เราบินไฟลท์เช้าของ Vietjet ถึงกระบี่ตอนประมาณ 9 โมง พอลงจากเครื่องก็จะเจอบริษัทที่เรากดจองรถเอาไว้มาชูป้ายชื่อรออยู่ที่ทางออก พอถึงตรงนี้เหมือนจะราบลื่นดีใช่ไหมคะ เริ่มวันแรกแบบสวย ๆ แต่เปล่าเลยค่ะ พอเรากำลังจะกรอกเอกสารเรื่องยืมรถตอนนั้นพี่เขาก็ขอบัตรเครดิต (ต้องใบเดียวที่เราตัดในเว็บ) ที่มีวงเงินไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท เราเลยบอกว่า ตอนเราตัดบนเว็บเราใช้บัตรเดบิตตัดมา ใช้ใบนี้แทนได้ไหม พี่เขาบอกว่าไม่ได้ ยังไงก็ต้องเครดิต ตอนนั้นคือแย่แล้ว มีลางเสียเงินแต่เช้า พี่เขาบอกว่าเราต้องลองไปทำเรื่องรีฟันเงินกับทางเว็บเอง (ซึ่งตอนท้ายเราก็รีฟันไม่ได้) แล้วพี่เขาก็ดีลกับที่เช่ารถของสนามบินให้เรา เป็นเจ้าที่ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต แต่ราคาจะแพงกว่าหน่อย

หลังจากได้รถแล้วเราก็พักเรื่องเสียเงินไว้ก่อน แล้วเปิด Google Map ดูว่าจะไปที่ยวไหนกันก่อน สักพักทางที่พักก็โทรมาหาเราพอดี พี่เขาโทรมาบอกว่า เรามีแพลนวันแรกหรือยัง ถ้ายังพี่เขาแนะนำว่าจากสนามบินให้เราแวะเที่ยวที่สระมรกตก่อน แล้วค่อยกลับที่พัก จะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปมา เพราะตอนแรกเรากะจะไปที่พักก่อนแล้วค่อยเที่ยวกัน

พอขับมาถึงที่นี่จะมาลานจอดรถใกล้ ๆ กับทางเข้าเลยค่ะ เดินไปนิดเดียว แต่ตอนเราไปเข้าตัดไฟพอดี 5555555555555555555555 น่าจะขัดคล่องบางอย่างเราเลยเล่นเน็ตไม่เลย สแกน QR Code เข้าก็ไม่ได้เลยต้องลงชื่อในสมุดแทน มีค่าเข้าคนละ 20 บาท (เด็ก 10 บาท) ข้อดีของการมาเที่ยวที่สระมรกตตอนเช้า ๆ คือไม่มีคนค่ะ ถ่ายรูปสบายมาก ๆ ถ่ายไม่ค่อยติดคนอื่นในเฟรม แล้วที่สำคัญคือแสงตอนเช้าสวยกว่าตอนกลางวันมาก

หลังจากออกจากสระมรกตเราก็กลับที่พักไปเช็กอินกัน ครั้งนี้เรานอนที่ Relax at Krabi Home Gallery ทั้ง 2 คืนเลย เจ้าของที่พักใจดีมาก ตอนนั่งคุยกันเขาบอกเราเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่รับหลังจากที่เริ่มเปิดให้เที่ยวหลัง Covid-19 เลยนะ

ที่อื่นมี welcome drink  แต่ที่นี่มี welcome fruit นะคะเสิร์ฟแตงโมมาจานเท่าถาด 

พอเดินเข้ามาจะเจอห้องนั่งเล่นก่อนเลย มีทีวี ตู้เย็น อุปกรณ์จานชามต่าง ๆ ครบ ซื้ออาหารจากข้างนอกเข้ามากินตอนดึก ๆ ได้เลย

เดินถัดมาอีกนิดจะเจอที่วางของกับโซนแต่งตัว กว้างมากกกกก มากับเพื่อนไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่กระจายของนะคะ เราตากผ้าพาดเอาไว้ยังเหลือที่เลยอะ

ห้องนอนเราภูมิใจนำเสนอมาก เพราะว่ากว้างมากกกก ตอนแรกเราจะไม่ได้ห้องนี้นะ แต่จะได้ห้องที่อยู่บนตึกด้านหน้าแทน แต่เพราะว่าเรามีรถมาด้วย แถมช่วงที่เราไปพักยังไม่ค่อยมีคนไปเที่ยว เจ้าของที่พักเขาเลยอัปเกรดที่พักให้ไม่คิดราคาเพิ่มด้วย เตียง 6 ฟุต 2 เตียง อีกอย่างที่ชอบคือมีปลั๊กไฟตรงหัวเตียงด้วย ไม่ต้องลากสายยาว ๆ ตอนเราไปพักได้ราคาห้องละ 850 บาท / 2 คน แต่เราไปกัน 3 คนก็บวกเพิ่มคนละ 200 ต่อคืน คุ้มไม่ไหว 

ตอนบ่ายเราออกมาหาอะไรกินที่บ้านต้นไม้ (Baan Ton Mai) ร้านสวยร่มรื่นมาก มองจากหน้าร้านเหมือนร้านจะไม่ได้ใหญ่มาก ตอนแรกเรายังแอบคิดไปว่า รูปในรีวิวถ่ายมุมภาพจะออกมาหลอกไหม แต่ในร้านกว้างจริง ไม่จกตา ตรงจุดทางเข้าหน้าร้านมีเครื่องพ่นเหมือนสเปรย์ฆ่าเชื้อทำความสะอาดก่อนเข้าร้านด้วย โดยจะให้เรายืนตรงจุดทางเข้าคนละ 10 วิ ซึ่งเราดูแล้วมันดูเวิร์กกว่าแค่เครื่องยิงหัววัดอุณหภูมิเยอะมาก ๆ 

เมนูอาหารในร้านส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลย เนื้อ แล้วก็มีเมนูที่มีไก่นิดหน่อย ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 100 - 400 เราสั่งแกงส้ม ปีกไก่ทอด แล้วก็เนื้อย่างจิ้มแจ่ว แล้วก็ข้าวสวยกันคนละถ้วย ที่นี่มีทั้งของคาวและของหวาน เมนูน้ำก็มีให้เลือกเยอะมาก เราสั่งน้ำมะพร้าวปั่น แตงโมปั่น แล้วก็อัญชัญโยเกิร์ตมาลองชิม อาหารอร่อยทุกเมนู แล้วก็ได้เยอะมาก ๆ ตอนสั่งระวังอย่าเพิ่งหน้ามืดสั่งเยอะนะคะ เราเกือบลุกไม่ขึ้น อิ่มมากกกกก

หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้วค่อยเดินหามุมถ่ายรูปเล่นกันในร้าน อย่างที่เราบอกไปว่าร้านกว้างมาก มุมถ่ายรูปในร้านมีหลายมุมเลย ต่อให้ถ่ายช่วงบ่าย แดดก็ไม่แรงจนทำรูปเสีย เพราะว่าต้นไม้ในร้านเยอะมาก ๆ 

ระหว่างทางกลับที่พักจะผ่านหาดเลยแวะลงไปถ่ายรูปเล่นกัน เพราะยังมีแสงอยู่ ตอนลงไปถ่ายแรก ๆ แสงจ้ามาก แต่ถ่ายออกมาแล้วสีรูปไม่ติดเหลืองติดส้มเกินไปนะคะ พยายามไม่ย้อนแสงเอา เพราะเดี๋ยวหน้าจะมืด 5555555555555555 แถบตรงหาดไม่ค่อยมีคนเลย แบบนับคนได้ ถ่ายรูปออกมาข้างหลังเลยไม่ติดคนอื่นเลย

เริ่มเช้าวันที่ 2 ด้วยอาหารเช้าแบบ Local Food ที่ทางที่พักจัดไว้ให้ ตอนเราไปเจ้าของจัดเต็มมากทั้งข้าวหมกไก่ ขนมจีนน้ำยา มีของหวานเป็นผลไม้กับขนมครก อันนี้ไม่เหมือนที่เราเคยกินเลยค่ะ เพราะทางใต้ขนมครกเขาตรงส่วนแป้งจะไม่หวาน แบบที่เรากินที่ภาคกลาง แต่เขาจะมีน้ำตาลแยกไว้ เอาไว้เทใส่ขนมครกตอนกินต่างหาก ส่วนตัวเราว่าแบบเทน้ำตาลราดอร่อยกว่าแบบใส่น้ำตาลผสมลงไปในแป้งอีก

ส่วนแพลนของวันนี้มีแค่อย่างเดียวเลยคือจะไปถ่ายรูปตามรอย Friend Zone ที่หาดพระนาง เราเลยถามจากเจ้าของที่พักว่า เราจะไปขึ้นเรือตรงไหนได้บ้าง พอมาถึงจุดที่ต้องขึ้นเรือหางยางที่จะใช้ข้ามไป ปกติจะต้องรอคนครบ 8 คนก่อนเรือถึงจะออก แต่เพราะตอนนั้นรอนานแล้วมีแค่ 5 คนพี่ตรงท่าเรือเลยบอกว่า งั้นเพิ่มเห็นหัวละ 320 (จากตอนแรก 200)

ความพังที่เจอคือ ตอนที่เราไปถึงไร่เลย์ช่วง 11.00 - 12.00 ตอนนั้นน้ำกำลังขึ้นสูง เพราะฉะนั้นมันเลยจะไม่เห็นชายหาดเลย แล้วคนขับเรือพาเรามาส่งลงตรงฝั่งไร่เลย์ซึ่งตรงนั้นมันไม่มีโป๊ะให้ลง เพราะมันเป็นเหมือนหาดส่วนตัว เพราะตรงที่เราลงมันติดรีสอร์ทเลย ตอนลงเลยทุลักทุเลกันมาก แล้วคนขับเรือก็บอก ลงได้เลย ๆ ไอ้เราไม่รู้ก็ลง พอถามพนังงานในรีสอร์ทเขาก็บอกว่า ให้เราเดินผ่านไปที่ถนนไม่ได้นะ เพราะเป็นรีสอร์ทส่วนตัว แล้วเราไม่ใช่ลูกค้าของเขา ทุกคนก็เลยงงกันหมดว่า ทำไมมาส่งลงตรงนี้ เลยไปถามคนขับเรือ เขาให้คำตอบว่า ถ้าเราจะไปฝั่งที่มีโป๊ะ ฝั่งพระนางต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกคนละ 200 เขาถึงจะพาเราไปได้ ตอนนั้นก็รู้แล้วแหละว่า โดนคนขับเรือหลอกกินตังค์แน่ ๆ  แต่สุดท้ายก็ยอมจ่าย เพราะมันไปไม่ได้ มันไม่มีทางเดิน

หลังจากมาถึงคือหาร้านนั่งพัก หาน้ำปั่นกิน รอเสื้อผ้าแห้งกันก่อนแล้วกะว่าค่อยเดินลุยไปหาจุดถ่ายรูปที่ตั้งใจไว้ ทางที่เดินไปจุดถ่ายรูปตรงหาดพระนางเราต้องเดินลัดหาดไป เพราะว่ามันอยู่ติดกับรีสอร์ทนึง เลยจะเดินผ่านรีสอร์ทเขาไปไม่ได้ และตอนที่เดินไปตอนนั้นน้ำกำลังขึ้น ต้องค่อย ๆ เดิน เพราะคลื่นซัดแรงมาก 55555555555555555555555 เดี๋ยวจะเละอีกรอบนึงก่อนได้ถ่ายรูป

อันนี้เป็นรูปที่เราหามาเป็น Reference จากเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ Friend Zone ส่วนอันนี้เป็นรูปที่ถ่ายได้กัน 55555555555555555555555555555

หลังจากลุยน้ำมาถ่ายรูปกันแล้ว ก็ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดกับคนขับเรือไว้ เลยจะไปคาเฟ่ร้านนึงที่เราดูรีวิวเอาไว้ก่อนมากัน ระยะทางคือ เหมือนเดินจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึงของเลยค่ะ เพราะเดินมาไกลมาก ๆ อยู่คนละฝั่งกันเลย

คาเฟ่ที่เรามาชื่อว่า Tew Lay Bay ที่ร้านนี้มีจุดถ่ายรูปที่เราตั้งใจมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ คือจะมีจุดให้นั่งถ่ายรูปยื่นออกไปบนต้นไม้ ซึ่งปกติเนี่ยตรงด้านล่างถ่ายรูปออกมาจะเห็นน้ำทะเล แต่จังหวะที่เราไปน้ำลดพอดี เลยเห้นพื้นด้านล่างแทน โอ้ยย สูงมากเลยค่ะ เดินไปนั่งก็ขาสั่น แต่ไปถึงที่แล้ว จะไม่กล้าก็ไม่ได้อีก 555555555555555555555555555

วันนี้เป็นวันกลับแล้ว เราจองไฟล์ทบินตอน 20.50 น. เพราะว่าจะได้ตื่นสาย ๆ กับหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยไปสนามบินกัน สรุปวันนี้เราตื่นมากินข้าวเช้าของที่พักไม่ทันกันค่ะ เพราะฝนตกตอนเช้าอากาศดีมาก นอนยาวกันถึง 11 โมงเลย หลังจาก

วันนี้เป็นวันที่ไม่ได้แพลนสถานที่อะไรไว้ กะว่าจะหาอะไรกินกันทั้งวันเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่บุฟเฟ่ต์ขนมจีนน้ำยา แล้วก้เปิดรีวิวหาคาเฟ่ใกล้ ๆ ตัวเมืองหาอะไรกินก่อนที่จะแวะไปที่สนามบิน เพราะเรานัดกับคนรับรถว่าจะไปคืนรถตอน 5 โมงเย็น