ฉันมีโอกาสได้อ่านปรัชญาความรัก หรือ Symposium เป็นผลงานการเขียนของเพลโตซึ่งทำให้ฉันได้เห็นมุมมองของความรักในหลายทัศนะของบุคคลต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับความรักในหลายมุมมอง เช่น ความรักเป็นพลังสร้างสรรค์เป็นพลังแห่งความกล้าหาญ ความเป็นอมตะของความรัก ตำนานของความรัก เป็นต้น ฉันจึงอยากแชร์เนื้อหาบางส่วนในหนังสือเล่มนี้ให้ทุกคนได้อ่านในเมื่อความรักเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนแต่ความรักที่ดีนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะพบเจอดังนั้นการที่เราได้รับมุมมองจากหลายๆมุมมองจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เรามองเห็นความรักกระจ่างและชัดเจนขึ้น
จึงกล่าวได้ว่าความรักที่เราทุกคนปรารถนาเป็นสิ่งที่มีมาแต่แรกเริ่มแล้ว เราต่างมีความต้องการจะกลับสู่สภาพเดิมคือการรวมสองส่วนเป็นส่วนเดียวกัน "เรียกชื่อฉันด้วยชื่อของเธอแล้วฉันจะเรียกเธอด้วยชื่อของฉัน" เปรียบได้ว่าเราทั้งคู่ต่างเป็นคนคนเดียวกันนั่นเอง ความรักสำหรับอริสโตเติลจึงมีเป้าหมายเพื่อให้มนุษย์กลับสู่สภาพเดิมหรือมีเอกภาพอีกครั้งหนึ่ง
คำถามนี้ ในปรัชญาความรักก็ได้มีคำตอบให้เหมือนกัน ประโยชน์ของความรักนั้นมีมากมายแต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ ความรักทำให้เราได้ครอบครองสิ่งที่เป็นอมตะ ในทีนี่สามารถแบ่งได้3ประเภทคือ การสืบพันธ์โดยการมีลูกทางร่างกายเพื่อคงสายพันธุ์เราให้มีต่ออย่างไม่สิ้นสุด ต่อมาคือการทิ้งเกียรติยศและชื่อเสียงไว้ให้คนอื่นได้พูดถึง หมายถึงความรักในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนกระทั่งยอมสละชีพเพื่อให้ชื่อของเราเป็นที่กล่าวขานและน่ายกย่องเช่น สืบ นาคะเสถียรเป็นนักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมเขาได้จบชีวิตลงเพื่อเรียกร้องให้สังคมเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจนในปัจจุบันเขายังเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกพูดถึงและควรค่าแก่การเชิดชู และสุดท้ายคือการมีลูกทางปัญญาหรือการทิ้งผลงานต่างๆให้ประจักรแก่โลกนี้แม้ว่าตัวคนจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วก็ตาม เช่น งานศิลปะ บทกวี เป็นต้น แต่สำหรับเพลโตมองว่าความรักเหล่านี้ยังไม่ใช่ความรักที่สูงส่ง แต่ความรักที่สูงส่งแท้จริงแล้ว คือการเข้าถึงแบบของความงามหรือการเข้าถึงแก่นแท้ความงามให้ได้นั่นเอง หรือถ้าพูดทางธรรมคือเป็นผู้เข้าถึงสัจธรรมนั่นแหละค่ะ
ถ้าให้เข้าใจง่ายก็คือความรักที่สูงส่งและน่ายกย่องจริงๆนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเพศสภาพและไม่ขึ้นอยู่กับผู้อื่นแต่ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเองต่างหากที่สามารถมองทุกสิ่งให้ทะลุรูปลักษณ์ภายนอกเข้าไปถึงแก่นของมัน เมื่อเรามองเห็นในจุดนี้จะทำให้เราไม่ยึดติดกับสิ่งที่ไม่คงทนถาวรที่อยู่ในรูปลักษณ์ภายนอกแต่กลับมองเข้าไปถึงความงามที่เป็นเอกภาพของสิ่งนั้นแทน
ปัญหาสังคมในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหย่าร้างหรือการทำร้ายร่างกายกันของคู่รักเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เราเห็นถึงผลร้ายจากการมีความรักที่ไม่ดี แม้ว่าแต่ละสุนทรพจน์จะมีความเห็นที่ต่างกันในบางมุม แต่ทุกสุนทรพจน์ที่ปรากฏในปรัชญาความรักมีจุดร่วมที่เหมือนกันอยู่ คือการมีความรักที่ดีเป็นเรื่องที่น่ายกย่องและความรักที่ดีคือสิ่งที่ควรค่าแก่การครอบครอง สิ่งที่ได้จากการอ่านสุนทรพจน์เหล่านี้แน่นอนที่สุดคือการที่ทำให้หันกลับมาถามตัวเองว่าทุกวันนี้เรามีมุมมองของความรักในรูปแบบไหนและจะดำเนินชีวิตเพื่อค้นพบความรักรูปแบบไหนแต่ก่อนที่หวังเจอความรักที่ดีสิ่งสำคัญคือต้องเป็นฝ่ายมอบความรักที่ดีให้กับตนเองและผู้อื่นก่อนและมองความสัมพันธ์ของทุกสิ่งอย่างลึกซึ้งให้ถึงแก่นแท้ของมันเพื่อให้ตัวเราเองไม่หลงระเริงในภาพมายาของสิ่งต่างๆเมื่อนั้นเราจะกลายเป็นผู้ที่พบเจอความรักที่ดีในที่สุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in