เทคโนโลยีที่เป็นสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการที่มนุษย์ได้สร้างและพัฒนาขึ้นมา มีทั้งเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ และเทคโนโลยีที่มีโทษต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงต้องรู้จักเลือกใช้อย่างสร้างสรรค์
การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์มีแนวทาง ดังนี้
1. เลือกใช้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการได้ เช่น
2. เลือกใช้เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย เช่น
3. เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น เช่น
4. เลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น
การจัดการเทคโนโลยีเป็นแนวทางในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ไม่มีโทษต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมี 2 แนวทางที่น่าสนใจ ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีสะอาด
พลังงานหมุนเวียน (renewable energy) คือ พลังงานที่ได้จากแหล่งพลังงานที่มีอยู่ในธรรมชาติและสามารถผลิตทดแทนได้ไม่มีวันหมด เช่น แสงอาทิตย์ น้ำ ลม ความร้อนใต้พิภพ ชีวมวล
พลังงานหมุนเวียนมีประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้า และเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้
พลังงานหมุนเวียนมีด้วยกันหลายรูปแบบ ดังนี้
1. พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่เกิดจากการใช้กระจกหรือแผงรับแสงแดด รวมแสงหรือดูดซับรังสีความร้อน เพื่อนำไปใช้ในการหุงต้มอาหารต้มน้ำให้เดือดและผลิตพลังงานไฟฟ้า
2. พลังงานน้ำ เป็นพลังงานที่เกิดจากคลื่นในทะเล หรือกระแสน้ำที่เกิดจากภาวะน้ำขึ้น-น้ำลงในเขื่อนกักเก็บน้ำ หรือแม่น้ำลำธารซึ่งสามารถนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้า ได้
3. พลังงานลม เป็นพลังงานที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของลม ซึ่งสามารถแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยอาศัยกังหันลมที่หมุนและขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
4. พลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นพลังงานความร้อนภายในโลก ซึ่งทำให้น้ำใต้ดินมีอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อสูบน้ำที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นมาแล้วส่งจ่ายไปตามบ้านเรือนจะสามารถให้ความร้อนแก่บ้านเรือนหรือตัวอาคารได้ และไอน้ำที่เกิดจากแหล่งความร้อนเช่นเดียวกันนี้สามารถนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้าได้
5. พลังงานชีวมวล เป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่เกิดจากการเผาไหม้ หมัก กลั่น หรือสกัด จากซากพืช ซากสัตว์ มูลสัตว์ ขยะชุมชนที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว กากตะกอนจากการบำบัดน้ำทิ้งด้วยวิธีทางชีววิทยา วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น แกลบ ฟางข้าว กากอ้อย กากมันสําปะหลัง กากปาล์ม ซังข้าวโพด กาบมะพร้าว เศษไม้ เศษยางพารา มาเป็นแก๊สชีวภาพ หรือแก๊สมีเทนไบโอดีเซลที่สามารถใช้ทดแทนน้ำมันเบนซินและดีเซลทั่วไปได้
เทคโนโลยีสะอาด (Clean Technology หรือ CT) คือ การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้วัตถุดิบ พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยก่อให้เกิดผลเสียต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิตด้วยการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า 4R ได้แก่รียูส (reuse) รีแพร์ (repair) รีดิวซ์ (reduce) และรีไซเคิล (recycle) ดังนี้
1. รียูส (reuse) หรือใช้แล้วใช้อีก เป็นการลดใช้ทรัพยากรโดยการนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ในลักษณะเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรง เช่น กล่องพลาสติกมีฝาปิด กล่องและลังกระดาษ กล่องโลหะมีฝาปิด ถุงกระดาษแข็ง ถุงผ้า ถุงพลาสติกมีหูหิ้ว ขวดแก้ว กล่องไม้ ยางรัดของ
2. รีแพร์ (repair) หรือซ่อมแซมใช้ซ้ำ เป็นการนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วและมีตำหนิมาซ่อมแซมหรือดัดแปลงให้นำกลับมาใช้ได้อีก เช่น กางเกงขายาวที่ปลายขามีรอยขาดนำมาตัดเย็บเป็นกางเกงขาสั้น เสื้อแขนยาวที่ปลายแขนมีรอยขาดนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อแขนสั้น กางเกงยีนปลายขาขาดชำรุดเป็นรูทั้งสองข้างนำมาตัดเย็บเป็นกระเป๋า
3. รีดิวซ์ (reduce) หรือการลดใช้ให้น้อยลง เป็นการลดการใช้ทรัพยากรหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้น้อยลง เพื่อให้มีของเสียหรือขยะน้อยที่สุด ซึ่งจะช่วยลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ลดค่าใช้จ่ายในการผลิต หรือทำลายของเสีย และขยะได้อีกด้วย ดังตัวอย่าง ลดการใช้กระดาษด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อลดการตัดไม้มาทำกระดาษ ลดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกหรือโฟม
4. รีไซเคิล (recycle) หรือหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นการนำผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษ แก้ว พลาสติก เห็ก อะลูมิเนียม ลวดทองแดง ที่ใช้แล้วหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ โดยผ่านกระบวนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดิม หรือผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่
การมีส่วนรวมในการรีไซเคิลสามารถทำได้โดยคัดแยกขยะแต่ละประเภท เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิล
การสร้างชิ้นงานของเล่นของใช้หรือของตกแต่งใดๆ ก็ตามต้องอาศัยความรู้ที่หลากหลาย เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ภาพฉาย กระบวนการเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้รวมกันเพื่อให้เกิดเป็นชิ้นงานที่มีความแปลกใหม่สวยงาม และมีประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการ
ความคิดสร้างสรรค์ (creative Thinking) เป็นความสามารถทางสมองของมนุษย์ที่คิดได้กว้างไกล หลายแง่มุม หลายทิศทาง นำไปสู่การคิดประดิษฐ์สิ่งของ และแนวทางแก้ปัญหาใหม่
ความคิดสร้างสรรค์มี 4 ลักษณะ ดังนี้
1. ความคิดริเริ่ม คือ ลักษณะของความคิดที่แปลกใหม่แตกต่างจากความคิดเดิมประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นที่ไม่ซ้ำกับของเดิมและไม่เคยปรากฏมาก่อน
2. ความคล่องในการคิด คือ ความสามารถในการคิดหาคำตอบได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว และมีปริมาณที่มากในเวลาที่จำกัด
3. ความยืดหยุ่นในการคิด คือ ความสามารถในการคิดหาคำตอบได้หลายประเภทและหลายทิศทางดัดแปลงจากสิ่งหนึ่งไปเป็นหลายสิ่งได้
4. ความคิดละเอียดลออ คือ ความคิดในรายละเอียดเพื่อตกแต่งหรือขยายความคิดหลักให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
การสร้างชิ้นงานทุกชิ้น 5 สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ทั้ง 4 ลักษณะหรือลักษณะใดลักษณะหนึ่งมาช่วยในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการได้จะทำให้ผลงานมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
1. ภาพฉาย เป็นภาพลายเส้นที่บอกขนาดสัดส่วนต่างๆ ของชิ้นงาน ซึ่งส่วนใหญ่เขียนมาจากภาพของจริง โดยมองแต่ละด้านแล้วเขียนภาพออกมาตามที่มองเห็นในแต่ละด้านของชิ้นงาน
2. ภาพออบลิค เป็นแบบภาพสามมิติอีกชนิดหนึ่งที่จะแสดง
3. ภาพไอโซเมตริก เป็นแบบภาพสามมิติที่จะแสดงการเขียนโดยใช้มุมทั้งสองข้างเท่ากัน คือ เป็นมุม 30 องศา โดยวัดจากเส้นระนาบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in