เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คุยหนังtam.cozycorner
All These Years (2022) กล้าไม้เล็ก ๆ ที่สู้ลมฝนไปจนถึงวันที่เบ่งบาน
  • คุณจะเฝ้ามองคนที่ตัวเองรักโบยบินออกไปได้ไกลแค่ไหน..


    这么多年 (2022)
    ภาพยนตร์จีนแนวโรแมนติก Coming of age ที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็กวัยรุ่นสองคน
    เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสวยงามของความรัก การเติบโต ครอบครัว

    หลี่หราน รับบทโดย จางซินเฉิง

    เฉินเจี้ยนเซี่ย รับบทโดย ซุนเชียน




    เฉินเจี้ยนเซี่ย เด็กสาววัยมัธยมลูกคนโตของบ้านเก็บข้าวของย้ายไปอยู่หอ ณ โรงเรียนใหม่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่นี่การแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยคนเก่ง เธอมีเป้าหมายแน่วแน่ในการเรียน ตั้งใจและพยายามทำให้ดีที่สุดเพราะการเรียนสำคัญกับชีวิตของเธอมาก ๆ

    เฉินเจี้ยนเซี่ยได้พบกับ หลี่หราน” ในโรงเรียนใหม่ หนุ่มหล่อบ้านรวย ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อเขาคือคน ๆ นี้เป็นคนที่ดูแข็งกระด้าง นักเลงนิด ๆ ไม่ค่อยสนใจการเรียน แต่เขากลับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นเพื่อนกับเธอในโรงเรียน 

    แม้ความประทับใจแรกจะดูงง ๆ แต่คน ๆ นี้ก็เป็นคนที่เธอไว้ใจได้ ตอนที่เจี้ยนเซี่ยโดนกลั่นแกล้งคนที่ช่วยเธอไว้คนแรกก็มักจะเป็นหลี่หราน แต่บางทีคนที่นำปัญหามาให้เธอก็เป็นหลี่หรานซะเอง ทั้งสองเริ่มสนินสนมกันขึ้นเรื่อย ๆ จากที่ดูแลช่วยเหลือกันและกันตามประสาวัยรุ่นมัธยม จนเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบคนรัก…


    *มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์*

    ด้วยฐานะครอบครัวที่แตกต่างกันของทั้งสองคน ทำให้ความกังวลในชีวิตของเจี้ยนเซี่ยเป็นอุปสรรคหนึ่งในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ หลี่หรานมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี มีฐานะ ทำให้ชีวิตของเขาไม่ต้องกังวลกังอนาคตมากเท่าไหร่ กลับกันกับเจี้ยนเซี่ยที่มีเป้าหมายว่าฉันจะต้องเรียนให้เก่ง ตั้งใจเรียนให้ดีเพื่อที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ทำงานดี ๆ แบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ และที่สำคัญที่สุดคือ “หนีให้ไกลจากที่นี่” ซึ่งก็คือบ้านของเธอเอง ครอบครัวของเธอมีพ่อแม่และน้องชาย เธอมักถูกคาดหวังให้ประสบความสำเร็จเพื่อที่จะปูทางให้น้องชายของบ้านมีอนาคตที่สบายมากขึ้นอยู่เสมอ ทำให้เธอมักทะเลาะกับแม่ของเธอบ่อยครั้ง เรียกได้ว่าที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยของเธอเลย ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องไปเรียนไกลบ้านมากก็ได้ แต่เพราะเธออยู่ใกล้ครอบครัวแล้วเธอไม่มีความสบายใจเลย ทำให้เธอตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ


    ความรักที่ไม่เคยเรียกร้อง

    ไม่ว่าจะอยู่ใกล้กันหรือว่าห่างกันมากแค่ไหน ไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่หลี่หรานจะรั้งเจี้ยนเซี่ยไว้ให้อยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าเขาจะต้องการเธอก็ตาม นั่นเป็นความขมขื่นหนึ่งที่ทำเอาเราเศร้าใจไปด้วย ในตอนที่หลี่หรานรู้ว่าเธอกำลังจะจากไปแล้ว เขาไม่เคยรู้ว่าการจากลาแต่ละครั้งจะได้กลับมาพบกันอีกไหม ถ้าได้พบอีกครั้งจะเป็นเมื่อไหร่ หัวใจของเจี้ยนเซี่ยจะยังมีที่ว่างให้เขาเหมือนเดิมไหม ใดใดก็ตาม สิ่งที่หลี่หรานทำก็คือการเคารพการตัดสินใจของเจี้ยนเซี่ย สนับสนุนให้เธอทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอ ปล่อยให้เธอโบยบินออกไปด้วยปีกของเธอเอง และถ้าหากว่าความรักของเขาทั้งสองคนมันยังเป็นไปได้ เขาก็คงเผื่อใจไว้สักนิดว่าเธอคงจะกลับมาเอง.. เพราะเขาก็ยังคงเฝ้ามองอยู่ห่างๆเสมอว่าคนที่เขารักจะสามารถโบยบินไปได้ไกลแค่ไหน เผื่อว่าวันหนึ่งเธออาจจะบินกลับมา หรืออาจจะไม่ แต่ที่รู้ๆคือหัวใจเขาไม่เคยว่างเปล่า ในนั้นมีเธออยู่เสมอ 



    หลายปีมานี้ มีคนเฝ้ารอเธออยู่เสมอ…
    หนึ่งในฉากที่ประทับใจที่สุดของเราคือตอนที่พระนางเจอกันครั้งที่สอง หลี่หรานขับรถมารอเจอเจี้ยนเซี่ยที่หน้าแมนชั่น หลังจากทั้งคู่จากกันไปนานหลายปี แววตาของทั้งสองคนที่มองกันมันยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดที่อยู่ในใจมานานถูกเก็บรวบรวมไว้และแสดงออกมาในวินาทีสั้น ๆ นั้น

    การเรียนรู้และเติบโต

    การที่เราจะสามารถรักใครให้ดีได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้ดีก่อน จึงจะรู้จักการรักตัวคนอื่นให้ดี เจี้ยนเซี่ยเองได้เรียนรู้ว่า ตอนที่เธอประสบความสำเร็จในเป้าหมายของชีวิตแล้ว การมีคนรักอยู่ข้าง ๆ มีคนที่คอยสนับสนุนด้านความรู้สึกเป็นสิ่งที่มีค่าพอที่จะคว้าเอาไว้ และมันเมื่อเกิดขึ้นถูกเวลา มันก็จะเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นเอง และที่สำคัญเธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในเวลาที่เหมาะสม

    เราไม่จำเป็นต้องรักคนที่เรารัก ในทุกอย่างที่เขาเป็น แต่ทำยังไงเราถึงจะโอบกอดเขาเอาไว้ได้ทั้งในตอนที่มีความสุขและตอนที่มีแต่ความสับสนวุ่นวาย และทำให้เขารู้สึกได้ว่าเขายังเป็นคนที่ถูกรัก 

    แม้ว่าความรักของทั้งสองคนจะเกิดขึ้นในตอนที่พวกเขายังไม่เดียงสาอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ว่ามันปลอมเปลือก เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหลี่หรานและเฉินเจี้ยนเซี่ยคือความจริงใจที่บริสุทธิ์สุด ๆ แล้ว 


    “การที่เราเติบโตขึ้น มักจะมีสักคนที่หายไปจากชีวิตเรา” ประโยคธรรมดาๆที่แสนจะจริง 
    ในระหว่างเส้นทางการเติบโตของหลี่หรานและเจี้ยนเซี่ย พวกเขาเองก็ได้เสียคนสำคัญไปบ้าง และครั้งหนึ่งเขาทั้งสองก็เกือบจะคลาดกันไปแล้ว…



    จากผู้เขียน

    ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกก็ได้เสียน้ำตาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย อาจเป็นเพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนัง coming of age ที่มักจะฉายภาพให้เราได้เห็นการเปลี่ยนผ่านแห่งวัยที่อยู่ในชีวิตวัยรุ่นของทุก ๆ คน ซึ่งนั่นมีความเจ็บปวดและความสวยงามในแบบของมัน กว่าเราจะเติบโตผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตไปได้มันไม่ง่ายเลย ถ้าวัยรุ่นเป็นหน้าร้อนการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็คงเป็นหน้าฝน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เราจะกลายเป็นเราที่มี dynamic มากกว่าเดิม เข้าใจโลกมากว่าเดิม

    ตัวผู้เขียนเองค่อนข้างมีความรู้สึกร่วมกับตัวละครเจี้ยนเซี่ยมาก ๆ ในมุมที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ไคว่คว้าสิ่งที่จะเปิดทางให้เธอไปถึงสถานที่ที่เธอจะรู้สึกปลอดภัยได้ ซึ่งเธอไม่เคยได้รู้สึกแบบนั้นมาก่อนเลย ที่บ้านเธอมักจะเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ความจนให้เธออย่างปฏิเสธไม่ได้ แน่นอนว่ามันกระทบกับชีวิตและการเรียนของเธอ แต่ทางเดียวที่จะเป็นอิสระจากวังวนนี้ได้คือการออกห่างจากบ้าน และนั่นมันโดดเดี่ยว 

    นอกจากเธอจะต้องกล้ามากพอที่จะบินออกไปด้วยตัวเองแล้ว การจากลาคนที่คุ้นเคยคงอาวรณ์ไม่น้อยเลย เพียงเพราะครอบครัวทำร้ายความรู้สึกของเธอ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะเหมือนกับคนทั่วไปที่เธอเดินสวนบนถนน ไม่มีความรู้สึกใดใดต่อกัน จริง ๆ แล้วความรักมีหลายรูปแบบ มีหลายนิยาม บางทีความรักก็คือการอยู่เคียงข้างกัน ดูแลกันและกัน แต่บางทีความรักก็คือการปล่อยมือกันไป เหมือนกับที่หลี่หรานเลือกที่จะทำ หรือแม้แต่ความรักระหว่างเจี้ยนเซี่ยและแม่ของเธอก็ตาม ความรักที่ย้ำเตือนว่า ต่างฝ่ายต่างควรรักตัวเองให้ดีก่อนเสมอ จึงจะเรียนรู้ได้ว่าการรักคนอื่นให้ดีนั้นเป็นอย่างไร 

    พ่อแม่ก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบเช่นกับเรา ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งเราอาจจะไม่เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาทำ แต่พอโตขึ้นเราจะรู้ว่าชีวิตมันซับซ้อนกว่าที่เราคิด สิ่งที่อยู่ข้างในจิตใจของคนมันลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้ และเราไม่มีทางเข้าใจคนอื่นได้อย่างหมดเปลือก อาจจะเหมือนกับการที่เราในอายุ 30 ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับชีวิตที่ก้าวย่างเข้าสู่ 31 หรือถ้าเราโชคดีอยู่ไปจนถึงอายุ 80 เราก็คงต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับชีวิตปีที่ 81 ของตัวเองอีกเหมือนกัน เหตุผลก็เพราะเราไม่เคยอายุ 81 มาก่อน เราไม่เคยเรียนรู้ได้จากอนาคต แต่เราเรียนรู้ได้จากอดีตเสมอ และชีวิตของทุกคนเดินไปสู่อนาคต เพราะฉะนั้นมันคงไม่ง่ายเลยที่จะรับมือกับสิ่งที่เราไม่เคยประสบด้วยตัวเองมาก่อน 

    ความจนมันสร้างความกลัวและความเครียดในจิตใจได้มากกว่าที่เราจะจินตนาการได้ ทางเลือกของพวกเขาคงไม่ได้มีมากมาย ถ้าอยากที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็ต้องเหนื่อยกขึ้นไปอีก ขยันขึ้นไปอีก แม่ของเจี้ยนเซี่ยเอง ถ้าเธอเลือกได้เธอคงไม่ได้อยากเป็นคนอารมณ์ร้อนกับลูกสาวเหมือนกัน เธอห่วงและภูมิใจในตัวลูกสาวแต่แสดงออกอย่างไม่ถูกต้อง นั่นทำให้ลูกสาวต้องเจ็บปวด และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เจี้ยนเซี่ยต้องเป็นคนที่รับทุกผลของการตัดสินใจของเธอเอง ดังนั้นการรักเจี้ยนเซี่ยที่ถูกต้องก็คงเป็นการให้เธอเลือกทางเดินในชีวิตของตัวเอง สำหรับความเจ็บปวดที่เธอเคยสัมผัส อย่างน้อย ๆ มันคงจะสอนให้เธอรักตัวเองได้ดียิ่งขึ้น…

    อีกอย่าง ความรักของทั้งสองคนสมหวังในตอนสุดท้ายนั่นก็เพราะเจี้ยนเซี่ยตัดสินใจกลับมาหาหลี่หรานด้วยตัวของเธอเอง เธอคือคนที่รักตัวเองเป็น และเป็นคนที่สมควรได้รับความรักที่ดีจากคนรอบข้างเสมอ


    ช่องทางการรับชม: 【ENGSUB】MangoTv (ต้องใช้VPN) 

    Zhang xincheng และ Sun qian
    ภาพจาก All these years’s Official Weibo

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in