น่าไว้วางใจ แต่จะว่าไปตั้งแต่ผมมาก็รู้สึกว่าคนแถวนี้ดูจะไม่ค่อนสนิทกันและดูระแวงกันอยู่เล็กๆ ผมไม่ได้ตอบอะไรในทันที แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงเพราะผมไม่มีเงินติดตัวแถมคืนนี้ก็ยังไม่รู้จะต้องไปนอนที่ไหน
“ครับ ทำก็ได้”
/
กลิ่นฉุนที่ไม่เคยรู้จักพุ่งเข้าสู่จมูกผมโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว กลิ่นและแสงสีเสียงกำลังทำให้ผมมึนเมาไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร
พอผมรับคำจ้างงาน คนพวกนั้นก็พาผมนั่งรถมาประมาณสองชั่วโมง และมาถึงนี่สถานที่ที่มีเสียงเพลงดังก้อง ผู้คนพลุกพล่านแม้จะเป็นกลางวันแสกๆ ผมเห็นคนหลายคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันแต่ก็ไม่มีใครสนใจกันและกัน ถ้าเป็นบ้านผมคงโดนโทษไปเป็นเดือนเชียว
“นั่งนี่นะ เดี๋ยวจะมีคนเข้ามา” เขาปล่อยให้ผมนั่งลงบนโซฟาในห้องห้องหนึ่ง กระชับแขนเสื้อยาวให้ล่นลงมาอีกนิดเพราะความเย็นของแอร์
/
“นายจะนั่งมองหน้าฉันอีกนานไหม” อยู่ๆอีกคนที่เข้ามาก็เปิดปากพูดกับผมก่อน
“แล้วผมต้องทำยังไง..เอ่อ.. สวัสดีครับ..หรอ...”
“งานของนายคืออะไรล่ะ รีบทำได้ไหมก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสีย”
“แล้วงานของผมคืออะไร ไม่มีใครบอกสักคน”
“?”
“คุณอย่าทำหน้าดุแบบนี้ได้ไหม ผมไม่รู้จริงๆ”
เขาออกไปพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าผมเสียงดัง ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งในครึ่งชั่วโมงหลัง
“นาย บ้านอยู่ที่ไหน?” ที่นี้เขานิ่งขึ้นและเปลี่ยนคำถาม
“ผม..ไม่มีบ้าน” โกหกออกไปอีกครั้ง ขืนบอกว่ามาจากไหนผมจะถูกส่งตัวกลับหรือเปล่า
“อย่าคิดจะโกหกฉัน นายไม่มีวันรู้แน่ว่าฉันทำให้นายหายไปได้เฉยๆ”
“ผ ผม ไม่มีบ้านจริงๆครับ อย่าทำอะไรผมเลยนะ” เป็นครั้งนี้ที่ผมรู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรกหลังจากออกจากบ้านมา ผมรู้สึกได้ว่าที่เขาพูดนั้นเป็นจริง
“ฉันชื่อจูฮอน นาย?”
“ผมชื่อแดน”
“อืม นายดูเหนื่อย เดี๋ยวให้คนไปส่งที่พักแล้วกัน”
“แล้วงานผม?”
“เป็นเพื่อนฉัน”
“…”
“นั้นแหละงานนาย”
/
“อึก..จูฮอน.. จูบแดน”
“…”
“จูบแดนนี่”
“นายยั่วฉันเองนะ”
“อืม..อึก!..”
จูฮอนปล่อยตัวคนเล็กกว่าหลังจากป้อนจูบให้หลังคำขอ ให้ลงไปนั่งลงกับพื้น รูดซิบนำส่วนที่พองโตออกมาทักทาย ก่อนจะส่งมันสู่ความอุ่นอีกครั้งในปากนุ่ม แดนนี่ไม่ปฎิเสธ ไม่เคยปฎิเสธได้สักครั้ง และเริ่มทำหน้าที่ตรงนี้ให้อย่างดี เรียวลิ้นเล็กเลียส่วนปลายอย่างใจเย็นก่อนจะเป็นจูฮอนเองที่ส่งมันเข้าไปสู่ลำคอลึก เข้าออกอยู่อย่างนั้นจนแดนนี่ไอออกมาพร้อมกับที่เขาปล่อยน้ำรักออกมาเปื้อนริมฝีปากเล็ก
แดนนี่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยตาฉ่ำน้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กกำลังเมาขนาดไหน
จูฮอนนำส่วนนั้นดันแก้มเล็กอยู่สองสามทีก่อนจะตัดสินใจอุ้มแดนนี่ขึ้นไปนั่งโซฟาดีๆ เขาคิดว่ามันควรจบแค่นี้แต่แดนนี่เหมือนจะไม่ได้คิดอย่างนั้น
แดนนี่ดึงจูฮอนลงมาที่โซฟาตัวเดียวกันก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งคร่อมตักกว้างด้วยตัวเอง จูฮอนไม่ได้ขัดขืน มองดูฝ่ามือเล็กที่กำลังอวดดีอยากจะกุมของของเขาให้รอบแต่ยาก เมื่อเห็นว่าสัมผัสจนพอใจก็ส่งมันไปจ่อช่องทางสีชมพูขอตัวเองอย่างเอาแต่ใจ เป็นครั้งแรกที่จูฮอนทำลังใจเต้น เขาให้แดนนี่ช่วยหลายครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปในตัวแดนนี่เลย เพราะแดนนี่ตัวเล็ก เขากลัวจะรับไม่ไหว แถมตอนนี้ยังไม่มีเจล ขืนเข้าไปมีหวังแดนนี่ได้น้ำตาเล็ด แต่ดูเหมือนจะช้าไปเมื่อรู้อีกที คนดื้อด้านเงียบแบบแดนนี่ก็พาตัวเองครอบครองเขาเข้าไปจนหมด
“นายเลือกแล้วอย่ามางอแงกับฉันพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน”
/
ผมกับจูฮอนเข้ากันได้ดี ตั้งแต่วันแรกผมก็ทำงานเป็น ‘เพื่อน’ อย่างที่เขาว่าได้อย่างไม่มีตกบกพร่อง จนตอนนี้กำลังเข้าเดือนที่สอง มันดีมากๆจนรู้สึกว่าวันเวลามันผ่านไปไวจนเกินรู้สึก เขาพาผมไปทำหลายๆอย่างที่ไม่เคยทำ
ไปว่ายน้ำ
ไปสวนสัตว์
ไปวาดรูป
อีกหลายๆอย่างแม้กระทั่ง ลองยา
ผมไม่ได้อยากยอมรับว่าติดมัน แต่ผมเรียกร้องมันทุกครั้งเวลาที่ได้มีเซ็กส์กับจูฮอน สิ่งนี้มันทำให้เซ็กส์ของเราดีขึ้น มันทำให้ผมลืมว่ามาจากไหน เป็นใคร ลืมเรื่องกังวลต่างๆไปทั้งหมด
และมีแค่เขา จูฮอน
แต่หนังสือทุกเล่มมันก็มีวันจบ เช่นเดียวกับเรื่องของเรา
จูฮอนรู้ว่าผมเป็นใคร และมาจากไหน ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
รอยสักที่ข้อเท้าเล็กที่เขามักจะมาจูบ มาลูบเวลาอยู่ด้วยกันสองคน
เขารู้ความหมายของมันเป็นอย่างดี
มันบอกว่าผมเป็นใคร มาจากไหน และควรจะอยู่ที่ไหน
เขาไม่ได้พูดอะไรกับผมมากในวันนั้นที่เขาบอกให้ผมได้รู้ว่าเขารู้
รวมถึงหลังจากนั้น
เป็นผมเองที่เรียกร้องให้เขากอด ให้เขาจูบ ให้เขารักผมแรง ๆ
ผมทรมานที่ต้องเลิกยาแบบหักดิบ แต่เพราะสัญชาตญาณมันกำลังบอกว่าให้มีสติ
และจดจำช่วงเวลาที่อยู่กับเขาให้มากที่สุด
/
และวันนั้นก็มาถึง
วันที่เขาบอกว่าเรื่องของเราจะไม่มีวันเป็นไปได้
วันที่เขาปล่อยมือผม
และส่งผมกลับในที่ที่ผมจากมาด้วยตัวของเขาเอง
/
‘ผมเรียนรู้เป็นอย่างดีว่ามันเจ็บยังไง
สถานที่ต้องห้าม
และรักต้องห้าม’
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in