เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Synthetic Bedroom : ห้องนอนสังเคราะห์Synthkid_
หัวใจเป็นของยู สีชมพูเป็นของใคร?
  • คำเตือน : บทความนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องความรักสักกะติ๊ด



    " โอ้โห ใส่เสื้อเหมือนผู้หญิงเลย"



    "โอ้โห... หมวกสีแต๋วมาก"



    "โอ้โห ... ทำไมเฟสบุ๊กสีหวานขนาดนี้"



    ฉันได้แต่ปวดขมับตุ้บๆ กับคำถามเหล่านี้ ปกติไอ้ฉันก็เป็นคนที่หน้าด้านหน้าทนกับคำแซวคำล้อเลียนได้เก่งพอตัวอยู่หรอก แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ชิลจริงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องถูกถามอะไรแบบนี้ มันเมคเซนส์ตรงไหนกันนะ?




    ฉันไม่ใช่เพศที่3 ฉันเรียกตัวเองว่าเพศ 3.5 




    มันเป็นอะไรที่ฉันนิยามขึ้นมาเอง ฉันรู้สึกว่ามิติของตัวฉันมันมากเกินกว่าที่มาชี้ชัดว่าเป็น เลส , ทอม หรืออะไรก็ตามแต่ที่คนเขาอยากจะเรียกกัน  ฉันคิดว่าฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งเหมือนพวกคุณ ที่ "เจ็บได้ ร้องไห้เพราะปวดท้องเมนส์เป็น" นั่นแหละ


     แต่ก็นะ จากสารรูปการแต่งกายและเผ้าผมโดยรวม คนภายนอกเห็น ยังไง ฉันก็คือ "ทอม" อยู่ดี



    ซึ่งไอ้ตัวฉันเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรที่จะเรียกแบบนี้ เพราะไอ้เราก๋็ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าผู้หญิงเอง 



    แต่คำถามคือ ทำไมคนที่มีลักษณะเป็นทอมแบบฉันถึงชอบสีชมพูไม่ได้ล่ะ?




    และนั่นก็เป็นเรื่องที่ฉันกลับไปคิดก่อนนอนอยู่หลายคืน หลายครั้งที่หย่อนตัวลงนอนบนเตียง แล้วมองเพดาน เราก็พาลคิดถึงเรื่องพวกนี้ทุกที

     

    คิดทบทวนว่าใครกันนะ เป็นคนบรรญัติกฏต่างๆ ขึ้นมาว่าผู้ชายต้องชอบสีเข้ม ผู้หญิงต้องชอบสีอ่อน 



    เอ๊ะ... 


    ทำไมเวลาผู้หญิงชอบสีดำคือเป็นสาวเท่ห์ แต่ผู้ชายชอบสีชมพู สีม่วง จะต้องกลายเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ 



    แล้วเอ๊ะ.... 



    แล้วมันจะมีไหมนะ ผู้ชายที่จริงๆ ชอบโทนสีเหล่านี้แต่ไม่กล้าใส่ไม่กล้าพูดออกมาว่าเขาชอบ




    จู่ๆ ก็สงสารเพศชายจับใจ ทำไมคุณถึงแบกเรื่องอะไรเหล่านี้ไว้ได้มาตลอดชีวิต คงไม่ใช่ผู้ชายทุกคนหรอกที่จะชอบสีเหล่านี้ แต่เชื่อว่าต้องมีแน่ๆ แล้วพวกเขาจะโดนล้อไหมนะ ถ้าเกิดเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าสีชมพูคือสีโปรดของตัวเอง



    แต่เดี๋ยวก่อนนะ!


     

    ฉันก็เห็นอะไรแบบนี้ใน Pinterest บ่อยอยู่พอตัวนะ 
    ไหนจะแฟชั่นพวกดาราเกาหลีอีกล่ะ?






    ก็ดูดีนี่ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น LGBT เท่านั้น ถึงจะสวมใส่ได้ซะหน่อย ฉันก็เห็นอะไรแบบนี้ผ่านๆ ตามานั่นแหละ เลยเริ่มที่จะอยากสวมใส่สีชมพูบ้าง อยากที่จะเอาเจ้าสีที่ฉันเห็นแล้วสบายใจ มาไว้บนร่างกายบ้าง




    คิดแปบ ... 



    ฉันเริ่มตระหนักแล้วว่า ฉันไม่ได้แต่งตัวผิดแปลกอะไรไป ถ้าจะบอกว่าฉันเป็นทอม ฉันควรใส่อะไร ไม่ใส่อะไร ฉันก็ไม่ได้ใส่กระโปรงลายลูกไม้เฉิดฉายจนผิดปกติสิ่งที่ชาติเผ่าพันธุ์ทอมควรจะเป็นนี่



    งั้นฉันจะคาดโทษ โกรธคนเหล่านี้ดีไหมนะ ที่เขาเอาแต่มาทักฉันแบบนี้ แต่ถ้าฉันโกรธเขาเพราะเรื่องนี้ ฉันคิดว่าฉันต้องโกรธหลายคน แล้วก็ต้องมาคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่นๆ กับคนพวกนี้พอดี เอาเป็นว่าฉันจะหาแพะมารับบาปแทนเพื่อนๆ ของฉัน จะได้ไม่ต้องบาดหมางกับคนรู้จัก แต่ไปคาดโทษใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้สนิทกันเป็นการส่วนตัวดีกว่า




    เซิร์ชกูเกิ้ลแม่ง มีคนสงสัยเหมือนเราด้วย รู้สึกเจอเพื่อนและ 




    แล้วก็เจอสิ่งนี้เข้า





    โอเค ฉันโทษแก ผลวิจัยบ้าๆ ที่ทำให้ฉันเป็นคนกลุ่มน้อย และกระทบมาถึงฉัน แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่มีความเป็นกึ่งหญิงกึ่งชายฉันก็พลอยลำบากไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ขนาดไม่ได้เป็นผู้ชาย 100% ยังลำบากขนาดนี้


    แต่จริงๆ ฉันว่ามันน่าจะมีมิติกว่านี้สำหรับคำตอบเรื่องนี้ เพียงแต่ฉันก็ขี้เกียจหาคำตอบที่มันจะลึกซึ้งอัดแน่นไปด้วยข้อมูลอะไรเทือกนั้น ต่อให้ฉันหาข้อมูลเหล่านั้นมาอ้างอิงได้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนให้สังคมมองว่าการที่ผู้ชาย, ทอม ชอบสีชมพู เป็นเรื่องปกติไปได้หรอก


    ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อะไร ฉันก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย แถมฉันยังไม่แน่ใจด้วยว่าคำตอบที่ได้จะทำให้ฉันรู้สึกพึงพอใจ หรือหาอะไรมาแก้ต่างคนอื่นได้ว่าทำไมฉันถึงชอบสีชมพู



    แกน่ะทำให้ฉันลำบากจริงๆ  



    แกคนแรกที่ทำให้ค่านิยมนี้เกิดขึ้นมาไงล่ะ (ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร)



    และถึงฉันจะไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แต่ตอนนี้ฉันจิกตาใส่แก 
    ลอยผ่านอากาศไปเรียบร้อย เห็นความแค้นของฉันหรือยัง!!!!




    ประสบการณ์และความหงุดหงิดใจเหล่านี้ สุดท้ายก็ถูกสังเคราะห์ออกมาเป็น Lifestyle ของฉัน ที่ยังคงหน้าด้านใส่สีชมพูต่อไป และพร้อมจะรับมือกับการโดนทักทุกเมื่อ ว่าฉันรักสีนี้แค่ไหน :)






    **
    ปล. การคิดเชิงสังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการคิดที่ดึงองค์ประกอบต่างๆ มาหลอมรวมหรือถักทอภายใต้โครงร่างใหม่อย่าง เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in